Loader

พระแม่ปัญจกาลี (กาลี5ภาค)

Started by durgakali, March 24, 2010, 14:46:07

Previous topic - Next topic

0 Members and 2 Guests are viewing this topic.

พระแม่กาลีไม่ใช่มีพระองค์เดียวนะคับ

คำว่ากาลีแปลว่าดำหรือดุร้ายซึ่งใน

คติฮินดูปางแห่งกล่าวว่า พระแม่กาลีมี

กับทุกเทวีเช่น ปัญจกาลี (กาลี5ภาค)

อันมี 1. พระแม่มหากาลี(อุมา)

    2. พระแม่ไวษณริกาลี(ลักษมี)

    3.  พระแม่กายาอัมมาซักกาลี(กายาตรี)

   4.  พระแม่สรัสกาลี(สุรัสวดี)

    5. พระแม่ตัสสิรัสวรัมกาลี(ตุลสี)

อันหมายความว่ามหาเทวีองค์ใดมีการพิโรธ-ปราบมาร

ก้อจะมีภาคกาลีอยู่ด้วย โดยจะนำคำว่ากาลีลงท้ายหรือ

นำหน้าชื่อพระแม่นั้นๆเท่านั้นเอง

(ที่มา เทวาลัยพระแม่มหาปัญจมุกขี จ.เพชรบุรี) 

*โทดด้วยคับอิอิลงรูปไม่เปงอ่า (T_T)




ข้อมูลน่าสนใจมากมาก   ลงรูปให้ไหม  บอกพี่เวปมาสเตอร์ให้ลงรูปให้ก็ได้

ว่าเเต่มีข้อมูลเพิ่มเติมใหม่  ตื่นเต้นจังเลย  เอาใจช่วย  ลงรูปให้ได้นะคะ 

ว่าเเต่  มีชื่อพระเเม่  ทั้ง  5  ที่ได้กล่าวไว้เป็นภาษาอังกฤษไหม 

เผื่อค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม   ขอบคุณอย่างมากมายเลย  สำหรับข้อมูลนี้ 

ถ้าตัวอักษรที่โพสเห็นหน้าได้  คงเห็นเสือยิ้มอย่างตื่นเต้นดีใจ  ทำหน้าจริงใจมากมาก

อิอิอิ     
เสียหายไม่ว่า  แต่เสียหน้าไม่ได้

March 24, 2010, 22:16:21 #2 Last Edit: March 24, 2010, 22:38:02 by สหัสรูปา
[HIGHLIGHT=#7030a0]ครับข้อมูลน่าสนใจ.....อย่างมาก   ในการที่จะศึกษาถึงข้อเท็จจริง[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#7030a0]ผมอยากทราบว่าคุณเจ้าของกระทู้ไปเอาข้อมูลมาจากไหนครับ  อยู่ในปกรณ์ไหนของฮินดูครับ[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#7030a0]แล้วแหล่งข้อมูลที่คุณอ้างถึงนั้น  น่าเชื่อถือมากน้อยเพียงไรครับ[/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#7030a0]ขอให้คุณเจ้าของกระทู้ มาชี้แจงถึงที่มาที่ไปด้วยนะครับ[/HIGHLIGHT]
พระผู้เป็นเจ้าสูงสุดซึ่งมีอยุ่เพียงพระองค์เดียว  เป็นผู้ซึ่งมีพระเนตรและพระพักตร์มากมายรอบทิศทาง  มีพระกรและพระบาทอยู่โดยรอบทิศ  ด้วยพระผู้เป็นเจ้าสูงสุดพระองค์เดียวนี้ทรงมีสภาวะแผ่ครอบคลุมไปทั่วสกลจักรวาล   
เศวตาศวตรอุปนิษัท

ผมก้อไม่รุเหมือนกันแต่กำลังสั่งให้พี่วาดรูปพระแม่อัมมาซัคกาลีอยู่อ่ะคับประมาณ2เดือนอ่ะ


[HIGHLIGHT=#ffff00]ไม่ทราบว่าเป็นพระแม่ในเทวปกรณ์รึป่าวคะ[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00][/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]ไปอินเดีย ก็ไม่เคยเห็นเลยคะ[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00][/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]แปลกๆดีนะคะ[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00][/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]อยากได้แหล่งที่มาทางเทววิทยาด้วยนะคะ รบกวนคะ เพื่อเป็นวิทยาทานนะคะ[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffc000]หากมีศรัทธาแล้วไซร้ ก็ควรทำให้ถูกต้องตามจารีตประเพณี  เพื่อศรัทธาที่มีนั้นจะได้มีค่า และหาข้อติเตียนไม่ได้[/HIGHLIGHT]

March 25, 2010, 13:36:03 #5 Last Edit: March 25, 2010, 14:59:18 by ศรีมหามารตี
  เรียน  คุณ  Durgakali ......


 


March 25, 2010, 14:58:26 #6 Last Edit: March 26, 2010, 20:04:50 by ศรีมหามารตี
ตอนแรกคุณบอกว่าพระปัญจกาลีของคุณมาจากคติฮินดู   นั้นก็เท่ากับว่า  จะต้องพอมีหลักฐานจากพระคัมภีร์หรือ ปกรณ์บอกเล่าเรื่องราว ต่างๆรวมถึงภาพลักษณ์ของพระกาลีปรากฏอยู่ด้วยสิค่ะ
เลยอยากจะให้คุณช่วยชี้แจงว่าแท้ที่จริงแล้วตำนานที่คุณกล่าวมานี้มาจากสายนิกายไหน    ที่มาที่ไปเป็นอย่างไร
หรือถ้าไม่ทราบรายละเอียดขนาดนั้น  ก็เอาแต่เพียงคร่าวๆก็ได้คะ  จริงๆก็มิใช่อะไรหรอก  อิชั้นกลัวว่าหลายท่านอาจจะเข้าใจรูปลักษณ์ของพระกาลีผิดไปอะคะ
เลยอยากให้คุณมาช่วยชี้แจง   แต่ถ้าตำนานที่คุณกล่าวมานี้มีอยู่จริง  ก็จะได้เป็นความรู้ใหม่ของพวกเราในบอร์ดด้วยคะ

ต่อไปนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของอิชั้นนะค่ะ  ผิดถูกอย่างไรต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย หรือต้องรอกูรูท่านอื่นมาอธิบายเพิ่มเติมอีกที
ขออนุญาตอ้างอิงตามที่คุณ durgakali ได้กล่าวไว้ว่า  คำว่ากาลี อาจเป็นด้านมืดหรือความดุร้ายของพระเทวีต่างๆ   กาลีอีกความหมายนึงตามที่เราทราบกันแปลว่าผู้มีพระฉวีหรือผิวกายสีดำ

แต่เท่าที่ได้ยินมา   ปางที่ทรงอานุภาพของมหาเทวีอีกสององค์คือ  พระวีรลักษมี  หรือพระศรีมาตังกี ซึ่งสององค์นี้ก็คือพระลักษมีและพระสรัสวตี  อิชั้นก็มิเห็นว่าท่านจะมีผิวกายสีดำ  หรือถ้าอ้างอิงจากตำนานที่ได้ยินมาจริงๆก็มิได้กล่าวไว้ว่าท่านจะทรงมีพระฉวีสีดำนิค่ะ
ขออนุญาตพูดแค่นี้  แต่ขอย้ำอีกทีว่าพระปัญจกาลีที่ท่านเจ้าของกระทู้กล่าวมานี้ อิชั้นไม่เคยได้ยินจริงๆ ขอบคุณคะ






