หลังจากสนุกสนานกับการนำเอาบทความที่ตัวเองเขียนไว้เมื่อสมัยยังเรียนอยู่มาลงในบอร์ด HM เมื่อสองสามวันที่แล้ว
แต่ก็ยังไม่หนำใจ แม้ว่าเวลาว่างในช่วงนี้จะสะดุดลงไปบ้างเพราะภารกิจจร แต่ดิฉันก็ไม่หวั่นค่ะ ทั้งหมดนี้ก็ด้วยปรารถนาจะให้บอร์ดของเรากลับมาคึกคักด้วยเรื่องราวที่(ดูเหมือนว่าจะเป็น) วิชาการ
ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่หลงใหลในศิลปกรรมอันงดงามภายใต้หลักประติมานวิทยา ซึ่งก่อให้เกิดเป็นเทวรูปหลากหลายแบบ ที่นอกจากจะดูงดงามแล้ว ยังซ่อนนัยอันน่าสนใจไว้มากมายด้วย
ก็เมื่อพูดถึงเทวรูปแล้ว อดไม่ได้ที่จะขอกล่าวถึงเทวรูปศิลปะสุโขทัยซึ่งรู้สึกศรัทธาและชื่นชอบมากเป็นพิเศษ นอกจากเรื่องของสุนทรียศาสตร์และศิลปกรรมแล้ว โดยส่วนตัวรู้สึกว่าเป็น 'คนบ้านเดียวกัน' ที่เผอิญต้องมาอยู่ 'เมืองกรุง' เช่นเดียวกันกับท่าน
นึกๆดู แม้ว่าดิฉันจะไม่ใช่คนมี่ความรู้อะไรนักหนา และไม่ใช่นักเลงหนังสือ แต่ก็ชอบรื้อชอบค้นจนพอจะทราบว่า นอกจากหนังสือเรื่อง 'เทวรูปสมัยสุโขทัย' ผลงานนิพนธ์ของศาสตราจารย์หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุลแล้ว ยังไม่เคยเห็นหนังสือเล่มใดที่พูดถึงเทวรูปเหล่านี้อย่างจริงจังเลย นอกจากจับผ่านๆ ก็หนังสือของท่านอาจารย์เล่มดังกล่าวนี้ พูดถึงแต่วิชาการด้านโบราณคดี อันอนุมานเอาจากลวดลายที่ปรากฏอยู่บนเทวรูปเสียเป็นส่วนใหญ่ มิได้กล่าวถึงประวัติศาสตร์เลย ดิฉันจึงขออนุญาตใช้พื้นที่บอร์ดนี้บังอาจเล่าและรวบรวมข้อคิดเห็นของดิฉันเองเกี่ยวกับเทวรูปศิลปะสุโขทัยเหล่านี้
ความมีโดยละเอียดดังนี้
อิทธิพลศาสนาฮินดูในอาณาจักรสุโขทัย
หลังจากศาสนาพุทธนิกายมหายานเริ่มเป็นที่ยอมรับกันมากในดินแดนแถบนี้เมื่อประมาณ 100 ปีก่อนศตวรรษที่ 19 จะเริ่มต้นขึ้น ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดูซึ่งเคยรุ่งเรืองมาก่อนก็ดูเหมือนจะค่อยๆลดบทบาทลง จนเมื่อมีการสถาปนาอาณาจักรสุโขทัยขึ้นนั้น ศาสนาพุทธได้เป็นศาสนาเอกที่มีบทบาทมากที่สุดในพื้นที่แถบนี้ไปเสียแล้ว
แต่ใช่ว่าศาสนาฮินดูจะห่างหายไปจากชีวิตจิตใจของผู้คน
ในพื้นที่เมืองสุโขทัยเอง ปรากฏร่องรอยของศาสนสถานในศาสนาฮินดูอยู่หลายแห่ง ทั้งศาลตาผาแดง ซึ่งเป็นปรางค์ศิลาแลง ภายในประดิษฐานรูปเคารพ ซึ่งปัจจุบันเก็บรักษาไว้ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติรามคำแหง จังหวัดสุโขทัย ซึ่งปรักพังจนไม่สามารถรู้ได้แล้วว่าเป็นรูปเคารพอย่างใด แต่สันนิษฐานกันว่าคงจะเป็นเทวรูปหรือรูปเทพเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง
