การสวดมนตร์บูชาต่อพระแม่คายตรี (คายตรีมนตร์) (GAYATRI-MATRA)
ยา สันธยา มัณฑลคะตา ยา ตรี มูรติ – สวะรูปิณี /
สรัสวตี ยา สาวิ-ตรี ตามะ วันเท เวทะ-มาตะรัม //
ความหมาย
พระแม่แห่งวงล้อมสุริยะคติ พระผู้ทรงเป็นที่รวมแห่งเทพเจ้าทั้ง 3 พระองค์ พระผู้ทรงเป็นทั้งพระแม่ สรัสวตี และพระแม่ สาวิตรี ข้าพเจ้าขอน้อมกราบพระองค์พระแม่ คายตรี (พระมารดาแห่งพระเวททั้งหลาย)
ยา วิศวะ – ญาณนี เทวี ยา ตรีมูรติ- สวรูปิ- ณี /
คายตรี – รูปิณี ยา หิ ตามะ วันเท สัปตะ – มาตฤตามะ //
ความหมาย
พระแม่ผู้ทรงเป็นพระมารดาแห่งโลกทั้งหลาย พระผู้ทรงเสด็จมาในรูปแห่งเทพเจ้าทั้ง 3 พระองค์ และพระผู้ทรงเสด็จมาในรูปแห่งพระแม่ คายตรี – ข้าพเจ้าขอน้อมกราบต่อพระองค์ในรูปแห่งพระมารดาทั้ง 7 พระองค์
ปล.เรื่องนี้ยาวมากครับ โปรดติดตามชม ไปเรื่อยๆนะครับ เนื่องจากจะมีการสอนในเรื่องการสวดมนตร์แบบนับนิ้วด้วยครับ(ยังไม่แน่ใจว่าจัดอยู่ในหมวดใดดีเพราะมีการเล่าเรื่องผสมกับคำมนตร์)
โห
พี่ตี๋
หายไปนานเลยอะ
อย่าลืมมาต่อนะคัฟ ชอบบบบบ คุคุ
ดีค่ะดีค่ะ พี่ลองภูมิ รอชมด้วยอีกคนคะ ส่วนคาถาบุพเพสันนิวาสเนี่ย มีไหมค่ะ
ถ้ามีขอหน่อยนะคะ รู้สึกคุ้นๆเหมือนเคยเห็นที่ไหนอะคะ เเต่จำไม่ได้คะ
Quote from: เสือร้องไห้ on April 05, 2010, 01:52:44
ดีค่ะดีค่ะ พี่ลองภูมิ รอชมด้วยอีกคนคะ ส่วนคาถาบุพเพสันนิวาสเนี่ย มีไหมค่ะ
ถ้ามีขอหน่อยนะคะ รู้สึกคุ้นๆเหมือนเคยเห็นที่ไหนอะคะ เเต่จำไม่ได้คะ
คาถาบุพเพเหรอ (https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.hindumeeting.com%2Fforum%2Frichedit%2Fsmileys%2FYahooIM%2F59.gif&hash=bec57377bcb53ef378371daeded6f4e1570f337e) ไปลดเชฟก่อน เดี๋ยวก็มา (https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.hindumeeting.com%2Fforum%2Frichedit%2Fsmileys%2FYahooIM%2F24.gif&hash=5aaef4640d4e3f2c6b212d38d29a4f0b1b501cc3)
พระ แม่คายตรี (GAYATRI พระมารดาแห่งพระเวท)
สิ่งสูงสุด , ความสำนึกอันบริสุทธิ์ก็คือ ปะระพรมหมณ์ (PARABRAHMAN)
ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับบุคลิกภาพแห่งเทพเจ้า , ความสำนึกอันอยู่เหนือนี้ก็คือ พลังอำนาจแห่งพระคายตรี พระแม่ทรงเป็นต้นเหตุเริ่มแรกแห่งทุกสิ่งทุกอย่าง นั้นก็คือ สิ่งนี้และสิ่งนั้นที่เกิดขึ้น เมื่อพระแม่ทรงแบ่งภาคแห่งตรีคุณส์ (TRIGNAS) หรือ 3 ลักษณะ คือ สัตตะวะ (SATTNA การทรงตัว) ราชส์ (RAJS ตัณหา) และตัมส์ (TAMASการเกียจคร้าน) การนำมาซึ่ง 3 คุณลักษณะให้รวมกันจะได้ พระพรหม พระวิษณุเทพ พระศิวะเทพ , พระพรหมทรงควบคุม ราชส์คุณ, พระวิษณุ-สัตตะวะคุณ ส่วนพระศิวะเทพคือ ตัมส์คุณ , พระแม่คายตรีทรงได้รับการกราบไหว้บูชา โดยเทพเจ้าทั้ง 3 พระองค์นี้ว่าเป็นพระมารดา ดั้งนั้นพระพรหม พระวิษณุ พระศิวะ จึงทรงเปรียบได้เหมือนพระราชโอรสของพระแม่คายตรี พระแม่คายตรีทรงนำทั้ง 3 พระองค์เข้าสู่ แค่ (เปล) หามแห่ท้องฟ้า (อากาศ) ซึ่งผูกมัดไว้โดยเชื่อแห่งพระเวทย์ทั้ง 4 โดยมีคำว่า "โอม" เป็นเพลงกล่อมเด็ก พระแม่ทรงกล่อมให้พระกุมารทั้ง 3 หลับ เมื่อทรงเห็นพระกุมารหลับด้วย คุณส์ทั้ง 3 พระแม่จึงหายองค์จากไป เป็นเวลายาวนาน , เทวะทั้ง 3 พระองค์ (ตรีมูรติ) ได้ทรงตื่นจากการนอนและเริ่มร้องไห้เสียงดัง ด้วยความแปลกพระทัยที่ทรงเห็นแต่ความว่างเปล่า และด้วยพลังคุณส์ทั้ง 3 ต่อมาทั้ง 3 พระองค์ได้เที่ยวค้นหาพระมารดาของพระองค์ ทั้ง 3 พระองค์จึงทรงนั่งกรรมฐานอยู่เป็นเวลายาวนาน
ด้วยพลังแห่งกรรมฐานนี้ได้เผาไหม้จักรวาล พระแม่คายตรีจึงทรงปรากฏกายต่อหน้าพระกุมารทั้ง 3 ถึงแม้ว่าพระนางจะขจรกระจายอยู่ทั่วทุกหนแห่งเต็มไปด้วยคุณลักษณะแห่งเทวะ พระนางทรงได้แปลงร่างเป็นหญิงสาวสวยงามมาก สวยที่สุดในจักรวาล ทรงสวมใส่ด้วยเสื้อผ้า (สาหรี) สีแดง พวงมาลัยห้อยไปมารอบพระศอและพระพักตร์ของพระนางเหมือนดั่งพระจันทร์เต็มดวง พระนางทรงมี 3 พระเนตร และที่พระนลาฤทรงเจิมด้วยผงชาตสีแดง พระนางทรงมี 8 กร ทรงถือดอกบัว หอยสังข์ ตะบองและอาวุธอันทรงพลังทั้งหลาย พระนางทรงสวมกำไลข้อมือจำนวนมากและมีแหวนเต็มนิ้วมือ ประดับด้วยเพชรพลอยอันมีค่า
พระนางทรงเสด็จเข้าใกล้พระโอรสของพระนางและทรงมีเหงื่อไหลออกมาจากพระพักตร์ดั่งเม็ดไข้มุก ต่อมาพระนางทรงอุ้มพระกุมารทั้งสามและทรงตรัสเรียกพระนามว่า พระพรหม พระวิษณุ พระศิวะ
พระตรีมูรติได้วิ่งเข้าหาพระมารดาของพระองค์ พระแม่ทรงจุมพิตและกอดรัดพระกุมารทั้งสามบ่อยๆครั้ง และทรงมีรับสั่งว่า
"โอ่ ลูกรัก แม่ได้สร้างลูกขึ้นมาด้วยการกระทำที่ยิ่งใหญ่ที่แตกต่างกันไป แม่เคยอยู่กับพวกเจ้าเป็นเวลายาวนานในครั้งก่อน ดังนั้นแม่ต้องการให้พวกเจ้าได้มีพลังอำนาจแห่งการสร้าง การคุ้มครอง และการทำลายล้าง ได้ด้วยการให้พวกเจ้าถือพรต จนกระทั้งดวงวิญญาณ ซึ่งจะมีส่วนร่วมในการดำเนินกิจแห่งจักรวาลนี้ด้วยเจ้าทั้ง 3 องค์ แม่จะอยู่กับพวกลูกเสมอจนกว่าจะถึงเวลาอันสมควร ในไม่ช้านานนัก พวกลูกๆ จะได้ตระหนักในตัวแม่ด้วยตนเอง โดยพรของแม่ ดังนั้นขอให้บูชาในรูปแห่งพระแม่คายตรี แม่จะยินดีต่อการกราบไหว้บูชานี้ และนำมาซึ่งความสำเร็จความอุดมสมบูรณ์ ขอให้สวดมนตร์บูชาแม่ในช่วงเวลาที่เกิดความสับสนหรือต้องการความช่วยเหลือ"