แต่มีคนเคยบอกเรามาว่า จริงๆแล้วพระแม่กาลี เป็นเทพปีศาจ หรือผี เป็นเทพ ประจำหมู่บ้าน ซึ่งมีคนนับถือบูชากันมาก เลยนำมาผูกให้เป็นปางค์หนึ่งของพระแม่อุมา หน้าจะไม่ใช่ปางค์หนึ่งของ พระแม่ลักษมี หรือ พระแม่สรัสวดี นะ ตามความคิดเรา  ลองเข้าไปดูในเวปนี้นะ เราไปอ่านดู อ่านๆอ่านมาก็ แปลกดี เป็นอีกความคิดหนึ่ง  ของทางไสยวิทยา http://www.aromamodaka.com/oldletter16.HTM
แต่ในความคิดเรา ไม่ว่าพระแม่กาลีจะเป็น เทพ เป็นผี หรือเป็นปีศาจ ยังไงเราก็รักพระแม่มาก ถึจะไม่ข้อยมีความรู้ทางด้านนี้มากสักเท่าไหล่ก็ตาม

March 25, 2010, 21:30:33 #8 Last Edit: March 25, 2010, 21:32:09 by สหัสรูปา
[HIGHLIGHT=#7030a0]แปลกนะครับ คุณเอาข้อมูลความรู้ของคุณ  มาเผยแพร่ แต่ตัวคุณเองกลับไม่รุ้ว่าข้อมูลที่ได้มามีแหล่งอ้างอิงมาจากไหน
แล้วแหล่งอ้างอิงเชื่อถือได้หรือไม่   
และจากที่คุณกล่าวมาทั่งหมด  ในอินเดียไม่มีความคิดเช่นนี้อยู่เลย  ผมจึงอยากทราบข้อเท็จจริง

ส่วนคุณJagadamba นั้นเรียกว่า  เทววิทยา ครับ   ไม่ใช่ไสยวิทยา ซึ้งความหมายต่างกัน
แล้วข้อมูลที่คุณอ่านนั้นมันไม่แปลกหลอกครับ แต่คนส่วนใหญ่ไม่ทราบเท่านั้นและบางคนไม่ยอมรับที่จะรุ้ถึงความจริง
[/HIGHLIGHT]
พระผู้เป็นเจ้าสูงสุดซึ่งมีอยุ่เพียงพระองค์เดียว  เป็นผู้ซึ่งมีพระเนตรและพระพักตร์มากมายรอบทิศทาง  มีพระกรและพระบาทอยู่โดยรอบทิศ  ด้วยพระผู้เป็นเจ้าสูงสุดพระองค์เดียวนี้ทรงมีสภาวะแผ่ครอบคลุมไปทั่วสกลจักรวาล   
เศวตาศวตรอุปนิษัท

Quote from: durgakali on March 24, 2010, 14:46:07
พระแม่กาลีไม่ใช่มีพระองค์เดียวนะคับ

คำว่ากาลีแปลว่าดำหรือดุร้ายซึ่งใน

คติฮินดูปางแห่งกล่าวว่า พระแม่กาลีมี

กับทุกเทวีเช่น ปัญจกาลี (กาลี5ภาค)

อันมี 1. พระแม่มหากาลี(อุมา)

    2. พระแม่ไวษณริกาลี(ลักษมี)

    3.  พระแม่กายาอัมมาซักกาลี(กายาตรี)

   4.  พระแม่สรัสกาลี(สุรัสวดี)

    5. พระแม่ตัสสิรัสวรัมกาลี(ตุลสี)

อันหมายความว่ามหาเทวีองค์ใดมีการพิโรธ-ปราบมาร

ก้อจะมีภาคกาลีอยู่ด้วย โดยจะนำคำว่ากาลีลงท้ายหรือ

นำหน้าชื่อพระแม่นั้นๆเท่านั้นเอง

(ที่มา เทวาลัยพระแม่มหาปัญจมุกขี จ.เพชรบุรี) 

*โทดด้วยคับอิอิลงรูปไม่เปงอ่า (T_T)










อ่อ นี่  อีก 1 ความรู้ ที่ได้ จากเทวลัยเพรชบุรี แห่ง นี้ พอจะมี รูป หรือแผนที่ แนะนำ สถานที่
มั่งป่าว อ่ะคร้าฟ
เพราะเพรชบุรี อยู่ ห่าง จากกรุงเทพ นิดเดียว เอง อ่ะคร้าฟ  ไม่เกิน ชั่วโมงครึ่ง คงจะถึง ว่า จะชวนเพื่อน ๆ ไปสักการะบูชา จังคร้าฟ ผ้ม
คอยข้อมูลอย่างใจจดใจจ่อครับผ้ม

อ่านกระทู้น่าสนใจมากครับ ... ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพระแม่กาลีมีภาคต่างๆด้วย??

       คุณ  Jagadamba ครับ... เวบ www.aromamodaka.com  ที่คุณเข้าไปอ่านนั้นถือว่าเป็นเวบที่เกี่ยวข้องกับ  เทววิทยา และมายาศาสตร์ ครับ  ไม่ใช่  ไสยวิทยา  เป็นเวบให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับเทพเจ้าในศาสนาต่างๆ   โดย  ท่าน อ. กิตติ  วัฒนะมหาตม์  ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญโดยตรง  รวมทั้งทีมงานท่านอื่นๆ ของเวบก็เช่นกัน   อ. กิตติ  ท่านเป็นเจ้าของงานเขียนเกี่ยวกับเทววิทยาหลายเล่ม  เช่น  ตรีเทวปกรณ์  เทวาลัย ฯลฯ   เป็นต้น  ผมก็เป็นหนึ่งคนที่ เคารพและติดตามผลงานของท่านอยู่ตลอด  ^ ^

      

       กาลี 5 ภาค  ผมไม่เคยได้ยินเลย...  คุณเจ้าของกระทู้อาจจะเข้าใจผิด  ระหว่าง  พระแม่กาลี 5 ภาค  กับ  พระแม่กายตรี  หรือเปล่า ??

เท่าที่ทราบพระแม่กายตรี  เป็นพระแม่ที่เกิดจาก คายตรีมนตรา  ไม่มีรูปลักษณ์มาแต่เดิม เป็นบุคลาธิษฐาน  แล้วต่อมาก็แต่งปกรณ์เพิ่มเข้าไป   จึงนำพระแม่ทั้ง 5  ได้แก่  พระสรัสวตี  พระอุมา  พระคงคา  พระลักษมี และพระธรณี  มาสร้างเป็นตัวตนของพระกายตรี ในภายหลัง


       ส่วนที่คุณเจ้าของกระทู้บอกว่า  คติฮินดูบางแห่งให้พระแม่กาลีมีได้กับทุกเทวี  นั่นก็หมายความว่า  พระแม่กาลีมิใช่เทพทีมีตัวตน ?  แต่เป็น  ตำแหน่งของเทวี ?  คุณเจ้าของกระทู้หรือคติฮินดูบางแห่งนั้น  หมายความแบบนี้หรือเปล่า ??   ถ้าหมายความแบบนี้ก็เป็นข้อมูลที่น่าสนใจมากทีเดียว   
         งั้นที่เค้าบูชาพระแม่กาลี กันได้ผล  สมปราถนากันมากมายหล่ะ แปลว่าท่านไม่มีตัวตนหรอครับ ?  หรือว่าเราต้องเอ่ยชื่อว่าเป็นพระแม่กาลี  พระองค์ไหน ?

         
       เพราะเท่าที่ผมทราบ   อย่างพระแม่ลักษมีกับพระสรัสวตี  สมัยโบราณท่านก็มิได้มีปางมากมายเลย  ยิ่งพระสรัสวตีนี่ยิ่งนับปางได้  นอกเสียจากจะเป็นปางที่สร้างขึ้นมาใหม่  เพื่อหวังผลทางการค้าหรือธุรกิจอโคจรต่างๆ  ตัวอย่างก็รูปที่  คุณ Jagadamba  เอามาโพสนั้นแหละครับ  เป็นการนำพระแม่กาลีมารวมกับพระลักษมี  ซึ่งเป็นไปไม่ได้   

        อย่างพระลักษมีปางที่ดุหรือปางปราบ  เคยได้ยินแค่  วีระลักษมี  แต่พระองค์ก็มิได้มีรูปลักษณ์อย่างพระกาลีไม่  ยังคงสวยงามตามแบบฉบับของเทวีแห่งความงาม ยังคงประทับบนดอกบัว  เพียงแต่มีพระกรมากขึ้น และทรงอาวุธครบมือ  หรือ พระไวษณวี  พระนารายณี  ที่ทรงอาวุธอย่างพระวิษณุ  ก็ยังคงรูปลักษณ์เป็นเทวีที่งดงาม


       แต่ถ้า  คุณเจ้าของกระทู้  มีคติเกี่ยวกับพระแม่กาลี 5 ภาคที่มากกว่านี้  ก็น่าจะหาข้อมูลมาลงไว้เป็นวิทยาทานให้กับพี่น้องชาว HM  จะเป็นพระคุณอย่างมากครับ !!