(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.upchill.com%2Fdirect%2Ff0261fc322860416472324ea98a467fb.jpg&hash=d16ac221f14a2667ac9a78a70dbb8dc6177e5df3) (http://www.upchill.com/image.php?id=f0261fc322860416472324ea98a467fb)
ศาลตาผาแดง
นอกจากนี้ยังมีศาสนสถานสำคัญ สร้างจากศิลาแลง เป็นปรางค์สามหลังเรียงต่อกันตามแนวตะวันออก – ตะวันตก หันหน้าไปทางทิศใต้ ด้านหน้าปรางค์มีฐานอาคาร วัดนี้มีชื่อในปัจจุบันว่า 'วัดศรีสวาย' สมเด็จฯ กรมหลวงสรรพสิทธิ์ประสงค์ทรงเห็นว่าอาจจะเป็นเทวสถานเก่าที่แปลงเป้ฯวัดในพระพุทธศาสนาเมื่อภายหลัง แต่สมเด็จฯ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงเห็นต่างไปว่า
"สันนิฐานเห็นได้ว่า ปรางค์ปราสาทใหญ่ทั้งสามข้างหลังโบสถ์นั้นต้องเป็นสถานของพระศิวะ วิษณุและคเณษตามแบบ โบสถ์นั้นเปนโบสถ์พราหมณ์ที่กระทำพิธีบูชา ที่มุขโถงหน้านั้นเปนที่คนผู้มากระทำพลีกรรมได้นั่งพัก ออลตาคือสถานเล็กที่สามสถานนั้น ก็คงเปนเทวอะไรเตี้ยๆ สามตัวมีเทวนันที คือโคอุสุภราชเปนต้น "
นักวิชาการในชั้นหลังหลายท่านให้ความเห็นว่าชื่อ 'สรีสวาย' อาจเพี้ยนมาจาก ศรี ศิวายะ ก็เป็นได้
นี่คือหนึ่งประจักษ์พยานสำคัญที่พอจะเห็ฯเค้าเงื่อนได้ว่าแม้ศาสนาพุทธจะมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อผู้คนในอาณาจักรสุโขทัย ท่วาศาสนาพราหมณ์ก็มีบทบาทสำคัญอยู่ด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้นคงไม่มีเทวสถานขนาดใหญ่และงดงามเช่นนี้ตั้งอยู่ในกำแพงเมือง ใจกลางอาณาจักร
และหากผู้ใดเข้าไปเยี่ยมเยียนวัดศรีสวายในปัจจุบันก็ยังพอพบเห็นร่องรอยของศาสนาพราหมณ์ – ฮินดูได้ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นฐานโยนีโทรณะที่วางอยู่ในวัด หรือภาพจิตรกรรมอันเลือนรางรูปเทวดาที่งดงามทรงคุณค่า
(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.upchill.com%2Fdirect%2Fd41866c1b3eda3f3273ff4b16e5ec183.jpg&hash=ef291eadb36a383121286c8ac5c8258ac1fa9dd9) (http://www.upchill.com/image.php?id=d41866c1b3eda3f3273ff4b16e5ec183)
วัดศรีสวาย
เทวรูปสุโขทัย: ประจักษ์พยานของอิทธิพลฮินดูในอาณาจักรสุโขทัย
ข้อความจากศิลาจารึกหลักที่ 4 วัดป่ามะม่วงเล่าถึงการที่สมเด็จพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ช่างหล่อเทวรูปพระเป็นเจ้าในศาสนาพราหมณ์ขึ้นเพื่อทรงสักการะ สะท้อนให้เห็นถึงพระราชศรัทธาของพระมหากษัตริย์แห่งสุโขทัยที่มีต่อศาสนาพราหมณ์ฮินดู และสันนิษฐานกันว่าเทวรูปที่ทรงพระกรุณาฯให้หล่อขึ้นคราวนั้น คือหนึ่งในหมู่เทวรูปศิลปะสุโขทัยที่เก็ฐรักษาอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครในปัจจุบัน โดยเฉพาะเทวรูปพระอิศวรและพระนารายณ์ขนาดใหญ่ที่สุด
