Loader

ปราสาทพนมรุ้ง

Started by กาลิทัส, April 21, 2009, 15:33:46

Previous topic - Next topic

0 Members and 2 Guests are viewing this topic.

April 21, 2009, 15:33:46 Last Edit: April 21, 2009, 16:24:50 by กาลิทัส
  หลังจากไปเที่ยวปราสาทเมืองต่ำ แถมนอนหลับพักผ่อนอีกหนึ่งคืน เช้าขึ้นมาก็ไปจิ๊กรถปิ๊กอัพของลุงไปพนมรุ้งครับ แต่ต้องเข้าประตูที่สองนะครับ เพราะว่าจะได้ไม่ต้องเดินเหนื่อยจากล่างสุดของปราสาทขึ้นมา เพราะพอดีเช้าวันนั้นผมลื่นหน้าห้องน้ำครับ โชคดีที่เจ้าตู้เสื้อผ้าเจ้ากรรม มาช่วยไว้เลยไม่ล้ม แฮ่ๆๆๆ

ไปถึงก็เจอครับ ป้ายครับป้าย



ลงมาจากรถ มองซ้ายมองขวามีอะไรให้เราถ่ายอีกไม๊หว่า เจอแล้วครับเหยื่อ ป้ายรายละเอียดของปราสาทพนมรุ้งครับ หน้าตาคล้ายกับปราสาทเมืองต่ำอิๆๆ



ใจความระบุไว้ว่า

ปราสาทพนมรุ้ง

ภูเขาลูกนี้เป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทเมื่อ 900,000 ปีมาแล้ว เมื่อบรรพชนขึ้นมาสร้างศาสนสถานบนยอดเขาแห่งนี้ ได้ดัดแปลงปากปล่องภูเขาไฟให้กลายเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ สำหรับกักเก็บน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคอย่าง พนมรุ้ง เป็นชื่อเดิมของภูเขา และศาสนสถานที่ตั้งอยู่บนยอดเขาลูกนี้อย่างน้อยตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 16 หรือ พ.ศ. 1532 ปรากฎคำนี้ในศิลาจารึก อักษรขอมภาษาเขมร พบที่ปราสาทพนมรุ้งถึง 4 หลัก คำว่า "พนมรุ้ง" มาจากภาษาเขมรว่า "วฺนํรุง" แปลว่าภูเขาอันกว้างใหญ่ มีความหมายตรงกับจากรึกอักษรขอม ภาษาสัสกฤตในจารึกหลักอื่นว่า "สฺถูลาทฺริ" และ "สฺถูสไศล" ปราสาทพนมรุ้งสร้างขึ้นตามความเชื่อในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย นิกายปศุปคะ ที่นับถือพระศิวะเป็นเทพสูงสุด การก่อนสร้างปราสาทพนมรุ้งขึ้นบนยอดเขา จึงเปรียบเสมือนการสร้างวิมานที่ประทับของพระศิวะที่เชื่อกันว่าตั้งอยู่บนยอดเขาไกรลาส สิ่งก่อสร้างบนปราสาทพนมรุ้ง แบ่งออกได้เป็น 4 สมัย ส่วนที่เก่าแก่ที่สุดคือปราสาทอิฐ จำนวนสองหลัง สร้างราวกลางพุทธศตวรรษที่ 18 ตรงกับศิลปะแบบเกาะแกร์ สมัยที่สองคือปราสาทน้อย สร้างราวปลายพุทธศตวรรษที่ 16 ตรงกับศิลปะแบบบาปวน สมัยที่สามคือสิ่งก่อสร้างส่วนใหญ่บนศาสนสถานแห่งนี้ซึ่งมีปราสาทหลังใหญ่เป็นประธาน สร้างราวปลายพุทธศตวรรษที่ 17 ตรงกับศิลปะแบบนครวัด สมัยสุดท้าย ณาลัยสองหลัง สร้างราวต้นพุทธศตวรรษที่ 18 ตรงกับศิลปะแบบบายน

คราวนี้เจอทางเข้าเหมือนปราสาทเมืองต่ำครับ เก็บคนไทย 30 บาท บอกเค้าเป็นคนบ้านโคกเมือง แต่ไม่ได้ฟรีเหมือนเมืองต่ำครับ เสียน้อยลงไปสิบบาท คงต้องจ่ายค่าเข้าคนละ 20 บาทครับ 555+

เดินเข้าไปก็เจอป้ายบอกทางครับ



พอหันมองไปทางที่ลูกศรชี้ก็พบครับ พลับพลาที่ว่า อาจมืดไปหน่อยเพราะถ่ายยิ้นแสงเล็กๆ ครับ



พลับพลานี้อยู่บริเวณขวามือของทางขึ้นหลักของปราสาทพนมรุ้งครับ
ป้ายเขียนไว้ว่าสร้างจากศิลาแรง และลวดลายกลีบบัวที่สลักบนหัวเสาและลายดอกไม้สี่กลีบบนยอดเสาครับ เค้าเรียกกันว่าพลับพลาเปลื้องเครื่อง เพราะเอาไว้สำหรับกษัตริย์มาพักจัดเตรียมพระองค์ก่อนขึ้นสู่ศาสนพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาครับ

คราวนี้เราเดินต่อดีกว่าครับ ใกล้ถึงจุดหมายแล้วครับ

และแล้วผมก็มาเจอทับหลังนารายณ์ครับ แต่เป็นอันจำลองครับ คาดว่าสร้างไว้ให้คนมาเที่ยวได้ชมความงดงามช่วงที่หายไปครับ เพราะตอนนี้เหมือนเก็บทิ้งไม่ใช้งานแล้วยังไงไม่รู้ครับ แต่ถ่ายมาซักหน่อยก่อนเห็นของจริงกัน



555+ ในที่สุดก็ได้เจอแล้วครับ บันไดนาคราช ทางขึ้นสู่ตัวปราสาท แม้คนอื่นจะเดินขึ้นตรงๆ ตั้งแต่ข้างล่าง แต่ผมดันขึ้นข้างๆ จากตรงกลางๆ



บันไดนาคราช สมัยก่อนเค้าเชื่อกันว่าเป็นทางเชื่อระหว่างโลกมนุษย์กับโลกของพระเป็นเจ้าครับ

จะแหงนขึ้นไปถ่ายตัวปราสาท ไม่สามารถจริงๆ ครับ เพราะย้อนแสงขนาดหนัก ภาพออกมาดำปิ๊ดปี๋เลย เลยส่งทางลงมาให้ดูแทน 555+ (คิดได้ไงวะเนี่ยเรา)



ไว้ต่อพรุ่งนี้นะครับ วันนี้ผมเอียนและ 555+

มีต่อครับ >>