อันนี้ ส่วนตัว นะคร้าฟ ......


ผมว่า เจ้าของกระทุ้ ไม่น่าจะเข้าใจผิดนะคร้ับ เพราะท่านเจ้าของกระทู้ มีแหล่งที่มาของข้อมูลที่คุณเจ้าของกระทู้ศึกษามาเป็นอย่างดีและ

และอ้างอิงที่มาความน่าเชื่อถือของข้อมูล โดยละเอียดผมว่า ท่านเจ้าของกระทู้ หรือคุณdurgakali ไม่น่าจะจำผิด นะครับ แต่ ถ้ามีเหตุอื่น

ที่ทำให้ผิดพลาดคลาดเคลื่อน จะพอเป็นไปได้ มั๊ยคร้าฟ อื่ม.....  ช่วยชี้แนะผมด้วยคร้ัาฟ เผื่อว่าสิ่งที่ผมได้ศึกษามานิดๆหนอ่ยๆจะไม่ถูกต้องจะได้เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดที่ศึกษามาทั้งหมดให้ถูกต้องตามหลักของเทวลัยจากเพรชบุรีซะเลย จะดีมั๊ยน้อ....ขอบคุณคร้าฟ

เราเองก็ไม่เคยได้ยินเรื่องกาลีห้าปางเหมือนกันแฮะ ชื่อลิสๆที่ให้มานอกจากมหากาลีแล้ว ไวษณริกาลีนี่พอคุ้นๆว่าน่าจะเป็นพระนางไวษณวี หนึ่งในพระแม่ทั้งเจ็ดมากกว่า รูปเคารพท่านก็ไม่ใกล้เคียงกับพระนางกาลีเลย


      

Quote from: jaidevima on March 26, 2010, 03:57:50
เราเองก็ไม่เคยได้ยินเรื่องกาลีห้าปางเหมือนกันแฮะ ชื่อลิสๆที่ให้มานอกจากมหากาลีแล้ว ไวษณริกาลีนี่พอคุ้นๆว่าน่าจะเป็นพระนางไวษณวี หนึ่งในพระแม่ทั้งเจ็ดมากกว่า รูปเคารพท่านก็ไม่ใกล้เคียงกับพระนางกาลีเลย





เหมือนกัน เรย อ่ะคร้าฟ ที่เคย พอจะทราบๆมานิดๆหนอ่ย ๆ  ก็ เป็น แบบคุณแจ้งมานี่แระคร้าฟ เอ.. หรือที่เราทราบมาจะผิดกันอ่ะคร้าฟ จะเป็น ไปตามข้อมูลของคุณdurgakali มาให้ความรู้ หรือเปล่า คร้าฟ นี่เราพลาดอะไรไปหรือเปล่าเนี่ย....

ไม่คับพระแม่ไวษณวีไม่ใช่พระแม่ไวษณริคับคนละภาคกันเพราะพระแม่ไวษณวีจะยืนข้างพระวิษณุคับแต่พระแม่ไวษณริกาลีจะปราบมาร(เป็นโจรสลัด)คับ
เดี๋ยวผมจะเอาประวัติมานะคับอิอิ
เอาที่ละองค์เลย (อิอิ ต้องโทรไปถามพระญาณคุรุก่อนจร้า)

http://www.youtube.com/v/FdmSfHLR5VU

อ้อ รอโทรถามพระญาณ คุรุ ก่อน โอเคคร้าฟ คอย นะคร้าฟ อิอิ

มาดัีกคอย ตั้งแต่ เมื่อคืน จนหลับ  เมื่อเช้าเรย รีบ ตื่น มาคอย สรุป รอโทรช่ะป่ะคร้าฟ อื่ม

มาแล้วคับเอาประวัติพระแม่ไวษณริกาลีก่อนะคับ

กาลแต่เก่าก่อนมาแล้วมีโจรที่อาศัยอยู่กลางเกาะในมหาสมุทรอินเดีย จึงขอเรียกว่าโจรสลัดแล้วกันโจรสลัดกลุ่มนี้ไม้มีผู้ไดรู้จักนามของมันทุกๆเดือนมันจะยกพวกเข้าบุกบ้านเรือนที่ริมทะเลในแถบนั้น(อินเดีย-เนปาล-บังคลาเทศ)ซึ่งสมัยก่อนเป็นเขตอินเดียพวกมันจะปล้นเอาเหรียญทองคำเทวรูปทองโดยเฉพาะพระนางลักษมีพวกมันจะเอาไปหลอมทำอุปกรณ์ทำปาบเช่นมีด หอก หลาวเพื่อเอาไว้ปล้นเมืองซึ่งถือว่าเปนการกระทำมิบังควรต่อเทพเจ้า
และชาวบ้านในแถบนั้นมิมีรูปพระนางลักษมีให้บูชาจึงได้แต่พร่ำพระนามเรื่อยไปมิได้สร้างเทวรูปขึ้นปูขาเกรงว่าพวกโจรมันจะเข้าปล้นอีกเรื่องนำไปถึงสวรรค์พระวิษณุที่นอนบรรทมอยู่ตกใจตื่นเพราะพระองค์เป็นผู้รักษาโลกด้วยความงัวเงียของพระองค์จึงพลั้งปากสั่งให้พระนางลักษมีลงไปปราบพระนางลักษมีก้อมิได้ไตร่ตรองในคำพูดพระสวามีด้วยความเกรงใจและจงรักภักดีต่อพระสวามี ต่อมาพระนางก้อจนใจเพราะพระนางเป็นอิตถีเทวีแห่งมารยาทงาม(กุลสตรีนั่นแหละ)จึงไม่รู้วิธีปราบจึงสวดอ้อนวอนพระนางมหากาลี(อุมา)พระกาลีจึงปรากฎกายแล้วบอกว่า โอ้นางไวษรวีเอ๋ยเราจักขอประทานกำลังของเราต่อเธอและอำนาจในความคิดแผนการรบของพระทุรคาเธอจงแบ่งภาคอวตารเถิด ว่าแล้วพระนางลักษมีจึงอวตารในรูปเดิมแต่เปลี่ยนแปลงบาง
อย่างคือนำใบหน้าอันน่ากลัวจากพระกาลี เอาร่ากายจากพระไภรวีและทรงช้างสู่ที่อยู่ของโจรขณะนั้นโจรได้อยู่บนเรือที่กำลังจะกลับไปเกาะของตนหลังจากปล้นทรัพสินย์มาแล้ว
พระนางได้เสด็จขวางเรือไว้และลงไปสู้รบกับโจร(โจรผูนี่มีเชื้ออสุรอยู่จึงมีฤทธิ์แก่กล้าฟันแทงไม่เข้า)พระนางจึงจนใจและคิดแผนการได้คือ พระนางกระโจนเข้าจับปากหัวโจกโจรไว้แล้วอ้าปากโจรออกและตรัสว่า ในเมื่อทำข้างนอกไม่ได้ก้อเล่นทางข้างในเเล้วกัน พระนางจึงนำหม้อที่ใส่เงินอยู่เทลงไปในปากจนเต็มร่างกายอสูรโจรแล้วบันดาลไห้เกิดเพลิงลุไหม้ไนท้องโจรจนร่างละลายส่วนเรือก้อจมสู่มหาสมุรทแล้วพระนาจึงกลับสวรรค์จนทำให้พระวิษณุเอ่ยชมว่า โอ้มหาเทวีทรงทำได้ดีพอเราในเรื่องการปราบมารต่างๆ เธอนี้เป็นพระแม่ที่ยิ่งใหญ่นัก  ในบางตำนานบ้างก้อว่าพระแม่นี่แหละที่เป็นคนสยบพระนาราซิมฮาให้หยุดอะละวาดร้ายในทุกๆครั้ง ส่วนตำนานที่มามิได้จดไนตำราแต้จำกันมาซึ่งทำห้ตำนานนี้ไม่เด่นชัดนัก

ที่มา พระญาณคุรุผู้ริเริ่มการสร้าเทวาลัย เพชรบุรี

มีเรื่องชี้แจงอีกคับบางคนสงสัยว่ากาลีคือตำแหน่งของเทวี แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่คับกาลีคือพลังอันยิ่งใหญ่ของเทวีจะใช้กับภาคร้ายมิใช่ตำแหน่งจร้า

ขอบคุณ  คุณ drugakali  ครับ !!