เทวรูปทั้งสององค์นี้มีขนาดสูงใหญ่เกือบ 3 เมตร และเต็มไปด้วยสุนทรียศาสตร์อันบริบูรณ์พร้อม ประกอบด้วยประติมานวิทยาตามแบบโบราณ สร้างจากสำริดและยังสามารถเห็นร่องรอยของการปิดทองในส่วนต่างๆได้อย่างชัดเจน
หากศาสนาพราหมณ์ – ฮินดูไม่ทรงอิทธิพลแล้ว กษัตริย์ผู้ได้พระราชสมัญญาว่า 'ธรรมราชา' ผู้ฝักใฝ่ในพระพุทธศาสนาจนกระทั่งสละราชสมบัติเสด็จออกผนวชคงไม่ทรงทุ่มเทกำลังพระราชทรัพย์เพื่อสร้างเทวรูปที่ใหญ่โตและงดงามมากมายถึงเพียงนี้ ซ้ำยังทรงพระกรุณาให้สร้างเทวสถาน 'เทวาลัยมหาเกษตร หรือ เกษตรพิมาน' ไว้ใกล้เคียงกับอารามวัดป่ามะม่วงที่ประทับจำพรรษาในคราวทรงพระผนวช ยิ่งตอกย้ำให้เห้นถึงความสำคัญของศาสนาพราหมณ์ฮินดู โดยมีเทวรูปอันงดงามนี้เป็นประจักษ์พยานที่สำคัญ
(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.upchill.com%2Fdirect%2Fce8084554428c06121bc38700a6ed1a9.jpg&hash=7181810337cc55ae571c28c460561e2e753f1b94) (http://www.upchill.com/image.php?id=ce8084554428c06121bc38700a6ed1a9)
เทวรูปพระอิศวรและพระนารายณ์เทียบกับตัวดิฉันเอง
นอกจากนี้ จากหลักฐานในปัจจุบัน เราพบพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัยมากกว่า 15 องค์ ส่วนใหญ่ประดิษฐานอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร นอกจากนั้นก็มีที่เทวสถานสำหรับพระนคร กรุงเทพมหานคร, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง และอยู่ในความครอบครองของนายเจมส์ เอช. ดับเบิ้ลยู. ทอมป์สัน ซึ่งปัจจุบันจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน กรุงเทพมหานคร มีทั้งพระอิศวร, พระนารายณ์, พระหริหระ, พระพรหมและพระศักติ ในขนาดแตกต่างกันตั้งแต่สูงเกือบสามเมตรจนถึงสูงประมาณ 1 ฟุต
นั่นหมายความว่า เทวรูปเหล่านี้สร้างขึ้นต่างวาระกัน เพราะคงไม่มีใครสร้างพระหริหระพร้อมกันสององค์โดยมีรูปลักษณ์แตกต่างกัน หรือสร้างเทวรูปพระอิศวรหลายขนาดพร้อมกันเพื่อประดิษฐานในที่เดียว เทวรูปทั้งหมดนี้ (และที่เรายังค้นไม่พบ) คงไม่ได้สร้างขึ้นโดยพระเจ้าลิไทเพียงพระองค์เดียว และคงไม่ได้ประดิษฐานอยู่ ณ เทวาลัยมหาเกษตรเพียงที่เดียว แต่แสดงให้เห็นถึงความภักดีต่อพระเป็นเจ้าของคนสุโขทัยที่กว้างขวางและสืบทอดมาตลอดระยะเวลาอันยาวนาน
ของประวัติศาสตร์สุโขทัย
(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.upchill.com%2Fdirect%2F232883c1f33d5352ca7603023685df0f.jpg&hash=5c91a28a2f925a5daed39dc5d7669edce661e7c6)
คืนนี้ไว้เท่านี้ก่อนค่ะ และน่าจะอีกสองสามวันถึงจะมาต่อ
