อยากได้รูปเทวสถานของพระสุรัสวดีครับ ไครมีก็เอามาให้ดูด้วยนะรับ
เทวาลัยของพระสรัสวดีแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตครับ ทางศูนย์ประชุม ฯ สร้างถวาย เพราะทรงเป็นเทพผู้อุปถัมภ์โดยตรงกับกิจการดังกล่าว หากมีโอกาสก็แวะไปสักการะพระองค์ก็ได้นะครับ เพียงแต่อาจต้องเตรียมของบูชาไปเอง เพราะผมไม่แน่ใจว่ามีคนขายของสำหรับบูชาแถวนั้นหรือเปล่า ( แต่ผม คิดว่าไม่น่าจะมี ) .....
ไม่ทราบว่าเทวสถานของพระแม่อยู่ตรงไหนของศูนย์ประชุมหรอครับ
ไปมาหลายครั้งไม่เคยทราบเลยครับ
ตาถั่วจิง ๆ เลยเรา
อธิบายไม่ถูกอ่ะครับ - - ' ....เอาเป็นว่า คุณเจ้าของกระทู้ ลองถามเจ้าหน้าที่ หรือคุณ รปภ. ของศูนย์ประชุมดูก็ได้ครับ
(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.upchill.com%2Fdirect%2F1aa5e0af1afee7965bf017821ce5e902.jpg&hash=3376509cd8edf3f68455d25fd18d4c3af09ff0da) (http://www.upchill.com/image.php?id=1aa5e0af1afee7965bf017821ce5e902)
รูป : บริเวณเทวาลัยพระสรัสวดี ในศูนย์ประชุมฯ
เสริมจากคุณ naga นิดนึงครับ สำหรับเทวาลัยแห่งนี้ครับ
เมื่อตอนที่การก่อสร้างศุนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ใกล้จะแล้วเสร็จ
กระทรวงการคลังประสงค์จะสร้างเทพารักษ์ประจำสถานที่
เพื่อเป็นขวัญและมงคลแก่โครงการตามความนิยมแบบพราหมณ์ จักได้ครบถ้วนสมบูรณ์สมกับเป็นสถาปัตยกรรมสถานแห่งรัชกาลที่ 9 จึงมอบหมายให้ผู้รับผิดชอบไปเรียนปรึกษาท่านพระครูวามเทพมุนี แห่งเทวสถานโบสถ์พราหมณ์
ท่านพระครูได้กรุณามาสำรวจสถานที่ และเห็นชอบว่าทำเลที่ตั้งริมบึงด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นที่เหมาะสม
แต่การสร้างเพียงศาลเทพารักษ์นั้น เห็นจะต่ำศักดิ์เกินสมควร
ด้วยศูนย์การประชุมฯ เป็นสถานที่สูงศักดิ์ ได้รับพระราชทานพระนาม และสมเด็จพระเทพพระรัตนฯยังเป็นองค์ประธานทรงประจุหินพระฤกษ์
ท่านแนะนำให้สร้างอาคารที่สูงค่ายิ่งขึ้น และได้พิจารณาอย่างแยบคายด้วยว่า อาศัยกิจกรรมอันจักบังเกิดในสถานที่แห่งนี้ภายใต้พระนามอันเป็นมหามงคล
เทพผู้คุ้มครองสมควรเป็นเทวี ทรงพระนามสรัสวดี (สราสวาตี) พระชายาแห่งพรหมเทพ และเป็น วาจเทวี (vajadevi) เทวีแห่งวาจาและการสื่อสารทั้งมวล รวมทั้งเป็นมารดาแห่งสติปัญญาแก่มวลมนุษย์
กระทรวงการคลังมีมติอนุมัติตามคำแนะนำของท่านพระครู และกราบเรียนเชิญท่านเป็นที่ปรึกษา พร้อมทั้งมอบหมายให้บริษัทที่ปรึกษาดำเนินการออกแบบ จัดหาศิลปินผู้สร้าง และผู้รับเหมา