ประวัติพระแม่ไวษณริกาลี  น่าสนใจ และสนุกมากเลยครับ  ไม่ทราบมาก่อนเลยว่า พระแม่ลักษมีท่านทรงมีใบหน้าเป็นพระกาลีได้ด้วย .... แหม  !! น่าจะสร้างเป็นภาพยนตร์ 3D นะครับ คงทำรายได้เฉียด Avatar 

       ยังคงรอประวัติที่เหลือของพระแม่ทั้ง 4  นะครับ   อืม...ขอทราบเป็น  พระสรัสกาลีก่อนได้ไหมครับ  เพราะผมนับถือท่าน  อยากทราบประวัติที่แตกต่างของท่าน ของหลายๆ พื้นที่น่ะครับ  ^ ^

March 26, 2010, 17:15:48 #19 Last Edit: March 26, 2010, 18:52:00 by สหัสรูปา
[HIGHLIGHT=#7030a0]แหม คุณครับ[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#7030a0]แต่งเป็นนิทานก่อนนอนเลยนะครับ[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#7030a0]อ่อ   แล้วที่บอกว่าพระแม่เป็นผู้สยบ พระนรสิงหะ  มีแต่พระรุทรอวตารเป็น  พระศารภา  ลงไปปราบ และในขณะนั้น  พระปรัทยังกิรา ได้ถือกำเนิดขึ้น  มาจากปีกซ้ายของพระศารภา  [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#7030a0]ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ[/HIGHLIGHT]
พระผู้เป็นเจ้าสูงสุดซึ่งมีอยุ่เพียงพระองค์เดียว  เป็นผู้ซึ่งมีพระเนตรและพระพักตร์มากมายรอบทิศทาง  มีพระกรและพระบาทอยู่โดยรอบทิศ  ด้วยพระผู้เป็นเจ้าสูงสุดพระองค์เดียวนี้ทรงมีสภาวะแผ่ครอบคลุมไปทั่วสกลจักรวาล   
เศวตาศวตรอุปนิษัท

โอ้ว....... รบกวนคุณdurgakaliฝาก ขอขอบพระคุณท่านพระญาณคุรุผู้ริเริ่มก่อตั้งเทวลัยและที่มาของข้อมูลคร้าฟ


ไม่ทราบมีเรื่องอื่นเพิ่มเติม ป่าว อ่ะคร้าฟ .. น่าจะมี นะ แต่ยังไงจะคอยติดตามผลงานคร้าฟ

March 26, 2010, 18:24:25 #21 Last Edit: March 26, 2010, 20:46:45 by ศรีมหามารตี
เรียนคุณ Durgakali ......


ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณในตำนานของพระปัญจกาลีกับโจรสลัด    ที่ดูไปดูมาแล้วก็คล้ายๆกับไพเรทออฟเดอะแคริเบี้ยน    แต่เพื่อไม่ให้เกิดการเข้าใจผิดในปกรณ์   ( ต้องขอเน้นย้ำว่านี่เราคุยกันแต่ในส่วนของปกรณ์เท่านั้นนะค่ะ  คือยังไม่ไปเจาะลึกหาข้อเท็จจริง   หรือตำนานใดๆก็แล้วแต่ที่เกี่ยวกับพระนางหรือลัทธิที่บูชาพระนางเป็นการเฉพาะ )


อิชั้นก็รับทราบดีกับปกรณ์ของพระแม่กาลีที่คุณเอ่ยมาในข้างต้นนี่คะ   แม้ว่าเนื้อเรื่องจะดูพิลึกพิสดารหน่อยก็เถอะ  แต่มันก็เป็นธรรมดาของเทพปกรณัมทั่วโลกในทุกๆศาสนาอยู่แล้ว   ไม่ว่าจะเป็นลัทธิศาสนานิกายไหนใดๆในโลกก็เถอะ

และก็เข้าใจดีกับคำว่า Mythology ซึ่งความหมายในส่วนของคำว่า myth ที่บ่งบอกว่าเป็นตำนาน นิยาย หรือเรื่องเล่า   กับความหมายโดยรวมมันก็บอกอยู่แล้วว่าต้องเป็นอะไรที่ increadible  จริงๆ   สังเกตว่าปกรณ์ส่วนใหญ่ในคัมภีร์โบราณที่กล่าวถึงกันนั้น   ถึงแม้ว่าจะมีความจับฉ่ายอยู่บ้าง   แต่ถ้าดูกันดีๆแล้ว  อิชั้นว่าคนที่ผูกขึ้นมาก็ย่อมต้องมีเจตนาที่ดี รวมถึงจุดประสงค์เฉพาะเรื่องไปในส่วนที่เฉพาะเจาะจงจริงๆของเหตุการณ์ตรงนั้นคะ  ซึ่งอาจจะมีในเรื่องของการเมืองการปกครองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย  แต่ถ้าสังเกตกันดีๆแล้ว  ปกรณ์ในสมัยโบราณก็ยังตั้งอยู่บนบรรทัดฐานที่ดี   กล่าวคือ...ไม่หลุดโลกจนเกินไป   แม้ว่าจะมีในส่วนของกฤษฎาอภินิหารมาบ้างก็ตามทีเถอะ  นี่ขอยกเว้นปกรณ์หรือเรื่องเล่าในยุคหลังๆนะค่ะ  ที่มีการแต่งขึ้นอย่างเละเทะ  และดูเหมือนจะหาแก่นสารสาระ หรือนัยยะที่แฝงไว้ในตำนานเหล่านั้นไม่ได้เลยคะ อิอิ


คราวนี้ขอวกกลับมาที่เรื่องของคุณเจ้าของกระทู้  ที่บอกว่าตำนานพระปัญจกาลีของคุณนั้นเป็นแค่เรื่องเล่า  หรือเรียกง่ายๆสั้นๆว่า  มุขปาฐะ   ซึ่งในส่วนของมุขปาฐะนั้น  ความหมายเค้าก็บอกอยู่แล้วว่าคือเรื่องเล่าหรือตำนานที่เล่าๆสืบต่อกันมา  มิได้มีการจดบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร


แต่สังเกตว่าปกรณ์ส่วนใหญ่ในสมัยโบราณก็เข้าข่ายมุขปาฐะกันหมดนะค่ะ  ไม่ว่าจะเป็นยุคอารยัน หรือยุคก่อนประวัติศาสตร์  สมัยที่ยังมิได้มีการใช้ตัวหนังสือ  เรื่องเทพปกรณัมของเค้าก็ต้องอาศัยการเล่า การท่องจำกันปากต่อปาก  หรืออาจจะเพิ่มในส่วนของอิทธิฤทธิ์ปาฎิหารเข้าไปด้วย  เพื่อให้จำง่ายขึ้น  จะได้มีเนื้อเรื่องที่ชวนตื่นเต้น
นี่พูดกันในแง่ของวิชาการนะค่ะ  ไม่ได้เหมารวมทั้งหมดว่าเหล่าบรรดาอิทธิฤทธิ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นในตำนานนั้นๆจะไม่มีอยู่จริง

