เนื่องด้วยในเดือนนี้มีวันคล้ายวันเกิดของผมแล้วก็มีพิธีสำคัญของพระแม่เจ้าผมเลยจึงถือโอกาสพิเศษนี้ในการสร้างบุญสร้างกุศลดว้ยการเเจกธรรมมะและสิ่งดีๆครับ ผมขอขอบคุณเว็ปไซด์ฮินดูมีทติ้งครับที่เป็นสื่อกลางในการเผยแพร่ข้อมูลดีๆครับ
แม่น้ำคด น้ำไม่คด
แม่น้ำคดส่วนน้ำนั้นไม่คด จิตเดิมนั้นประภัสสรอยู่ ปรกติเป็นกลางๆมิได้คดมิได้มีกิเลส กิเลสต่างหากคด และคนเข้าใจผิดว่าจิตคด
ไม่แกล้งปดดูให้ดีมีเหตุผล เหมือนน้ำซึ่งไม่คด แต่แม่น้ำหรือคลองต่างหากคด ข้อนี้หมายถึงต้องกำจัดกิเลสที่จู่โจมเข้ามาเป็นครั้ง
กายกับใจไม่ลามกไม่วกวน คราว ไม่ใช่ไปทรมานจิตเดิมแท้ ที่ประภัสสรอยู่เองแล้ว
แต่กิเลสแสนกลนั้นเหลือคด
จิตล้วนล้วนนั้นเป็นประภัสสร
กิเลสจรครอบงำทำยุ่งหมด
กิเลสเปรียบลำน้ำที่เลี้ยวลด
จิตเปรียบน้ำตามกฎไม่คดงอ
อันจิตว่างมีได้ในกายวุ่น
ในน้ำขุ่นมีน้ำใสไม่หลอกหนอ
ในสงสารมีนิพพานอยู่มากพอ
แต่ละข้องวยงงชวนสงกา
พระตรัสให้ตัดป่าอย่าตัดไม้
ไม่เข้าใจตัดได้อย่างไรหนา
รู้แยกน้ำจากแม่น้ำตามว่ามา
จึงนับว่าผู้ฉลาดสามารถเอยฯ
ขอขอบคุณภาพปริศนาะธรรมในโรงมหรสพทางวิญญาณ สวนโมกขพลาราม คำประพันธ์โดย พุทธทาสภิกขุ
ผมจะหามาลงเรื่อยๆครับ โปรดอย่าลืมติดตามตอนต่อไปของผมนะครับ*-*
สาธุๆ ขอบคุณสำหรับธรรมะดีๆที่นำมาแบ่งปันกันนะครับ
ปล. สุขสันต์วันเกิดท่านเจ้าของกระทู้ด้วยครับ
อนุโมทนาครับ
คำสอนท่านพ่อเฟื่อง
-ก่อนที่จะพูดอะไร ให้ถามตัวเองว่า ที่พูดนี้จำเป็นหรือป่าว ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าพูด นี่ป็นขั้นตอนของการอบรมใจ เพราะถ้าคนเราควบคุมปากตัวเองไม่ได้ เราจะควบคุมใจได้อย่างไร
-คนเรานั่งภาวนา กว่าใจจะสงบก็ต้องใช้เวลานาน แต่พอจะออกจากที่นั่ง ก็ทิ้งเลย อย่างนี้เรียกว่า เวลาขึ้นบ้านก็ขึ้นทางบันได เวลาลงก็กระโดด-หน้าต่าง
-นิพพานนั้นเป็นเรื่องละเอียดต้องใช้ปัญญาเอามากๆไม่ใช่ของที่จะถึงเข้าด้วยแรงอยาก ถ้าป็นของที่จะถึงเข้าด้วยแรงอยาก พวกเราก็คงจะตรัสรู้กันหมดเเล้วทั้งโลก
-จิตเปรียบเหมือนพระราชา อารมณ์ทั้งหลายเปรียบเหมือนเสนา เราอย่าเป็นพระราชาที่หูเบา
-มัวแต่นึกวันเกิด ให้นึกถึงวันตายเสียบ้าง สักวันหนึ่ง ความตายจะมาถึงเรา มาบีบบังคับให้เราปล่อยทุกสิ่งทุกอย่าง ฉะนั้น เราต้องหัดปล่อยวางล่วงหน้าให้มันเคย ไม่อย่างนั้นพอถึงเวลาไปก็จะไปลำบาก
-ของดีจริงไม่ต้องโฆษนา คนชอบขายความดีของตัวเองที่จริงขายความโง่ของตัวเองมากกว่า คมให้มีในฝัก ให้ถึงเวลาที่จะต้องใช้จริงๆจึงค่อยชักออกมา จะได้ไม่เสียคม
-เวลาเราทำงานอะไรอยู่ ถ้าสังเกตุว่าใจเราเสีย ก็ให้หยุดทันที แล้วกลับมาดูใจของตนเอง เราต้องรักษาใจของเราไว้เป็นอันดับแรก
-คนอื่นเขาด่าเรา เขาก็ลืมไป แต่เราไปเก็บมาคิด เหมือนเขาคายเศษอาหารทิ้งไปแล้ว เราไปเก็บมากิน แล้วจะว่าใครโง่
พระครูญาณวิศิษฏ์(ท่านพ่อเฟือง โชติโก) วัดธรรมสถิต อ.เมือง จ.ระยอง(พ.ศ.๒๔๕๘-๒๕๒๙)
-ความมืด มืดแล้วเป็นทุกข์ ก็เลยมีคนคิดทำหลอดนีออนจนสว่าง เดินทางนานๆมันเมื่อยคนก็คิดทำยานพาหนะเพื่อเดินทางสบายขึ้น ทั้งหมดเกิดจากทุกข์บีบคั้นให้ฉลาดเรียนรู้เเก้ไขทั้งสิ้น
-ยิ่งเจริญทางวัตถุ ยิ่งขนคนไปหาความทุกข์สะดวกขึ้น
-ทุกคนมีปัญหามีความทุกข์ ทุกชีวิตใครเกิดมาชีวิตใครไม่มีปัญหา ไม่มีความทุกข์ ต้องถือว่าไม่ใช่ชีวิตปกติ
จากวารสารวัดสวนเเก้ว
ขอบคุณค่ะ คุณธิติ ให้แง่คิดและเตือนใจอะไรได้หลายอย่างค่ะ