เมื่อทรงตรัสดังนี้แล้วพระแม่ได้ให้พรต่างๆแล้วทรงหายร่างจากไป
(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.upchill.com%2Fdirect%2F8af23f79c5bb32cf0b2003c5df9291bc.jpg&hash=d94d3171cf71f675f12aee3fe61bee2a5cbe9b87) (http://www.upchill.com/image.php?id=8af23f79c5bb32cf0b2003c5df9291bc)
การกราบไหว้บูชาต่อพระแม่ คายตรี เพื่อความสมประสงค์
บุคคลทั้งหลายผู้ปรารถนาการบูชาต่อพระแม่ คายตรี เพื่อความสำเร็จสมประสงค์ จำเป็นต้องสวดสรรเสริญบูชาเพื่อความสำเร็จก่อน และหลังจากการทำสมาธิบูชา เขาทั้งหลายจะต้องบูชาเพื่อความสมาปรารถนาที่ตั้งใจไว้ เพื่อความกระจ่างแห่งปัญญา ต่อมา จะต้องไม่มีข้อแคลงใจแต่อย่างใดต่อการบูชานี้ ซึ่งจะทำให้สำเร็จสมประสงค์แห่งคำสัตย์อธิฐาน เป็นสิ่งแรกและต่อมาจะนำมาซึ่งความสำเร็จ
ผู้ชาย ผู้หญิงและเด็กๆที่ขาดซึ่งพลังแห่งความจำ สามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ พวกเขาจะต้องหลั่งน้ำบูชาต่อพระอาทิตย์ในตอนรุ่งเช้าโดยหันหน้าไปทางทิศตะวันออก และท่องสวดมนตร์คายตรีมนตร์ 10 ครั้ง ภายใน 4 อาทิตย์จะต้องปฏิบัติติดต่อกันแล้ว จะทำให้กลายเป็นคนปกติเหมือนเดิมได้ และยังเพิ่มพูนความฉลาดและขยันให้มากขึ้น
เขาทั้งหลายผู้ที่ต้องการจะได้ซึ่งกิจการงามที่ดีขึ้นไปอีกและผู้ปรารถนาจะได้รายได้ดี , ผู้ปรารถนาทรัพย์สมบัติและการงานที่ดีจะต้องกราบไหว้บูชาต่อพระแม่ลักษมีในรูปแห่งพระแม่ คายตรี (ซึ่งรวมร่างแห่งพระแม่ สรัสวตี ลักษมี กาลี เป็นพระองค์เดียว)
(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.upchill.com%2Fdirect%2F824bb0dd9b92f22ed35ad32655a08453.jpg&hash=b3c28211fe59d02965c20b9999d104b0c7c92401) (http://www.upchill.com/image.php?id=824bb0dd9b92f22ed35ad32655a08453)
ข้อปฏิบัติ
1. การปฏิบัติในการทำสนธนา (SADHANA) จะต้องประกอบขึ้นในวันศุกร์เสมอ เป็นประจำก่อนที่จะชำระร่างกาย ให้ใช้น้ำมันทาผิวผสมขมิ้นผง ชโลมให้ทั่วร่างกายแล้วจึงอาบน้ำชำระร่างกายต่อไป