ท่านพระครูได้กรุณาวางฤกษ์สำคัญให้กับการจัดสร้าง 4 ฤกษ์ คือฤกษ์ที่หนึ่งเมื่อวางศิลาหลัก ฤกษ์ที่สองเมื่อเททอง ฤกษ์ที่สามเมื่อเชิญรูปเข้าสู่แท่นประดิษฐาน และฤกษ์สุดท้ายเมื่อเปิดเทวาลัย
ในการออกแบบนั้น บริษัทที่ปรึกษาได้เริ่มใช้โปรแกรมช่วยในการออกแบบแล้ว และน่าจะเป็นครั้งแรกที่มีการใช้โปรแกรมนี้ในการออกแบบโครงการสถาปัตยกรรมแบบประเพณีไทย
โดยผู้ออกแบบไม่ยอมลดทอนรายละเอียดทางคตินิยมลงเพื่อแลกกับการทำงานที่ง่ายขึ้น แต่เลือกเอาการทำงานเต็มตลอดเกือบวันละยี่สิบสี่ชั่วโมง เพี่อให้งานแล้วเสร็จตามสัญญา
แผนผังของอาคาร ปรุงขึ้นจากผังอาคารแบบทวารวดีที่พบที่พงตึกและราชบุรี บัวประดับอาคารเลือกใช้เป็นบัวลูกฟัก มีเสาคั่นท้องไม้ และใช้แผนผังย่อมุมแบบย่อมุมจตุรัสใหญ่ เพื่อพยายามใช้เลขสี่ให้กลายเป็นมาตราหลักของกระสวนแบบ
ทางขึ้นวางอัฒจรรย์ปีกกา หรือที่เรียกกัน หินวงพระจันทร์ (moon stone) สองระดับคือที่พื้นโลก และที่พื้นเทวาลัย
สิ่งพิเศษในการสร้างคือ ตามคำแนะนำของท่านพระครู ควรใช้วัสดุศักดิ์สูงในการก่อสร้าง ไม้ถูกละทิ้งในทันที เพราะศักดิ์ต่ำ ผู้ออกแบบเลือกใช้หินอ่อนดำตรงส่วนฐานอาคาร เครื่องประกอบทั้งหมด งดเว้นการปั้นปูนซึ่งถือว่าเป็นวัสดุสามัญ
การจำหลักหินเป็นทางเลือกหนึ่งที่ถูกพิจารณา แม้ว่าในเชิงเทคนิคจะสามารถควบคุมเวลาได้ เพราะสามารถแยกชิ้นงานออกสู่หลายช่างฝีมือ แต่การควบคุมฝีมือช่างเป็นสิ่งที่ยากลำบาก
ในที่สุดก็ตกลงใช้เทคนิคที่ยุ่งยากมากที่สุด คือการหล่อโลหะขึ้นทั้งองค์ นับว่าเป็นเทวาลัยกลางแจ้งองค์แรกที่เลือกสร้างด้วยวิธีเช่นนี้ ตอนบรรจบขององค์เทวาลัยกับฐานหินอ่อนนั้น จงใจใช้ลายบัวรวน เพื่อให้เกิดความรู้สึกที่ขาดออกจากกัน เสมือนองค์สถาปัตยกรรมลอยอยู่เหนือฐาน
ที่มา : http://www.reurnthai.com/index.php?topic=1834.0 (http://www.reurnthai.com/index.php?topic=1834.0)
ขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ครับ
ขอบพระคุณ web master กาลิทัส สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ
แต่ถ้าเพื่อน ๆ พี่ ๆ ชาว HM ท่านไหนจะกรุณา
บอกทีได้ไหมคะว่าต้องเข้าจากทางไหนอ่าาาา...
แล้วองค์พระเทวรูปหละคัฟ
มีความเป็นมาวิธีสร้างองค์พระยังงัยอะคัฟ
สมัยก่อนมีกรมสุรัสวดี ทำงานเกี่ยวกับหนังสือ เรียกกำลังพล แต่ส่วนใหญ่ทำเกี่ยวกับทหารครับ
แล้วกรมสุรัสวดี เพี้ยนมาเป็น สัสดี และสัสดี ขึ้นตรงกับทหารบก เหล่าทหารสารบรรณ ทหารสารบรรณ มีโลโก้เป็นรูปหนังสือ ขนนก และกระบี่ไขว้กันครับ
ขอบคุณคุณกาลิทัสสำหรับเนื้อหาและข้อมูลดีๆที่มีมาให้พวกเราโดยตลอดครับ
ไปสืบค้นข้อมูลน่ารู้อีกนิดหน่อยเกี่ยวกับเทวาลัยพระสรัสวดี ศูนย์ประชุมฯ มาให้อ่านกันครับ.....
