พระพุทธบาท 4 รอย ดินแดนแห่งพุทธะ
เหตุที่ควรไปสักการะพระพุทธบาท 4 รอย มีหลายประการมากมาย แต่ปีนี้ มันอาจเป็นปีของการเริ่มต้น ของการสิ้นสุดหลายๆอย่าง โดยเฉพาะคนไม่มีศีลธรรม ภาษาวัยรุ่นเรียกว่า เช็คบิล อย่านึกว่าทำบุญเยอะแล้วจะรอด เคยสังเกตไหม ทำไมคนทำบุญแล้วยังโดนวิบากกรรมเล่นซะอ่วมเลย เพราะเรายังไม่รู้ว่าในชาตินี้ ชาติก่อนๆ เราทำบาปอะไรไว้บ้าง ดังนั้น การไปขอขมาและปฏิบัติบูชาพระพุทธเจ้าที่พระพุทธบาท 4 รอย จะเป็นการลดทอนกรรมได้ดีที่สุด และ มีผลทำให้การปฎิบัติธรรมก้าวหน้าอย่างเร็วโดยที่เรานึกไม่ถึงเลย อันนี้เรื่องจริงแต้ๆเลย ขนาดหลวงปู่สิม หลวงปู่ดู่ หลวงพ่อเปลี่ยน หลวงตาม้า ท่านยังให้ความสำคัญกับพระพุทธ 4 รอยเป็นอันมากครับ สำหรับพระพุทธบาทสี่รอยแห่งนี้นับเป็นมหาปูชนียสถานพิเศษที่ทรงไว้ซึ่งความสำคัญและความศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่งยวดด้วยเป็นที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้เสด็จอุบัติขึ้นมาแล้วถึง 4 พระองค์คือ (https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fboard.palungjit.com%2Fattachment.php%3Fattachmentid%3D886035%26amp%3Bd%3D1267830125&hash=195017a30261ce6e46e78fcfc5e3a37e8728686d)
1. พระกกุสันธพุทธเจ้า 2. พระโกนาคมนพุทธเจ้า 3. พระกัสสปพุทธเจ้า 4. พระโคตมพุทธเจ้า(พระองค์ปัจจุบัน) หรือแม้แต่ หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโมพระอริยเจ้าผู้ทรงฤทธิ์อย่างยวดยิ่งแห่งวัดป่าอรัญญวิเวก จ.นครพนมเมื่อครั้งยังเที่ยวธุดงค์อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ก็ได้กล่าวรับรองไว้ด้วยเช่นกันว่า พระพุทธบาทสี่รอยนี้เป็นสัญลักษณ์แห่งมหาภัทรกัป ที่มีความสำคัญที่สุดในจักรวาล... พระผู้ที่พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตพระบุพพาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐานแห่งยุคก็ยังได้เคยพยากรณ์ไว้เมื่อครั้งที่หลวงปู่สิมยังเป็นสามเณรอยู่ว่า เณรสิมนี้ยังเป็นดอกบัวที่ยังตูมอยู่ ถ้าเบ่งบานเมื่อได้ จะหอมกว่าหมู่ เมื่อได้เล็งญาณพิจารณาการทั้งสิ้นแล้วจึงได้กล่าวสรุปปิดท้ายไว้ก่อนละสังขารไม่นานว่า พระบาทสี่รอยนี้เป็นที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาเหยียบรอยพระบาทไว้เองจริงๆ.... รอยพระบาทที่จังหวัดสระบุรีเป็นรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าโคดมเพียงพระองค์เดียว แต่ที่พระบาทสี่รอยนั้นเป็นรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าถึง 4 พระองค์ ไหว้พระบาทสี่รอยครั้งหนึ่งก็เท่ากับได้ไหว้พระพุทธเจ้ารวดเดียวถึง 4 พระองค์นั่นแหละ.... การที่ได้ไปกราบไปไหว้ไปทำบุญ นั่งสมาธิ สวดมนต์ภาวนาที่พระบาทสี่รอยนี้จะทำให้ได้บุญเพิ่มมากขึ้นถึง 4 เท่าเลยทีเดียวนะ..!!!!! เดินทางสักการะพระพุทะบาท 4 รอย รูปขนาดเล็ก(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fboard.palungjit.com%2Fattachment.php%3Fattachmentid%3D886034%26amp%3Bstc%3D1%26amp%3Bthumb%3D1%26amp%3Bd%3D1267830055&hash=5851a6decdf2e2cb27ae12997afc646fb3a3cc91) (http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=886034&d=1267830055) (https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fboard.palungjit.com%2Fattachment.php%3Fattachmentid%3D886035%26amp%3Bstc%3D1%26amp%3Bthumb%3D1%26amp%3Bd%3D1267830125&hash=d58d3e578bef839edc7ab294e0ab566d7c79ef06) (http://board.