หวังว่าจะมีใครเข้ามาในนี้บ้างนะคะ เหงาค่ะ
ขอพระเป็นเจ้าทรงอำนวยพร
ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบมากกกกกกกกกกกกกกกกกเลยครับจะรอดูนะครับ*-*
ขอบคุณครับ สำหรับบทความ และ บทวิเคราะห์ดีๆ ครับ
ยังติดตามตอนต่อไปอยู่ครับ
****************************************
ในส่วนของความรุ่งเรืองของศาสนาฮินดูในสมัยสุโขทัย ผมเข้าใจว่ามีความเป็นไปได้และน่าจะรุ่งเรื่องมาก่อนหน้าสมัยของพระเจ้าลิไทครับ
เพราะตามจารึกของวัดศรีชุมกล่าวไว้ว่า ก่อนที่พ่อขุนศรีอินทราทิตย์จะทรงสถาปนาอาณาจักรสุโขทัยขึ้น ได้มีกลุ่มขอมเข้ามายึดครองดินแดนอยู่ระยะหนึ่ง ทำให้อารยธรรมของเขมร (พราหมณ์-ฮินดู) รุ่งเรืองครับ
ดังนั้นตามความคิดของผมน่าจะเป็นไปได้ว่าคนที่อยู่ในอาณาจักรสุโขทัย มีทั้งกลุ่มคนที่นับถือพุทธ และ ฮินดู ครับ
ชอบทวรูปจังเลยครับ
ขอบคุณคับสำหรับความรู้
ชอบคับ...รอติดตามตอนต่อไปนะคับ
วัดศรีสวายไปมาแล้วค่ะ ไกด์บอกว่ามีอีกชื่อคือวัดศรีศิวายา ค่ะเป็นวัดที่รวมศาสนาพุทธกับฮินดูได้อย่างลงตัวเลย
ขอบคุณคุณอินทุศีตารา มากครับผมได้นำสิ่งดีมาให้ชาวHMอีกแล้วครับ ผมชักเริ่มชอบเทวรูปสุโขทัยเลยสิครับหุุหุ แต่ถ้าแต่งผ้าอินเดียคงจะไม่เข้าแน่ๆ
สวัสดีครับพี่ๆทุกท่าน ผมเป็นเด็กใหม่ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวไว้ด้วยน่ะครับ
หลังจากห่างไปนาน ขออนุญาตมาต่อให้จบนะคะ
สุนทรียภาพในเทวรูปสุโขทัย
ความน่าสนใจของเทวรูปสุโขทัยก็คือนัยที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความงามของการออกแบบ ความปราณีตในการตกแต่งและความสามารถในการปั้นหล่อ
สุนทรียภาพของเทวรูปเหล่านี้มีความแตกต่างจากช่วงก่อนหน้า และหลังจากนี้อย่างชัดเจนกล่าวคือ
1.เทวรูปสุโขทัยเน้นเส้นนอกที่อ่อนหวาน โค้ง ช่วยให้ดูสุขุมนุ่มนวล และให้ความสำคัญกับเส้นในแนวดิ่งที่ช่วยให้เทวรูปดูสงบ สง่างาม ต่างกับเทวรูปในอิทธิพลอื่นๆที่เน้นการเคลื่อนไหว ความนิ่งสงบของพระเทวรูปนี้เป็นลักษณะเดียวกับการสร้างพระพุทธรูปในสมัยเดียวกันด้วย
2.เครื่องทรงของพระเทวรูปมีความคล้ายคลึงกันทุกองค์ ทั้งเทพและเทวี คือ สวมเทริด ด้านหลังขมวดพระเกศาเป็นมวย ที่เรียกว่า 'มวยหางหงส์' ที่น่าสนใจคือพระนารายณ์ยังคงคติการสวมพระมาลาทรงกระบอกไว้อยู่ ไม่ทรงฉลองพระองค์ แต่มีกรองศอ พาหุรัด ทองพระกร รัดพระองค์และกุณฑล ทรงนุ่งผ้ายาว แหวกชายด้านหน้าเป็นครีบคล้ายหางปลา ดึงชายพกผ้าด้านหน้าตรงใต้พระนาภีออกมาเป็นรูปครึ่งวงกลม (ซึ่งไม่มีในศิลปะเขมรทว่าคล้ายกับการนุ่งผ้าตามศิลปะลังกา)
3.พระพักตรของเทวรูป รียาว แบบเดียวกับพระพุทธรูป พระเนตรหลุบต่ำ พระโอษฐ์อมยิ้มเล็กน้อย