2. ให้นำผ้าไหมสีเหลืองมาปูบนที่นั่ง ที่ซึ่งจะต้องนั่งสมาธิ โดยให้โปรยผงขมิ้นสีเหลืองลงบนด้ายสายสิญจ์ ให้สวมใส่ผ้าสีเหลืองและใช้ดอกไม้สีเหลืองต่อการกราบไหว้บูชาภาพหรือเทวรูปของพระแม่คายตรี และจัดอาหารถวาย ( ประสาท PRASADA ) ภายหลังจบพิธีแล้ว
3. ในการทำสมาธิจะต้องทำสมาธิถึงพระแม่ คายตรี หรือพระแม่ลักษมี ที่แลเห็นได้ว่าพระแม่ทรงสวมใส่สาหรี สีเหลืองและประทับนั่งบนหลังช้าง
4. ท่องสวดมนตร์ของพระแม่ คายตรีด้วยคำลงท้ายว่า "ศรีม" (SRIM) ดังมนตร์ต่อไปนี้
โอมฺ ภูร ภวัช สวัช , โอมฺ ตัต สวิตุร วเรนะยัม ภรโค เทวัศยะ ธีมหิ , ธิโย โย นัชประโจทะยาต, ศรีม
คำแปล
"ข้าแต่พระแม่แห่งสวรรค์ พระแม่ คายตรี-แม่ลักษมี , ขอให้พระแม่ทรงโปรดต่อการการไหว้บูชาครั้งนี้ของข้าพเจ้าด้วยเถิด ขอให้ทรงประทานพระเมตตาด้วยสุขภาพ , ทรัพย์สมบัติ ความร่ำเริงและความสุขสันติต่อข้าพเจ้าด้วย ขอให้ความปรารถนาของข้าพเจ้าทั้งหมดสมประสงค์ด้วยเถิด ขอน้อมคารวะต่อพระแม่"
ขอให้ประกอบสนธนา นี้เป็นประจำทุกวันศุกร์ เป็นเวลาติดต่อกัน 3 เดือน สิ่งขัดขวางหรืออุปสรรคทั้งหมดจะถูกขจัดไปสิ้น และความปรารถนาจะสำเร็จสมบูรณ์โดยพระเมตตาแห่งพระแม่
การประกอบสมาธิกรรมฐานบูชาต่อพระแม่คายตรี (GAYATRI DEVI)
การประกอบพิธีกรรมทำสมาธิบูชาต่อพระแม่ คายตรี นับได้ว่าเป็นสิ่งสูงสุดที่ได้กล่าวไว้ในพระคัมภีร์พระเวททั้งหลาย กด้วยการประกอบสมาธินี้ขึ้นอย่างน้อย 4 ครั้งต่อวัน (ในตอนเช้า กลางวัน เย็น และตอนค่ำ บุคคลผู้ประกอบสมาธินี้จะได้รับซึ่งความสำเร็จความสมบูรณ์ทางร่างกายจิตใจและวิญญาณ
การท่องสวดมนตร์บูชาต่อพระแม่คายตรี เพื่อจะได้รับซึ่งการมีสตินึกคิดทั่วไป เพื่อให้เกิดพลังอำนาจที่ไม่มีวันจบสิ้น ความหมายที่แท้จริงของ คายตรี-มนตร์มีว่า
"ข้าแต่พระแม่ผู้มีความมั่นคงถาวรอันบริสุทธิ์ , พระผู้มีความกรุณา เมตตาที่แท้จริง , พระผู้สร้างมิติทั้ง 3 พวกเราขอน้อมกราบต่อพระแม่พระผู้ทรงประทานแสงสว่าง ความรุ่งเรืองและความฉลากแก่พวกเรา "การประกอบสมาธิบวงสรวงบูชาต่อพระแม่ คายตรี สามารถทำลายล้างความลุ่มหลงใหลทั้งหมดให้บังเกิดพลังปราณ (PRANA) ให้การมีชีวิตที่ยืนยาว ความรุ่งเรืองและโชคลาภ มนตร์นี้เป็นกุญแจที่จะไขเปิดประตูแห่งความรู้สึกสำนึกแห่งจักรวาลได้
วิธีปฏิบัติกิจประกอบพิธีบูชาต่อพระแม่ คายตรี
1. เวลาที่ดีที่สุดในการประกอบพิธีทำสมาธิคือ ตอนเช้าตรู่ ก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น และในช่วงตอนเย็นก่อนที่พระอาทิตย์จะตก