ซึ่งเราทั้งหลายต่างก็ทราบดีในส่วนของเทพปกรณัมของอินเดีย ไม่ว่าจะเป็นทางเหนือทางใต้ ก็ล้วนแต่มีเรื่องเล่าหรือตำนานเฉพาะที่ต่างกันออกไป  มิซ้ำกัน  ก็อย่างที่อิชั้นเรียนไปว่าเรื่องเล่าหรือตำนานพวกนี้ในสมัยก่อนนั้นก็ต้องมาจากมุขปาฐะ คือมีการเล่าสืบต่อกันมา  จนมาภายหลังถึงจะมีการจดบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร  แต่ทำไมเรื่องเล่าพวกนั้น  ยังเป็นที่แพร่หลายอยู่ละค่ะ  ซึ่งต่างกับตำนานของเจ้าของกระทู้มากๆจริงที่มิมีใครได้เคยทราบหรือเคยได้ยินเลย  จะมาบอกว่าเป็นเฉพาะกลุ่มก็มิใช่  ขนาดตำนานของพระศรีปรัทยังกิร่า หรือองค์นาราซิมฮี  ก็ยังมีคนทราบเลยคะ  สงสัยว่าต้องให้คุณกลับไปเรียนถามท่านญาณคุรุของคุณก่อนแล้วละมั้ง

อีกเรื่องที่คุณกล่าวว่ากาลีคือพลังงานอันยิ่งใหญ่นี่ใช่เหรอค่ะ   เท่าที่อิชั้นได้ยินมาน่าจะบอกว่าศักติคือพลังอันยิ่งใหญ่ของพระเทวีมากกว่านะค่ะ   แล้วกาลีปางต่างๆของคุณนั้นก็น่าแปลก  คือถ้าจะบอกว่าพระกาลีสำแดงพลังในส่วนของท่านออกมาเป็นทศมหาวิทยา นั้นพวกเราก็ทราบดี

หรือถ้าจะแปลกแตกต่างออกไปหน่อย  เห็นว่าก็จะมีแต่  พระดักชินกาลีกับพระวามากาลี  จะต่างกันหน่อยก็ตรงที่พระบาททั้งข้างขวาและข้างซ้ายของท่านนั้นก้าวออกไปต่างกัน  แต่ก็ล้วนแต่มีนัยยะเหมือนกัน  พูดง่ายๆคือไม่ต่างอะไรกันมากคะ






ขอย้ำว่าทั้งหมดนี้ที่อิชั้นได้กล่าวออกไป  มิได้มีเจตนาอะไรใดๆทั้งสิ้น   ในฐานะที่เวปแห่งนี้ยังเป็นเวปฮินดู  เลยไม่อยากให้มีอะไรที่มันจะดูเข้าใจผิดหรือบิดเบือนไปมากกว่านี้อะคะ   ก็เข้าใจในความเป็นเวปบอร์ด  ว่าต่างคนต่างความคิด   และก็ต้องกราบขอบพระคุณท่านเจ้าของกระทู้ที่นำเรื่องราวดีๆ ให้เราได้มาคิดวิเคราะห์กันคะ กับความรู้ที่ได้มาครั้งนี้มากมายมหาศาลจริงๆ

ขอย้ำอีกว่า ไม่ว่าจะเป็นตัวอิชั้น เจ้าของพระทู้หรือเพื่อนๆทุกคนในบอดนี้  ถ้าพูดถึงความรัก ความศรัทธา ตลอดจนความจงรักภักดีที่มีต่อองค์พระดูรกา กาลีแล้ว  อิชั้นเชื่อดีว่า ไม่มีใครจะน้อยหน้าไปกว่าใครคะ ขอพระแม่คุ้มครอง... เจ ดักชินกาลี















เรียกว่าเทววิทยา ใช่มั้นครับ สงสัยเพื่อนเราบอกมาผิด รู้แค่งูๆปลาๆ 5555 เขินจัง
ว่าแต่ ข้อมูลทางเทววิทยา สามารถ เชื่อได้มากน้อยแค่ไหนครับ
พี่ๆๆคนไหนรู้ช่วยตอบด้วย เพราะจากที่อ่านๆดู มันคนละฟากกับ ตำนานเทพฮินดูที่เรารู้กันเลย
แต่อ่านๆไปก็สนุกดีนะ 555

ว่าแต่รูปของคุณพี่ ศรีมหามารตี  คือพระแม่องค์ไหนครับ สวยจัง
ส่วนตัว เห็นแล้วชอบครับ

Quote from: Jagadamba on March 27, 2010, 21:23:12
เรียกว่าเทววิทยา ใช่มั้นครับ สงสัยเพื่อนเราบอกมาผิด รู้แค่งูๆปลาๆ 5555 เขินจัง
ว่าแต่ ข้อมูลทางเทววิทยา สามารถ เชื่อได้มากน้อยแค่ไหนครับ
พี่ๆๆคนไหนรู้ช่วยตอบด้วย เพราะจากที่อ่านๆดู มันคนละฟากกับ ตำนานเทพฮินดูที่เรารู้กันเลย
แต่อ่านๆไปก็สนุกดีนะ 555


คุณ  Jagadamba  ครับ !!

        เทววิทยา  เป็นศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับเทพเจ้าของศาสนา และลัทธิต่างๆ ของโลก   ครอบคลุมหมวดความรู้  อันได้แก่  ปกรณศาสตร์  สถาปัตยกรรมศาสตร์  ปฏิมาณวิทยา  พิธีกรรม หรือ มายาศาสตร์  เทพพยากรณ์ และนาฎยศาสตร์  ทั้งหมดนี้จะเกี่ยวเนื่องกัน   อย่างเช่น  ตำนานเทพอินดูที่คุณถาม  ก็อยู่ในหมวด ปรกรณศาสตร์ หรือที่เราเรียกว่า Mythology  เมื่อผู้คนศรทธานับถือเทพองค์ไหนก็จะมีการสร้างเทวรูปขึ้น  ก็ต้องใช้ความรู้ของหมวดปฏิมาณวิทยา  หรือถ้าจะสร้างเทวาลัยก็ต้องเกี่ยวข้องกับหมวดสถาปัตยกรรม  เป็นต้นครับ

       ดังนั้นเทววิทยา  จึงไม่ได้มีแค่เรื่องของตำนานเทพเท่านั้น  แต่ครอบคลุมถึงหมวดความรู้ที่กล่าวไปทั้งหมดข้างต้นครับ ^ ^

( ขอบคุณที่มา  : http://www.aromamodaka.com/Theology.htm )

จากที่อ่านมาตั่งแต่ต้น
ผมอยากรู้เรื่อง ของพระแม่สรัสวตีอะคัฟ
ลบกวนเอามาให้อ่านด้วยนะคัฟ
ข้าแต่พระวาคีศวรีเจ้า พระมารดาแห่งพระเวทย์ พระมารดาแห่งศฤงคาร พระมารดาแห่งขุนเขา 
ในนามของ พระปารวตี  ลักษมี  สรัสวตี  สาวิตรี  คายตรี พระองค์คือปรมาตมัน 
พระผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งพระพรหม วิษณุ รุทระ
ด้วยพระกรุณาแห่งพระองค์ จักทำให้โลกที่มืดด้วยอวิทยาสว่างขึ้นโดยพุทธิปัญญา

โอม ตัต สัต

ตามที่ผมพอทราบมานั้น ตำนานต่างๆนั้นเป็นการเล่าต่อๆกันมาและมีการมาจดบันทึกในภายหลัง(ตามที่มีผู้ตอบไว้) แต่ในทางเทววิทยานั้นจะศึกษาในด้านโบราณคดีด้วย ซึ่งจะเอามาใช้ในการวิเคราะห์ในการหาข้อสรุปต่างๆ ดังนั้น เทววิทยา จึงมีความน่าเชื่อถือกว่า ในความคิดของผม

โดยมาหลักเทววิทยา จะไม่ค่อยกล่าวอ้างถึงตำนานสักเท่าไร

ผมเองก็ศึกษาเทววิทยาจากเว็บ aromamodaka เช่นกัน

เรียนคุณ Durgakali ......


ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณในตำนานของพระปัญจกาลีกับโจรสลัด    ที่ดูไปดูมาแล้วก็คล้ายๆกับไพเรทออฟเดอะแคริเบี้ยน    แต่เพื่อไม่ให้เกิดการเข้าใจผิดในปกรณ์   ( ต้องขอเน้นย้ำว่านี่เราคุยกันแต่ในส่วนของปกรณ์เท่านั้นนะค่ะ  คือยังไม่ไปเจาะลึกหาข้อเท็จจริง   หรือตำนานใดๆก็แล้วแต่ที่เกี่ยวกับพระนางหรือลัทธิที่บูชาพระนางเป็นการเฉพาะ )


อิชั้นก็รับทราบดีกับปกรณ์ของพระแม่กาลีที่คุณเอ่ยมาในข้างต้นนี่คะ   แม้ว่าเนื้อเรื่องจะดูพิลึกพิสดารหน่อยก็เถอะ  แต่มันก็เป็นธรรมดาของเทพปกรณัมทั่วโลกในทุกๆศาสนาอยู่แล้ว   ไม่ว่าจะเป็นลัทธิศาสนานิกายไหนใดๆในโลกก็เถอะ

และก็เข้าใจดีกับคำว่า Mythology ซึ่งความหมายในส่วนของคำว่า myth ที่บ่งบอกว่าเป็นตำนาน นิยาย หรือเรื่องเล่า   กับความหมายโดยรวมมันก็บอกอยู่แล้วว่าต้องเป็นอะไรที่ increadible  จริงๆ   สังเกตว่าปกรณ์ส่วนใหญ่ในคัมภีร์โบราณที่กล่าวถึงกันนั้น   ถึงแม้ว่าจะมีความจับฉ่ายอยู่บ้าง   แต่ถ้าดูกันดีๆแล้ว  อิชั้นว่าคนที่ผูกขึ้นมาก็ย่อมต้องมีเจตนาที่ดี รวมถึงจุดประสงค์เฉพาะเรื่องไปในส่วนที่เฉพาะเจาะจงจริงๆของเหตุการณ์ตรงนั้นคะ  ซึ่งอาจจะมีในเรื่องของการเมืองการปกครองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย  แต่ถ้าสังเกตกันดีๆแล้ว  ปกรณ์ในสมัยโบราณก็ยังตั้งอยู่บนบรรทัดฐานที่ดี   กล่าวคือ...ไม่หลุดโลกจนเกินไป   แม้ว่าจะมีในส่วนของกฤษฎาอภินิหารมาบ้างก็ตามทีเถอะ  นี่ขอยกเว้นปกรณ์หรือเรื่องเล่าในยุคหลังๆนะค่ะ  ที่มีการแต่งขึ้นอย่างเละเทะ  และดูเหมือนจะหาแก่นสารสาระ หรือนัยยะที่แฝงไว้ในตำนานเหล่านั้นไม่ได้เลยคะ อิอิ


คราวนี้ขอวกกลับมาที่เรื่องของคุณเจ้าของกระทู้  ที่บอกว่าตำนานพระปัญจกาลีของคุณนั้นเป็นแค่เรื่องเล่า  หรือเรียกง่ายๆสั้นๆว่า  มุขปาฐะ   ซึ่งในส่วนของมุขปาฐะนั้น  ความหมายเค้าก็บอกอยู่แล้วว่าคือเรื่องเล่าหรือตำนานที่เล่าๆสืบต่อกันมา  มิได้มีการจดบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร


แต่สังเกตว่าปกรณ์ส่วนใหญ่ในสมัยโบราณก็เข้าข่ายมุขปาฐะกันหมดนะค่ะ  ไม่ว่าจะเป็นยุคอารยัน หรือยุคก่อนประวัติศาสตร์  สมัยที่ยังมิได้มีการใช้ตัวหนังสือ  เรื่องเทพปกรณัมของเค้าก็ต้องอาศัยการเล่า การท่องจำกันปากต่อปาก  หรืออาจจะเพิ่มในส่วนของอิทธิฤทธิ์ปาฎิหารเข้าไปด้วย  เพื่อให้จำง่ายขึ้น  จะได้มีเนื้อเรื่องที่ชวนตื่นเต้น
นี่พูดกันในแง่ของวิชาการนะค่ะ  ไม่ได้เหมารวมทั้งหมดว่าเหล่าบรรดาอิทธิฤทธิ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นในตำนานนั้นๆจะไม่มีอยู่จริง

ซึ่งเราทั้งหลายต่างก็ทราบดีในส่วนของเทพปกรณัมของอินเดีย ไม่ว่าจะเป็นทางเหนือทางใต้ ก็ล้วนแต่มีเรื่องเล่าหรือตำนานเฉพาะที่ต่างกันออกไป  มิซ้ำกัน  ก็อย่างที่อิชั้นเรียนไปว่าเรื่องเล่าหรือตำนานพวกนี้ในสมัยก่อนนั้นก็ต้องมาจากมุขปาฐะ คือมีการเล่าสืบต่อกันมา  จนมาภายหลังถึงจะมีการจดบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร  แต่ทำไมเรื่องเล่าพวกนั้น  ยังเป็นที่แพร่หลายอยู่ละค่ะ  ซึ่งต่างกับตำนานของเจ้าของกระทู้มากๆจริงที่มิมีใครได้เคยทราบหรือเคยได้ยินเลย  จะมาบอกว่าเป็นเฉพาะกลุ่มก็มิใช่  ขนาดตำนานของพระศรีปรัทยังกิร่า หรือองค์นาราซิมฮี  ก็ยังมีคนทราบเลยคะ  สงสัยว่าต้องให้คุณกลับไปเรียนถามท่านญาณคุรุของคุณก่อนแล้วละมั้ง

อีกเรื่องที่คุณกล่าวว่ากาลีคือพลังงานอันยิ่งใหญ่นี่ใช่เหรอค่ะ   เท่าที่อิชั้นได้ยินมาน่าจะบอกว่าศักติคือพลังอันยิ่งใหญ่ของพระเทวีมากกว่านะค่ะ   แล้วกาลีปางต่างๆของคุณนั้นก็น่าแปลก  คือถ้าจะบอกว่าพระกาลีสำแดงพลังในส่วนของท่านออกมาเป็นทศมหาวิทยา นั้นพวกเราก็ทราบดี

หรือถ้าจะแปลกแตกต่างออกไปหน่อย  เห็นว่าก็จะมีแต่  พระดักชินกาลีกับพระวามากาลี  จะต่างกันหน่อยก็ตรงที่พระบาททั้งข้างขวาและข้างซ้ายของท่านนั้นก้าวออกไปต่างกัน  แต่ก็ล้วนแต่มีนัยยะเหมือนกัน  พูดง่ายๆคือไม่ต่างอะไรกันมากคะ






ขอย้ำว่าทั้งหมดนี้ที่อิชั้นได้กล่าวออกไป  มิได้มีเจตนาอะไรใดๆทั้งสิ้น   ในฐานะที่เวปแห่งนี้ยังเป็นเวปฮินดู  เลยไม่อยากให้มีอะไรที่มันจะดูเข้าใจผิดหรือบิดเบือนไปมากกว่านี้อะคะ   ก็เข้าใจในความเป็นเวปบอร์ด  ว่าต่างคนต่างความคิด   และก็ต้องกราบขอบพระคุณท่านเจ้าของกระทู้ที่นำเรื่องราวดีๆ ให้เราได้มาคิดวิเคราะห์กันคะ กับความรู้ที่ได้มาครั้งนี้มากมายมหาศาลจริงๆ

ขอย้ำอีกว่า ไม่ว่าจะเป็นตัวอิชั้น เจ้าของพระทู้หรือเพื่อนๆทุกคนในบอดนี้  ถ้าพูดถึงความรัก ความศรัทธา ตลอดจนความจงรักภักดีที่มีต่อองค์พระดูรกา กาลีแล้ว  อิชั้นเชื่อดีว่า ไม่มีใครจะน้อยหน้าไปกว่าใครคะ ขอพระแม่คุ้มครอง... เจ ดักชินกาลี