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=886035&d=1267830125)
ประวัติ ต้องเริ่มจากตำนานความเป็นมาของพระพุทธบาทสี่รอยเสียก่อน สมัยพุทธกาลองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในศาสนาปัจจุบัน ได้เสด็จาริกประกาศธรรมมายังปัจจันตประเทศ (ประเทศไทยในปัจจุบัน) ได้เสด็จมาถึงทางตอนเหนือของประเทศ ชื่อเขา "เวภารบรรพต" ได้เสด็จมาพร้อมกับพุทธสาวก ๕๐๐ องค์ และได้แวะฉันจังหันอยู่บนเขาเวภารบรรพตแห่งนี้ เมื่อฉันจังหันแล้วก็ทราบด้วยญานสมบัติว่าบนเทือกเขาแห่งนี้ มีรอยพระพุทธบาทเจ้าประทับอยู่แล้วถึง ๓ พระองค์ พระสารีบุตรได้ทูลถามว่า พระพุทธองค์ทรงเล็งดูด้วยเหตุใด จึงตรัสตอบว่า ในอดีตกาลมีพระพุทธเจ้าประทับรอยพระบาทไว้แล้วในที่เดียวกัน ๓ พระองค์ ดังนั้นพระองค์จะประทับไว้เป็นรอยที่สี่ และต่อไปแม้นว่าพระพุทธเจ้าศรีอารยเมตไตรย์จักเสด็จมาอีก จะมาประทับรอยพระบาทไว้ ณ สถานที่แห่งนี้อีก แต่จะประทับแล้วจะลบรอยทั้ง ๔ รวมทั้งรอยที่ ๕ ลบให้เหลือเพียงรอยเดียว เมื่อตรัสแล้วพระพุทธองค์ก็เสด็จไปประทับรอยพระบาทซ้อนรอยพระบาทที่ประทับอยู่แล้ว ๓ รอยนั้นรวมเป็นสี่รอยด้วยกัน
รอยพระพุทธบาททั้ง ๔ รอย ต้องถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ เพราะประทับอยู่บนแผ่นศิลาซึ่งโผล่พ้นดินขึ้นมาสูงทีเดียว ดั้งเดิมต้องปีนขึ้นไปดู แต่ปัจจุบันมีบันไดขึ้น มีวิหารสร้างครอบเอาไว้เรียบร้อยแล้ว พระพุทธบาทนั้นไม่ใช่สักแต่ว่ามีรอยพระบาท จะต้องมีรูปธรรมจักรปรากฏด้วย ไม่ใช่ไปเจอหินที่ไหนมีหลุมลึกยุบลงไปก็โมเมว่าเป็นรอยพระพุทธบาทหมด ส่วนว่าจะเสด็จมาได้อย่างไรจากอินเดียนั้นคงต้องคุยกันนาน ให้นึกถึงคนแบกตู้เย็นแบกโอ่งมีน้ำหนีไฟไหม้ได้ก็แล้วกัน ไฟดับแล้วบอกให้แบกกลับแบกไม่ไหวหรอก เพราะเอาพลังกายในที่แฝงอยู่ในร่างกายออกมาใช้โดยไม่รู้ตัว แต่หากมีการฝึกแล้วก็จะเอาออกมาใช้ได้ตลอดเวลา เหมือนวิชาตัวเบาก็เช่นกัน
รอยพระพุทธบาทสี่รอย ประกอบด้วย
พระพุทธบาทของพระพุทธเจ้ากกุลันธะ ยาว ๑๒ ศอก (ยาว ๖ เมตร )
พระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าโกนาคมนะ ยาว ๙ ศอก
พระพุทธเจ้ากัสสปะ ยาว ๗ ศอก และ
พระพุทธเจ้าโคตะมะ รอยที่ ๔ ยาว ๔ ศอก
พระพุทธเจ้าได้ทรงอธิษฐานว่า เมื่อเราคถาคตนิพพานไปแล้ว เทวดาทั้งหลายจักนำเอาพระธาตุของเราตถาคตมาบรรจุไว้ที่รอยพระพุทธบาทนี้ และเมื่อเราตถาคตนิพพานไปแล้ว ๒๐๐๐ ปี พระพุทธบาทสี่รอยนี้จักปรากฏแก่ปวงชนและเทวดาทั้งหลาย ก็จักได้มากราบไหว้บูชา เมื่อทรงอธิษฐานแล้ว ก็เสด็จไปยังเชตวันอาราม ในเมืองสาวัตถี