2. สถานที่ ที่จะประกอบสมาธิ จะต้องเป็นห้องหรือบริเวณใดก็ได้ที่จัดเอาไว้สะอาด อากาศแจ่มใส
3. อาสนะ ที่นั่งจะต้องถาวรและประจำ จะต้องปูด้วยหนังสัตว์ เสื่อหรือผ้าสะอาด
4. จะต้องนั่งในอาสนะที่ทำเป็นรูปดอกบัว ( ปัทมาสนะ PADMASANA) หรืออาสนะที่สมบูรณ์อย่างใดก็ได้
5. จะต้องนั่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออกหรือทิศเหนือ
6. การนั่งจะต้องนั่งนิ่งสงบไม่ขยับไปที่อื่นใด ในขณะท่องสวดมนตร์ รักษาคอ ศีรษะ และลำตัวให้ตั้งตรง
7. อยู่ในความสงบ ไม่หวั่นกลัวสิ่งใด
8. จุดการบูร ประทีป หรือตะเกียงในห้อง เพื่อให้เกิดมีแสงสว่างในชั่วขณะหนึ่งและเพ่งดูเปลวไฟด้วยดวงตาแห่งจิต โดยสวดคายตรี-มนตร์
9. ในการสวดท่องมนตร์นี้ การทำสมาธิรำลึกถึงความหมายแห่งมนตร์และสร้างมโนภาพในดวงจิต ในรูปแห่งพระแม่ คายตรี ( 5 พักตร์)
10. ด้วยการสร้างมโนภาพแห่งพระแม่ ประกอบด้วยพยางค์ 24 พยางค์ แบ่งเป็นหัวข้อ ๆ ละ 8 พยางค์
11. มนตร์นี้เป็นมนตร์ศักดิ์สิทธิ์แห่งพระเวท ทำสมาธิพร้อมกันในระหว่างทำสันธโยปาสนา(SANDHYOPASANA)
12. มนตร์คายตรี ในพระฤคเวท สวดเพื่อได้รับซึ่งแสงสว่างเพื่อความรุ่งเรือง
13. มนตร์นี้ระบุถึงเทพเจ้าดั่งแสงสว่าง และต่อพระอาทิตย์ผู้เป็นเครื่องหมายแห่งแสงสว่างทั้งหมด
14. คายตรี มนตร์เป็นส่วนหนึ่งแห่งเทพโดยตรง ที่ทรงมอบให้พวกฤษี นักพรตเอาไว้
15. พระแม่คายตรี ทรงเป็นพระมารดาแห่งพระเวททั้งหมด (ต้นกำเนิดแห่งความฉลาดที่ยิ่งใหญ่แห่งจักรวาล)
16. มนตร์นี้เป็นกุญแจที่จะไขเปิดประตูแห่งความสุขความสำเร็จแห่งจักรวาล
17. ฤษี วิศวามิตร (VISHVAMITRA) เป็นผู้ค้นพบ คายตรี มนตร์
18. คายตรีมนตร์ ปรากฏครั้งแรกในพระคัมภีร์ ฤคเวท และต่อมาอยู่ในพระคัมภีร์อชุรเวท และสามเวท และในพระอุปนิษัท ทั้งหลาย
19. มนตร์นี้ได้ให้กำเนิดจักรวาล เพราะว่า มนตร์นี้จะต้องประกอบขึ้น พร้อมกับการทำสมาธิต่อแสงไฟ เปรียบเหมือนดั่งพระอาทิตย์ ซึ่งนับได้ว่าเป็นหัวใจที่สำคัญต่อมนุษย์ชาติทั้งหมด
20. พระแม่คายตรีก็คือพลังอำนาจแห่งเทพเจ้าทั้ง 3 พระองค์ มนตร์บูชานี้นำมาซึ่ง ความรู้ ความฉลาด ทรัพย์สมบัติ ความบริสุทธิ์ และการเป็นอิสระหลุดพ้นจากบาป
21. สันธโยปาสนา หรือคายตรี- อุปาสนา (UPASANA) หมายถึงการทำสมาธิบูชาซึ่งจะสร้างการเชื่อมโยงด้วยรัศมีที่สูงสุด ที่รวบรวมไว้ใน คายตรี – มนตร์
ขอบพระคุณค่ะ