เดิมทีนั้น พระชายาขององค์พระผู้เป็นใหญ่มี 4 พระองค์ อันได้แก่ พระแม่ลักษมี พระแม่สรัสวตี พระแม่คงคา พระแม่ธรณี แต่ด้วย พระแม่ธรณีทรงเห็นว่า พระผู้เป็นเจ้าทรงมีพระชายา อยู่หลายพระองค์แล้ว พระองค์ทรงตัดใจที่จะทรงแยกพระองค์ออกมาจากพระเป็นเจ้า ไปบำเพ็ญเพียรอยู่เพียงลำพัง และคอยช่วยเหลือมนุษย์อยู่ต่อไป แต่ในใจยังคอยรักและเคารพ พระผู้เป็นเจ้าเป็นเจ้าแห่งสูงสุดในพระทัยในพระองค์เอง
ขอย้อยกลับมาต่อในเรื่องราวของ พระแม่ทั้ง 3 พระองค์ เอ้ามาฟังกัน (https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.buildboard.com%2Fimages%2Fsmiles%2Ficon_biggrin.gif&hash=e723b3b3bb665f681455176f682395a72ed374ff)
(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.dharmakshetra.com%2Fliterature%2Fpuranas%2Fnarada.JPG&hash=1d5b08b286dcb9c1957bc8d8496b8310709c4db3)
ฤษี นารัท พระโอรสแห่งพระพรหม ศิษย์เอกแห่งพระวิษณุเทพ ทรงได้สอบถามพระอาจาราย์ พระนารายัณ ถึงเรื่องราวความเป็นมาแห่งพระแม่คงคา , พระแม่สรัสวตีและพระแม่ลักษมี ว่าเหตุใดทำไมท่านถึงได้ทะเลาะกันจนทำให้พระนางต้องอยู่แยกออกจากกัน
พระนารายันทรงตรัสว่า
(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.sivananda.dls.org.za%2Fpictures%2FGanga.jpg&hash=53ac237f2fc7f5293c36289a551f76ff1efa1b96)
พระแม่ลักษมี พระแม่สรัสวตี และพระแม่คงคา ทั้งสามนางนี้เป็นพระชายาแห่งพระฮริ(พระวิษณุเทพ) และทรงให้ความรักต่อนางทั้งสาม นี้เท่าเทียมกัน นางทั้งสามอยู่ใกล้ชิดพระวิษณุตลอดเวลาไม่ยอมอยู่ห่าง วันหนึ่ง พระนางคงคา ได้แสดงกิริยาแห่งความรักออกมา โดยได้โปรยสายตามองพระสวามีอยู่บ่อยครั้ง และทรงยิ้มให้พระองค์อยู่ตลอดเวลา พระนารายณ์เมื่อเห็นเช่นนั้น ทรงเกิความรู้สึกแปลกๆ และทรงจ้องพระนางคงคาพระชายาและทรงหัวเราะด้วยความยินดี พระนางลักษมี ทรงเห็นพระอาการเช่นนี้แต่พระนางมิได้แสดงพระกิริยาใดๆออกมา
(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fi153.photobucket.com%2Falbums%2Fs218%2Fsoulspiirit%2FJaya%2520Ganesha%2Fsaraswati.jpg&hash=60bce8f5870c149e96680373fca89d74c9ee3dd2)
แต่ว่า พระนางสรัสวตี เมื่อเห็นดั่งนี้ ทรงโกรธมาก พระนางลักษมีทรงปลอบโยนพระนางสรัสวตีให้อยู่ในความสงบ แต่ไม่เป็นผล พระพักตร์ของพระนางสรัสวตี แดงกล่ำด้วยความโกรธ ทรงมีพระอาการสั่นริมฝีปากสั่นระริก พระนางจึงทรงทูลต่อพระวิษณุว่า -