๒,๐๐๐ ปีล่วงไป เทวดาประสงค์ให้พระพุทธบาทปรากฏแก่ตาปวงชน จึงนิมิตพญาเหยี่ยวบินลงมาจากภูเขาเวภารบรรพต อันเป็นที่ตั้งของพระพุทธบาทสี่รอย ให้ลงไปเอาลูกไก่ของชาวบ้านที่อยู่เชิงเขาแล้วบินกลับขึ้นไปบนภูเขา พรานประจำหมู่บ้านโกรธมาก จึงตามขึ้นไปบนเขาเพื่อฆ่าเหยี่ยวแต่หาไม่พบ แต่กลับไปพบรอยพระพุทธบาทสี่รอย อยู่บนพื้นหินใต้การปกคลุมของพืชพันธุ์ไม้ พรานเชื่อว่าเป็นรอยพระพุทธบาทจึงทำการสัการะบูชาแล้วกลับลงมาจากเขามาบอกชาวบ้าน ชาวบ้านก็พากันไปกราบไหว้บูชาและได้ชื่อว่า "พระบาทรังรุ้ง" (รังเหยี่ยว)
จากสานส์สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงบันทึกไว้ว่า "พระพุทธบาทสี่รอยแห่งนี้เป็นพระพุทธบาทที่เก่าแก่ที่สุดของไทย" ครูบาอาจารย์ พระธุดงค์กรรมฐานสายพระอาจารย์มั่นภูริทัตโต หลวงปู่แหวน หลวงปู่ชอบ หลวงปู่สิม เป็นต้น ล้วนแต่ขึ้นไปนมัสการมาแล้วทั้งสิ้น
ความสำเร็จในการพัฒนาให้ปรากฏอยู่ในปัจจุบันนี้มาจากพระภิกษุหนุ่มที่ถือว่าต้องทรงวิทยาคุณเป็นอย่างสูงคือพระพรชัย ปิยวัณโณ ซึ่งท่านเกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๐ นี่เอง นับถึงวันที่ผมเขียนก็มีอายุเพียง ๓๔ ปี นับว่าหนุ่มมากสำหรับพระที่กล้าไปอยู่องค์เดียว ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมแบบนี้ และอยู่เป็นเวลานานถึง ๙ ปี คือเป็นเณร ๑ ปี เป็นพระอีก ๑๘ ปี ท่านบรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ ๑๓ ปี พออายุ ๑๖ ปี ก็สอบนักธรรมเอกได้ ธุดงค์มาพักอยู่ที่วัดรางสันป่าตึง วัดพระเจ้าตนหลวง ตำบลสันป่ายาง ที่เชิงเขาพระพุทธบาทสี่รอย ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๐ อยู่ได้สัก ๒ เดือน ได้นิมิตเห็นปราสาทหลังใหญ่โตงดงามมากอยู่บนเขาสูง ได้ขึ้นบันไดไปก็พบรอยพระพุทธบาทอยู่ในปราสาท เมื่อวันรุ่งขึ้นออกบิณฑบาตเล่าให้โยม ๆ ฟังก็บอกว่าบนเขามีรอยพระพุทธบาท มีวัดแต่มักจะเป็นวัดร้าง เพราะพระเณรมักอยู่อาศัยไม่ได้ท่านจะขึ้นไปชาวบ้านก็ห้าม สุดท้ายพอเวลาตีสองท่านก็ขึ้นไปยังพระพุทธบาทสี่รอย เดินไปเป็นระยะทางประมาณ ๒๒ กม. และไปอยู่ประจำองค์เดียว ๑ ปี เป็นเณร ๘ ปี เป็นพระจนปีที่ ๘ จึงเริ่มมีพระมาจำพรรษาด้วยมากถึง ๑๑ รูป ต่อจากนั้นท่านก็เลยเริ่มบูรณะวัด เริ่มตั้งแต่วิหารเจ้าดารารัศมี เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๖ สร้างกุฏิทรงล้านนา สร้างมหาเจดีย์ สร้างอุโบสถที่งดงามหลังโตเหมือนปราสาทที่ท่านนิมิตนั่นแหละ
ท่านต้องต่อสู้กับความวิเวก กับสัตว์ป่าด้วยการแผ่เมตตา สู้กับความอดอยากสารพัดที่จะสู้ทุกรูปแบบ ถ้าไม่ไปเห็นกับตาคงไม่เชื่อว่าพระภิกษุอายุเพียงเท่านี้จะทำได้ขนาดนี้ และท่านถือว่าไม่ต้องไปบอกบุญใคร อาศัยพระบารมีของพระพุทธบาท อธิษฐานขอจากปวงเทพเทวาว่าจะสร้างโบสถ์ ให้เป็นไปตามหน้าบุญ "มีก็ฉัน ไม่มีก็ไม่ฉัน มีก็เอา ไม่มีก็ไม่เอา ใครจะมาทำบุญก็มา" แล้วอธิษฐานขอจากครูบาศรีวิลัย เทพเทวา ไม่วุ่นวาย ไม่ยึดติด
การเดินทางมาวัดพระบาทสี่รอย
จากตัวเมืองใช้เส้นทางสายเชียงใหม่ แม่ริม ระหว่างกิโลเมตรที่ 20-21 จะมีป้ายบอกทางไปวัดอีก 31 กิโลเมตร (ถนนดีมากๆครับ)