.......เทวาลัยพระสรัสวดี สร้างพร้อมศูนย์ประชุมแห่งชาติ ฯ เมื่อปี พ.ศ. 2534 เทวาลัยตั้งอยู่ริมทางเข้าด้านหน้า มีสระน้ำเป็นฉากหลัง ถัดไปเป็นอุทยานเบญจกิตติ
สำหรับเทวลักษณะของเทวรูปพระสรัสวดี ศูนย์ประชุมฯ นั้น อยู่ในท่าประทับยืนเอียงสะโพกเล็กน้อย มี 4 พระกร ทรงพิณแบบเทวดาไทย คัมภีร์ และสร้อยลูกปัด ฉลองพระองค์แบบอย่างมาจากศิลปะอินเดียใต้ หรือทมิฬ แต่ปรับให้มีความชดช้อยอย่างไทย จึงดูอ่อนเบานุ่มนวล ไม่แสดงพลังชัดเจนอย่างศิลปะทมิฬ
แม้จะลดความแข็งกร้าวของศิลปะทมิฬลงแล้ว แต่พระพักตร์ และท่าทางกลับคล้ายเทวรูปในศิลปะจีนมาก ถ้าไม่พิจารณา ฉลองพระองค์ว่ามีต้นแบบมาจากศิลปะทมิฬ หรือสัดส่วนของเทวรูปทีมีความชดช้อยแบบไทยแล้ว ก็อาจเข้าใจว่า เอาแบบอย่างมาจากพระโพธิ์สัตวกวนอิม หรือเทวรูปเทพของมหายานองค์ใดองค์หนึ่งมาก็เป็นได้.....
(ที่มา: กิตติ วัฒนะมหาตม์.เทวาลัย.สำนักพิมพ์สร้างสรรค์บุ๊ค.2550)
ขอบคุณคุณNaga สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมครับ
เเถวบ้านเลยคราบสงสัยต้องหาเวลาไปถ่ายภาพ
เอามาให้เพื่อนๆ ได้ชมซะละคราบ
ผมก้อผึ่งรู้ว่ามี ขนาดไปวิ่งที่บ่อย ๆยังไม่รู้เลยอะ อิอิออิ จุดใต้ตำต่อจิง ๆ อะ
คุณตรีศังกุเล่าถึงกรมพระสรัสวดีน่าสนใจมากค่ะ เพิ่งนึกได้ว่าที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร มีเทวรูปที่ได้รับมาจากกรมพระสรัสวดีเดิม เป็นรูปเทพผู้ชายประทับนั่งขนาดสมาธิบนฐานสูง ในพระหัตถ์ถือสมุดบัญชีค่ะ แปลกดีนะคะ ชื่อ กรมพระสรัสวดีแต่มีเทวรูปเป็นผู้ชาย วันหลังว่างๆจะไปถ่ายรูปมาให้ชมกันนะคะ
ป.ล.ว่าไปตามที่ได้เห็นและได้ยินได้ฟังมา อย่าดุดิฉันกันเลยนะคะ ได้โปรด
และ ป.ล.(อีกครั้ง) ได้รับเทวรูปศิลปะทมิฬมาองค์หนึ่งค่ะ เป็นผู้หญิงสองกรพระกรขวาทรงถือห่วงกลมๆ พระกรซ้ายถือของยาวๆแบนๆ ท่านยกพระบาทขวาขึ้นหงาย ฝ่าพระบาทเป็นลายดอกไม้ ส่วนขาซ้ายย่อเล็กน้อย ที่ใกล้พระบาทซ้ายมีศัตว์ปีกชนิดหนึ่ง ปากยาว ตอนได้มาทั้งคนให้คนรับงงว่าเป็นใคร
จะเป็ฯไปได้ไหมคะว่าท่านคือพระสรัสวดี ห่วงกลมๆคืออัษมาลา และของยาวๆแบนๆคือพระเวท ส่วนสัตว์นั้นคือหงส์ เคยมีนักวิชาการบอกว่าเป็ฯพระสรัสวดีขณะร่ายรำ อย่างงี้ผิดธรรมเนียมไหมคะ ทุกวันนี้บูชาท่านในฐานะพระสรัสวดีค่ะ