"ข้าแต่เทวะ อันสามีที่ดี มีศีลธรรมและคุณธรรม จะให้ความรักต่อภริยาทั้งหลายโดยเท่าเทียมกัน แต่นี้พระองค์ไม่เป็นเช่นนั้น พระองค์ทรงให้ความรักเอ็นดูต่อพระนางคงคาเป็นพิเศษ เช่นเดียวกันทรงให้ความรักต่อพระแม่ลักษมีมาก ส่วนตัวของข้าพเจ้านั้นไม่ได้รับความเมตตาจากพระองค์เลย ช่างเป็นเคราะห์กรรมของข้าพเจ้ายิ่งนัก ที่สามีไม่สนพระทัยให้ความรัก "
(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fz.about.com%2Fd%2Fhinduism%2F1%2F0%2FZ%2F9%2Fvishnu.jpg&hash=84602e34ab92964c5dd990c14448fab2dc86b87f)
พระวิษณุเทพ ทรงรับฟังคำของภริยาเช่นนั้น ทรงรู้ว่านางเต็มไปด้วยความโกรธ ไม่สามารถที่จะกล่าวสิ่งใดให้นางคายความโกรธลงได้ ดังนั้นพระองค์จึงได้เสด็จออกจากที่แห่งนั้นไปยังที่อีกแห่ง โดยมิได้กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น
เมื่อพระนารายณ์ทรงเสด็จจากไปแล้ว พระแม่สรัสวตี จึงไม่เกรงกลัวสิ่งใดอีก พระนางจึงกล่าวต่อว่าพระนางคงคา ด้วยความโกรธ
" โอ่ นางผู้ไร้ยางอาย ผู้เต็มไปด้วยราคะ นางหวังสิ่งใดเล่าจึงได้แสดงความรู้สึกมากมายเช่นนั้น?
ข้าจะทำลายความอวดดีของนางในวันนี้ให้ได้ "
เมื่อกล่าวจบ พระนางสรัสวตี ทรงคว้าผมของพระนางคงคาอย่างแรง พระนางลักษมี ทรงเข้าขัดขวาง ยิ่งเติมไฟแห่งความแค้นต่อพระนางสรัสวตีให้มากขึ้น ดังนั้นพระนางสรัสวตีจึงได้กล่าวคำสาปแช่งขึ้นว่า
(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Ffarm4.static.flickr.com%2F3188%2F2961976612_c13a6510c8.jpg%3Fv%3D0&hash=812bf94dacf7f05a072d5a401c17bf2d40e569e1)
"ขอให้นางจงกลายเป็นต้นไม้และเป็นแม่น้ำ ขอให้นางลักษมีผู้ครองตนเป็นกลางอยู่ในความสงบ ขอให้เป็นต้นไม้ที่ไม่พูดจาสิ่งใดเลย "
พระแม่ลักษมี ไม่ทรงโกรธต่อคำสาปแช่งนี้ เพียงแต่ทรงเศร้าสลดพระทัยและทรงห้ามปรามให้พระนางสรัสวตีสงบคำพูดลง
เช่นกัน พระนางคงคา ทรงเกิดความโทสะอย่างแรงเช่นเดียวกัน จนริมฝีปากสั่นระริก เนื้อตัวสั่น ดวงตาแดงกล่ำ แล้วทรงตอบพระแม่ลักษมีว่า
"ขอให้ปล่อยนางผู้มีปากอันร้ายนี้เสีย นางต้องการวิวาทกับข้าพเจ้า เพื่ออยากลองความแข็งแกร่งของเรา ขอให้ปล่อยนางออกมา โอ่ ปัทมา ด้วยนางชั่วร้ายนี้ได้สาปแช่งท่านให้กลายเป็นต้นไม้และแม่น้ำ ดังนั้น ข้าขอสาปแช่งนางบ้าง ขอให้นางได้รับผลบาปให้ลงไปสู่ยังโลกมนุษย์ เป็นแม่น้ำสายหนึ่ง มีไว้เพื่อชำระล้างบาปของคนชั่วร้ายทั้งหลาย"
พระนางสรัสวตี เมื่อทรงรับฟังเช่นนั้น ทรงหันกลับมาทางพระแม่คงคา และกล่าวคำสาปแช่งว่า "นางด้วยเช่นกันขอให้ลงไปสู่โลกมนุษย์ เป็นแม่น้ำแห่งภารตะเพื่อไว้ให้คนชั่วได้ล้างบาปเช่นเดียวกัน"