_______________________________________________________

อ่าน คอมเมนของพี่  ศรีมหามารตี กันซิครับ น่าจะเข้าใจอะไร หลายอย่าง ดีครับ

[HIGHLIGHT=#7030a0]จนถึงวันนี้[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#7030a0]ก็ยังไม่มีอะไรมาโพส เลย รอ ญานคุรุจีอยุ่ฤครับ[/HIGHLIGHT]
พระผู้เป็นเจ้าสูงสุดซึ่งมีอยุ่เพียงพระองค์เดียว  เป็นผู้ซึ่งมีพระเนตรและพระพักตร์มากมายรอบทิศทาง  มีพระกรและพระบาทอยู่โดยรอบทิศ  ด้วยพระผู้เป็นเจ้าสูงสุดพระองค์เดียวนี้ทรงมีสภาวะแผ่ครอบคลุมไปทั่วสกลจักรวาล   
เศวตาศวตรอุปนิษัท

ผมว่าลองช่วยกัน search ใน wiki ดูดีกว่า ผมก็อยากรู้เหมือนกัน ถ้าเป็นเรื่องที่ศาสนาฮินดู กล่าวถึงจริง ก็ต้องปรากฏข้อมูล ที่เป็นสากล เน้นว่าสากลบ้างไม่มากก็น้อยละครับ เพราะคนนับถือศาสนาฮินดูในอินเดียก็กว่า 900 ล้านคน ไม่นับในนานาประเทศอีก ตีซะว่าอีก 100 ล้านคน รวมเป็น 1000 ล้านคน คงไม่มีแต่กลุ่มคนในเมืองไทยละกระมังที่รู้จักตำนานนี้ ครับ
ลองสะกดเป็นภาษาอังกฤษดูครับ ผิดพลาดแนะนำด้วยครับ

1.พระแม่มหากาลี(อุมา) - mahakali
2. พระแม่ไวษณริกาลี(ลักษมี) - vishnarikali
3.พระแม่กายาอัมมาซักกาลี(กายาตรี)   - gayammachakali
4.พระแม่สรัสกาลี(สุรัสวดี) - saraskali
5.พระแม่ตัสสิรัสวรัมกาลี(ตุลสี) - tulsiraswaramkali
[HIGHLIGHT=#ffffff]ชนใดหวังข้ามอุปสรรค  พึงพำนักพิคเนศนาถา
สำเร็จสมดังจินดา พระองค์พาข้ามพิฆะจัญไร
[/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#c00000]คะ และทางเทวาลัยอีกหน่อยก้คงค้นพบ[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#c00000][/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#c00000]พระแม่ซันโตชิกาลี [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#c00000]พระแม่กามาคชี่กาลี[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#c00000]พระแม่มินาคชีกาลี[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#c00000][/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#c00000]และอีกหลายองค์ๆ [/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#c00000][/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#c00000][/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#c00000]อยากไปเทวาลัยนี้จังงง ไปทัศนศึกษา และ รับ Experience ใหม่ๆ จิงมั้ยคะ พี่ๆ[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffc000]หากมีศรัทธาแล้วไซร้ ก็ควรทำให้ถูกต้องตามจารีตประเพณี  เพื่อศรัทธาที่มีนั้นจะได้มีค่า และหาข้อติเตียนไม่ได้[/HIGHLIGHT]

ทุกคนโปรดอ่าน........ในความเข้าและความศรัทธาของผมนะครับ เผื่อจะเป็นประโยชน์ ได้บ้างนะครับ


ขออ้างถึงนะครับ

1.พระแม่มหากาลี(อุมา) - mahakali
2. พระแม่ไวษณริกาลี(ลักษมี) - vishnarikali
3.พระแม่กายาอัมมาซักกาลี(กายาตรี)   - gayammachakali
4.พระแม่สรัสกาลี(สุรัสวดี) - saraskali
5.พระแม่ตัสสิรัสวรัมกาลี(ตุลสี) - tulsiraswaramkali


ผมว่าคุณจะลง กระทู้อะไร ต้องมีสิ่งที่น่าเชื่อถือได้ ตามความเชื่อใน พระนามศักดิ์สิทธิ์ หรือ รูป ลักษณ์ ของพระแม่แห่งตรีจักรวาลนะครับ เพราะว่าสิ่งต่าง ๆ ที่เราจะทำอะไร ต้องขึ้นอยู่ กับเหตุและผล และหลักแห่งความเป็น จริง เทวปกรณ์แห่งพระแม่ตรีจักรวาล อาจจะมีหลายรูปแบบ ตามแต่ ช่างออกแบบมาให้เราได้บูชา แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ท่านมีรูปลักษณ์แบบไหน ก็ไม่มีผู้ใดรู้ทั้งนั้น ล้วนแล้วแต่คิดกันเอาเอง หรือฟังเขาเล่ามา ทั้งนั้น อย่ามัวแต่ตาม หาคำตอบ และแสดงตนเป็นผู้รู้กันเลย ครับ มันไม่มีประโยชน์ เพราะเราไม่สามารถที่จะสัมผัส ขุมพลัง แห่งพระแม่ตรีจักรวาล ได้อย่างแท้จริงหรอกครับ เราสัมผัสได้แค่เพียงเศษเสี้ยว มายาแห่งพระแม่ตรีจักรวาลได้เท่านั้นเอง แล้วใยจะมาเถียง กัน ถึงประวัติ หรือพระนามศักดิ์สิทธิ ว่ามีจริงหรือไม่มีจริง อยากถามทุกคนว่า ที่ทุกคนนั่งเถียงกันเนี่ยครับ ต้องการหาคำตอบ เพื่ออะไร เกี่ยวกับศรัทธาหรือไม่ คุณจะเถยงกันเพื่อรู้ถึงสิ่งที่มองไม่เห็นเพื่อที่จะเป็น ผู้ศรัทธาที่ เป็นหนึ่ง หรือว่า เถียงกันเพื่อ จะเป็นที่หนึ่งแห่งผู้รู้ โดยปราศจากความศรัทธา ผมว่าพระนามศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้าของกระทู้เอามาลงไว้ อาจะมีจริง หรือเข้าใจผิด แต่ถ้าในความคิดผม เอาแค่ว่า "กาลี" เป็นภาคที่ดุร้าย ของพระแม่ ก็ไม่มีในสายระบบ ของผมแล้วครับ เพราะ คำว่ากาลี นั้น มาจากคำว่า กาลิกา หรือแปลว่า "หญิงดำ" และมีอำนาจเสมือนกาล (เวลา) ที่ไม่มีผู้ใดเอาชนะได้ ที่รู้มานะครับ มีแค่นี้ ก็คงจะบอกได้ว่า คำว่า กาลี ไม่ได้แปลว่า ดุร้าย แน่นอนครับ แต่เรื่องชื่อเนี่ย ไม่ขอออกความคิดเห็น แต่แค่ จะบอกว่า ไม่เคยได้ยิน เพราะที่รู้มา มันไม่มี อยากจะให้เจ้าของกระทู้กลับไป ทวบ ทวนให้ดีนะครับว่า อะไรที่จะเผยแพร่ ให้บุคคลที่สาม ทราบนั้น ต้องมีที่มาที่ไป นะครับ ไม่ได้คิดขึ้นเอง แค่ใส่คำว่ากาลีลงไป ท้ายชื่อ ก็จะทำให้เทพองค์นั้น องค์นี้เป็น พระแม่กาลี ไปซะทั้งหมด