4.ปัจจุบันยังคงพอมองเห็นร่องรอยของการปิดทองในส่วนเครื่องประดับของพระเทวรูปด้วย
5.เทวรูปพระอิศวรบางองค์แสดงมุทราที่เกี่ยวข้องหรือสามารถเชื่อมโยงกับพระพุทธรูปได้
(http://www.upchill.com/download.php?id=ecec1fdaf36cef62fad7c6efff589f60)
พระอิศวร
(http://www.upchill.com/download.php?id=9a5d78a29cbd0e943b9a47f852636076)
พระนารายณ์ทรงเทริดทรงกระบอก
หมายความว่าคติการสร้างพระเทวรูปและพระพุทธรุปของคนสุโขทัยไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แต่การสร้างพระเทวรูปที่งดงาม และมีขนาดใหญ่โตย่อมแสดงให้เห้ฯความสำคัญของศาสนาพราหมณ์ ในอาณาจักรแห่งนี้ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองของคนในสุโขทัยและคนของเขมร ดังจะเห้ฯว่าช่างสุโขทัยพยายามคิดค้นและออกแบบพระเทวรูปของตัวเองขึ้นมา โดยปฏิเสธศิลปะเขมร ทว่ากลับสัมพันธ์กับศิลปะลังกาอย่างมีมิติ
และที่น่าสนใจกว่านั้นคือไม่ว่าสุโขทัยจะพยายามเช่นไร แต่หลังจากอิทธิพลทางการเมืองของตัวเองเสื่อมลง รูปลักษณ์ของพระเทวรูปแบบสุโขทัยก็ค่อยๆหายไป กลับไปรับอิทธิพลเขมร เช่นเดิม
ดังจะเห็นได้จากเทวรูปที่สร้างในสมัยหลังจากนี้จะค่อยๆทวีความแข็งกระด้างขึ้น แสดงทิพยภาวะขึงขังขององค์เทพออกมาให้มากที่สุด
เราจึงได้เห็นเทวรูปสมัยต่อมาทีค่อยๆแข็งขึ้น อาทิ พระคเณศองค์ประธานในสถานพระคเณศ เทวสถานสำหรับพระนคร หรือพระอิศวรประทับนั่งขัดสมาธิซึ่งดิฉันเคยพบเห็นเพียงสององค์ องค์หนึ่งประดิษฐานบนชุกชีของสถานพระอิศวร เทวสถานสำหรับพระนคร และอีกองคืหนึ่งอยู่ในความครอบครองของเอกชน
(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.upchill.com%2Fdirect%2F9b5f3e77c308f0ef49dbdeb62dea3a9e.jpg&hash=463cff1918c1f596b47d317c5a6c4f1248e016a9) (http://www.upchill.com/image.php?id=9b5f3e77c308f0ef49dbdeb62dea3a9e)
แย่แล้วรูปไม่ขึ้นค่ะ
ขอบพระคุณ คุณอินทุศีตาลา ที่นำบทความดีๆมาแบ่งปันความรู้กันนะครับ
ปล. ภาพไหนครับที่ไม่ขึ้น เดี๋ยวผมจะช่วยดูให้ครับ
ขอบพระคุณคุณอักษรชนนีค่ะ อันที่จริงรูปที่ไม่ขึ้นอยู่ในกระทู้ที่ 13 แต่ขออนุญาตยกลงมาไว้ที่นี่เลยค่ะ
(http://www.upchill.com/download.php?id=4d7d8ff5cd3b036743ae8f7c326f23c2)
พระนารายณ์ ประทับยืนบนดอกบัว พระหัตถ์ขวาบนทรงจักร พระหัตถ์ซ้ายบนทรงสังข์ พระหัตถ์ขวาล่าง ประทานพร ส่วนพระหัตถ์ว้ายล่างทรงดอกบัว ซึ่งหายไปแล้วเพราะเขาทำดอกบัวต่างหากจากองค์เทวรูป ปัจจุบันเหลือวงแหวนอยู่ระหว่างนิ้วพระหัตถ์ที่จีบเป็นท่าถือ สามารถนำดอกบัวมาเสียบลงไปได้
แย่แล้ว รูปไม่ขึ้นจริงๆค่ะ
55555555 สงสัยต้องละความพยายาม