ในระหว่างที่มีการสาปแช่งที่กำลังดำเนินต่อไปนั้น พระวิษณุเทพทรงรีบกลับมาในสถานที่พระนางทั้งสาม ทะเลาะกัน พระองค์ทรงใช้กรทั้ง 4 จับพระแม่สรัสวตีมานั่งบนพระฏักของพระองค์ ทรงถามถึงความเศร้าทั้งหลาย เมื่อทรงทราบถึงสาเหตุในการทะเลาะและคำสาปที่ได้กล่าวออกมานั้น พระองค์ทรงเศร้าพระทัยเป็นอันมาก ทรงตรัสว่า-
" โอ้ นางลักษมี ขอให้นางจงไปเกิดในโลกที่ไม่ได้กำเนิดจากครรภ์ของผู้ใดเป็นพระธิดากษัตริย์ ธรรมธวัช นางต้องอยู่ในรูปแห่งต้นไม้ ณ ที่นั้น เมื่อพระศังขจูฑ กษัตริย์อสูร อันเกิดจากพระมหาเทวะได้แต่งงานกับนางแล้ว นางจึงได้กลับคืนสู่ยัง ไวกุณฑะ เป็นชายาของข้าตามเดิม นางจะได้รับสมญานามส่า นางตูลสี(ต้นกระเพราแดง)เกิดในดินแดนภารตะ และอีกอย่างขอให้นางแบ่งภาคไปเป็นแม่น้ำในโลกมีนามว่า ปัทมาวดี ต่อไป
โอ้ นางคงคา ขอให้นางจงลงไปสู่ยังดินแดน ภารตะ เป็นแม่น้ำเพื่อทำให้เกิดความบริสุทธิ์ทำลายล้างบาปทั้งหลายในโลกนี้ให้หมดสิ้นไป กษัตริย์ ภคีรถ จะเป็นผู้นำนางไปสู่ยังดินแดงแห่งนี้ ภายหลังที่ได้ประกอบพิธีบวงสรวงบูชานางอย่างยิ่งใหญ่ที่สุด และเมื่อพระสมุทร ที่ถือกำเนิดจากส่วนหนึ่งของข้าเป็นกษัตริย์ ศานตุ จะเป็นสามีของนางต่อไป นางจะนามในโลกที่ยิ่งใหญ่ในโลกว่า พระแม่ภาคีรถี และเป็นแม่น้ำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
โอ้ นาง สรัสวตี ขอให้นางจงลงไปยังดินแดน ภารตะ ตามคำสาปแช่งของนางคงคา และลงไปสู่ยังพรหมโลกในภาคสมบูรณ์ เพื่อเป็นพระชายาแห่งพระพรหมต่อไป
ขอให้ นางคงคา จงไปรับใช่ต่อพระศิวะเทพ ขอให้นางลักษมีผู้มีคุณสมบัติเยือกเย็นสงบ ไร้ความโกรธ จงอยู่กับข้าเป็นผู้รับใช้ข้าตลอดไป
ตามกฏแล้วมันเป็ข้อห้าม ข้อขัดแย้งแห่งพระเวทว่า การมีภริยา 3 คน ลูกจ้าง 3 คน ที่มีท่าทางแตกต่างกัน ในเวลาเดียวกันแล้ว จะเกิดความไม่สงบไร้ความสุขได้ จะมีแต่เรื่องทะเลาะกันไม่มีวันสิ้นสุด
โอ้ นางคงคา จงไปสู่ดินแดนแห่งพระศิวะเทพ โอ้ นางสรัสวตี จงไปสู่พรหมโลก ขอให้นางกัมลาอยู่เคียงข้างกับข้าตลอดไป
เมื่อพระนารายณ์ทรงรับสั่งสิ้นแล้ว ต่างคนต่างมองหน้ากันอย่างเศร้าสลดใจ พระนางลักษมีทรงกราบทูลว่า
"ข้าแต่เทวะ ขอทรงพระเมตตาต่อพระนางคงคาและพระนางสรัสวตีด้วย ข้าพุทธเจ้าจะรีบลงสู่โลกทันที ตามคำสาปแช่งของนางสรัสวตี แต่ขอพระองค์ทรงกรุณาบอกต่อข้าพเจ้าด้วยว่า ข้าพเจ้าจะทนทุกข์ทรทานอยู่นานเท่าไร จึงจะได้กลับมารับใช้พระองค์อีก และอีกส่วนหนึ่งที่เป็นต้นไม้จะอยู่นานเท่าไร จึงจะพบกับพระองค์อีก
ข้าแต่พระสมุทรแห่งความเมตตาส่วนนางคงคาและนางสรัสวตีเล่าจะหลุดจากบาปนี้เมื่อไร ?"