จากผม.....ผู้ศรัทธา ขุมพลังแห่งพระแม่ตรีจักรวาล พระแม่แห่งฟ้า พระแม่ศักติ-ศิวา

ข้าพแต่องค์ เทวีทิเทพ พระแม่ศักติ-ศิวา พระผู้เป็นขุมพลังแห่งพระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าจะอยู่ ในดิน ในน้ำ ในมหาสมุทร สุดขอบจักรวาล ข้าพเจ้าบูชาพระแม่แห่งฟ้า พระนามของพระแม่ช่างมากมาย เพราะพระแม่ คือ ทุกสิ่งแห่งจักรวาล

ทุกคนโปรดอ่าน........ในความเข้าและความศรัทธาของผมนะครับ เผื่อจะเป็นประโยชน์ ได้บ้างนะครับ


ขออ้างถึงนะครับ

1.พระแม่มหากาลี(อุมา) - mahakali
2. พระแม่ไวษณริกาลี(ลักษมี) - vishnarikali
3.พระแม่กายาอัมมาซักกาลี(กายาตรี)   - gayammachakali
4.พระแม่สรัสกาลี(สุรัสวดี) - saraskali
5.พระแม่ตัสสิรัสวรัมกาลี(ตุลสี) - tulsiraswaramkali

ผมว่าคุณจะลง กระทู้อะไร ต้องมีสิ่งที่น่าเชื่อถือได้ ตามความเชื่อใน พระนามศักดิ์สิทธิ์ หรือ รูป ลักษณ์ ของพระแม่แห่งตรีจักรวาลนะครับ เพราะว่าสิ่งต่าง ๆ ที่เราจะทำอะไร ต้องขึ้นอยู่ กับเหตุและผล และหลักแห่งความเป็น จริง เทวปกรณ์แห่งพระแม่ตรีจักรวาล อาจจะมีหลายรูปแบบ ตามแต่ ช่างออกแบบมาให้เราได้บูชา แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ท่านมีรูปลักษณ์แบบไหน ก็ไม่มีผู้ใดรู้ทั้งนั้น ล้วนแล้วแต่คิดกันเอาเอง หรือฟังเขาเล่ามา ทั้งนั้น อย่ามัวแต่ตาม หาคำตอบ และแสดงตนเป็นผู้รู้กันเลย ครับ มันไม่มีประโยชน์ เพราะเราไม่สามารถที่จะสัมผัส ขุมพลัง แห่งพระแม่ตรีจักรวาล ได้อย่างแท้จริงหรอกครับ เราสัมผัสได้แค่เพียงเศษเสี้ยว มายาแห่งพระแม่ตรีจักรวาลได้เท่านั้นเอง แล้วใยจะมาเถียง กัน ถึงประวัติ หรือพระนามศักดิ์สิทธิ ว่ามีจริงหรือไม่มีจริง อยากถามทุกคนว่า ที่ทุกคนนั่งเถียงกันเนี่ยครับ ต้องการหาคำตอบ เพื่ออะไร เกี่ยวกับศรัทธาหรือไม่ คุณจะเถยงกันเพื่อรู้ถึงสิ่งที่มองไม่เห็นเพื่อที่จะเป็น ผู้ศรัทธาที่ เป็นหนึ่ง หรือว่า เถียงกันเพื่อ จะเป็นที่หนึ่งแห่งผู้รู้ โดยปราศจากความศรัทธา ผมว่าพระนามศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้าของกระทู้เอามาลงไว้ อาจะมีจริง หรือเข้าใจผิด แต่ถ้าในความคิดผม เอาแค่ว่า "กาลี" เป็นภาคที่ดุร้าย ของพระแม่ ก็ไม่มีในสายระบบ ของผมแล้วครับ เพราะ คำว่ากาลี นั้น มาจากคำว่า กาลิกา หรือแปลว่า "หญิงดำ" และมีอำนาจเสมือนกาล (เวลา) ที่ไม่มีผู้ใดเอาชนะได้ ที่รู้มานะครับ มีแค่นี้ ก็คงจะบอกได้ว่า คำว่า กาลี ไม่ได้แปลว่า ดุร้าย แน่นอนครับ แต่เรื่องชื่อเนี่ย ไม่ขอออกความคิดเห็น แต่แค่ จะบอกว่า ไม่เคยได้ยิน เพราะที่รู้มา มันไม่มี อยากจะให้เจ้าของกระทู้กลับไป ทวบ ทวนให้ดีนะครับว่า อะไรที่จะเผยแพร่ ให้บุคคลที่สาม ทราบนั้น ต้องมีที่มาที่ไป นะครับ ไม่ได้คิดขึ้นเอง แค่ใส่คำว่ากาลีลงไป ท้ายชื่อ ก็จะทำให้เทพองค์นั้น องค์นี้เป็น พระแม่กาลี ไปซะทั้งหมด

จากผม.....ผู้ศรัทธา ขุมพลังแห่งพระแม่ตรีจักรวาล พระแม่แห่งฟ้า พระแม่ศักติ-ศิวา

ข้าพแต่องค์ เทวีทิเทพ พระแม่ศักติ-ศิวา พระผู้เป็นขุมพลังแห่งพระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าจะอยู่ ในดิน ในน้ำ ในมหาสมุทร สุดขอบจักรวาล ข้าพเจ้าบูชาพระแม่แห่งฟ้า พระนามของพระแม่ช่างมากมาย เพราะพระแม่ คือ ทุกสิ่งแห่งจักรวาล

อยากทราบประวัติจังคับ ยังไงก็ขอความกรุณาช่วยลงประวัติให้ด้วยนะคับ

คับคับประมาณต้นหรือก่อนสงกรานจะเอาประวัติพระแม่สรัสกาลีและพระแม่ตัสสิรัสวรัมกาลีมาลงนะคัฟ

Quote from: ramadas on March 31, 2010, 23:17:36
ผมว่าลองช่วยกัน search ใน wiki ดูดีกว่า ผมก็อยากรู้เหมือนกัน ถ้าเป็นเรื่องที่ศาสนาฮินดู กล่าวถึงจริง ก็ต้องปรากฏข้อมูล ที่เป็นสากล เน้นว่าสากลบ้างไม่มากก็น้อยละครับ เพราะคนนับถือศาสนาฮินดูในอินเดียก็กว่า 900 ล้านคน ไม่นับในนานาประเทศอีก ตีซะว่าอีก 100 ล้านคน รวมเป็น 1000 ล้านคน คงไม่มีแต่กลุ่มคนในเมืองไทยละกระมังที่รู้จักตำนานนี้ ครับ
ลองสะกดเป็นภาษาอังกฤษดูครับ ผิดพลาดแนะนำด้วยครับ

1.พระแม่มหากาลี(อุมา) - mahakali
2. พระแม่ไวษณริกาลี(ลักษมี) - vishnarikali
3.พระแม่กายาอัมมาซักกาลี(กายาตรี)   - gayammachakali
4.พระแม่สรัสกาลี(สุรัสวดี) - saraskali
5.พระแม่ตัสสิรัสวรัมกาลี(ตุลสี) - tulsiraswaramkali


ความคิดนี้เลิศ  อ่ะขอช่วยค้นอีกคน  ตอนนี้  ในGoogle  ก็มีเเบบเเปลได้เป็นไทยทุกภาษาเเล้ว  เปิดโลกกว้างได้อีกเยอะ

ช่วยๆกันนะคะ   เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้คะ 
เสียหายไม่ว่า  แต่เสียหน้าไม่ได้

แต่กูเกิล  ก็แปลผิดพลาดเยอะนะคัฟ
แล้วพระแม่พวกนี้ม่มีในปกรณ์ด้วย  ก็ม่ทราบว่าจะหาเจอฤป่าว
ข้าแต่พระวาคีศวรีเจ้า พระมารดาแห่งพระเวทย์ พระมารดาแห่งศฤงคาร พระมารดาแห่งขุนเขา 
ในนามของ พระปารวตี  ลักษมี  สรัสวตี  สาวิตรี  คายตรี พระองค์คือปรมาตมัน 
พระผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งพระพรหม วิษณุ รุทระ
ด้วยพระกรุณาแห่งพระองค์ จักทำให้โลกที่มืดด้วยอวิทยาสว่างขึ้นโดยพุทธิปัญญา

โอม ตัต สัต