พระวิษณุทรงหัวเราะ และทรงพยุงนางลักษมีให้ไว้บนตักพระองค์และมีรับสั่งว่า
" โอ้ นางสุเรศวรี ผู้มีพักตร์งาม ขอให้ฟังให้ดี นางสรัสวตีจะแบ่งภาคหนึ่งไปกำเนิดเป็นแม่น้ำโลก และอีกภาคหนึ่งไปสู่ยังพรหมโลก เป็นพระชายาของพระพรหม
ส่วนนางคงคา จะแบ่งภาคหนึ่งไปยังโลก เพื่อเป็นแม่น้ำ ไว้ชำระล้างโลกให้บริสุทธิ์ ซึ่งนางจะถูกอัญเชิญลงไปโดย พระภคีรถ และอีกภาคหนึ่งจะอยู่ในมวยผมแห่งพระศิวะเทพ
โอ้ นางปัทมาวตี นางจะแบ่งภาคสู่โลก เป็นต้นไม้ ตุลสี และอีกภาคหนึ่งเป็นแม่น้ำปัทมาวตี ภายหลังจากสิ้นสุดเวลา 5 พันปีกาลียุค จึงจะพ้นคำสาปนี้ และภาคสมบูรณ์จะอยู่กับข้าตลอดไป
โอมศานติ ศานติ ศานติ
ขอบพระคุณเจ้าของบทความ
พี่ลองภูมิ
ผมไปคัดลอกบทความนี้ของพี่มาจากเว็บบอร์ดอารตีเก่าครับ เห็นว่าได้ความรู้ เลยขอนำมาลงเพื่อเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆต่อไปครับ
ขอบคุณครับ (https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.hindumeeting.com%2Fforum%2Frichedit%2Fsmileys%2FYahooIM%2F23.gif&hash=84a912b90374c9a74cf67ddedfbe3b33b1d732a7)
อ่าน "เมื่อกล่าวจบ พระนางสรัสวตี ทรงคว้าผมของพระนางคงคาอย่างแรง " แล้วเห็นภาพเลย อิอิ
ขอบคุณค่ะ พี่กาลิทัส
อันนี้น่าจะมาจากไวษณพปุราณะ
แต่ของศิวะปุราณะที่ผมเคยได้ยินมาแตกต่างนิดหน่อยเรื่องการลงมาของพระคงคาน่ะครับ เด๋วกลับมาจาก ตจว จะมาเล่าให้ฟัง
สงสัยท่านยังไม่กลับมาจากต่างจังหวัด
หรือว่าลืม???
รอฟังอยู่ ค่ะ
ขอบคุณค่ะที่นำความรู้และสิ่งดีๆมาฝากสมาชิกเสมอค่ะ
เพิ่งจะรู้นะครับนี่
บอร์ดนี้ดีจิงๆๆๆ
ขอบคุณมากครับผม