Loader

ฤๅษีองค์นี้ชื่ออะไรครับ หัวเป็นนกแก้ว

Started by พิษประจิม, June 12, 2010, 20:18:03

Previous topic - Next topic

0 Members and 2 Guests are viewing this topic.





ไม่ทราบจริงๆนะครับ

ได้ยินว่าชื่อศุกมุนี แต่ไม่แน่ใจว่าองค์เดียวกับที่ชื่อ ศุกเทพ ที่เป็นลูกของฤษีวยาสรึเปล่าอะครับ

เคยเห็นองค์ที่เป็นหัวนกแก้ว ในเรื่องศรีนิวาสด้วยอะครับ เรียกท่านว่า ศุกมุนี เพราะ ศุกะ แปลว่า นกแก้ว

ผมสงสัยว่า เป็นองค์เดียวกันกับฤๅษีศุกเทพ ที่เป็นลูกชายฤๅษีวยาสรึเปล่า

ขอบคุณครับ


ขอตอบน่ะครับ

ผมไม่รู้ว่าเทพองค์นี้มีชื่อว่าอะไร แต่เด๋วจะหาคำตอบมาให้ แต่ ศุกเทพ หรือ ศุกเดวะ โกสวามิ ที่เป็นลูกของฤาษีวยาสนั้นลักษณะไม่ไช่แบบนี้ ศุกเดวะ โกสวามิ คือชื่อเต็มๆของพระองค์ ซึ่งเป็น อวตารหนึ่ง ของพระกฤษณะ ซึ่งครั้งนึงได้อยู่ในครรถ์ของมารดา(ผมจำไม่ได้ว่าชื่อว่าอะไรไว้จะมาบอกที่หลังครับ) มารดาของ สุขเดวะ โกสวามิ นั้นได้ยิน สามีของตนคือฤาษีวยาสนั่งเล่าเรื่องพระเวทอยู่เป็นประจำเกี่ยวกับสัจธรรมของมนุษย์เรื่องราวเหล่านั้นจึงซึบซาบไปถึง สุขเดวะ โกสวามิซึ่งกำลังอยู่ในครรถ์ สุขเดวะ โกสวามิได้ยินดังนั้น จึงไม่ขอออกจากครรถ์มารดา เพราะได้รู้ว่า โลกภายนอกน่ากลัวเพียงใด เวลาผ่านไปแล้วไปเล่า มารดาของตนก็ทรมาณซึ่งต้องอุ้มท้องเอาไว้เป็นเวลานานมาก (นานกว่า 9 เดือนของมนุษย์ปกติ ) มารดาจึงถวายบทมนต์แด่พระพรหมขอความช่วยเหลือ พระพรหม จึง ขอร้องให้ออกมาเพราะสุขเดวะเท่านั้นที่จะช่วยผู้คนในโลกนี้ได้อีกมากมาย เมื่อสุขเดวะ ออกมาจากครรถ์มารดา ก้มีอายุ 17 ปี ออกมาด้วยร่างกายเปลื่อยเปล่า ผิวสีครามดุจท้องฟ้า เดินตรงไป ณ ที่แห่งนึง เพราะสุขเดวะได้ฟังพระเวททั้งหมดมาจึงมีความบริสุทธิ์ตั้งแต่ออกมาจากครรถ์มารดา สุขเดวะ โกสวามิ จึงได้ ตรัส พระเวท ชรีมัด บะกะวัทธัม ทั้งหมด แด่เหล่าฤาษีทั้งหลาย และ มหาราช ปะริกชิทเป็นเวลา 7 วัน 7 คืนไม่ลุกไม่กินไปไหนทั้งสิ้น นี่คือ เรื่องราวส่วนหนึ่งของ สุขเดวะ โกสวามิ หรือ ศุกเทพ นั่นเองครับ



นี้คือ ภาพที่ สุขเดวะ โกสวามิ (นั่งบนบัลลังค์) กำลังตรัส ชรีมัด บากะวัทธัม ให้แด่เหล่าฤาษีทั้งหลาย นำโดยนารัดมุณี ฤาษีวยาส ส่วนบุคคลที่นั่งใกล้กับสุขเดวะ โกสวามิ มากที่สุดนั่นคือ ปะริกชิท มหาราช ซึ่งท่านได้รู้ตนเองว่ากำลังจะตายอีกไม่นาน จึงขอใช้เวลาที่เหลือนั่งฟัง ชรีมัด บากะวัทธัม เป็นเวลา 7 วัน 7 คือโดยไม่ได้ไปทั้งสิ้น ผลพวงจากการฟังพระเวททั้งหมด จะทำให้เราบริสุทธิ์ขึ้นที่ล่ะน้อย...และในที่สุดจะพาเราข้ามพ้นแห่งวัฏจักรการเกิดและตายได้

ปล.ศุกเทพ องค์นี้จริงๆบางทีผมว่าอาจจะไม่ใช่นกแก้วแต่อย่างไร อาจจะเป็น กรุดา หรือ ครุฑพาหนะของพระวิษณุก็เป็นได้ครับ หรือ ถ้าเป็น ศุกเทพ จริงผมจะหาคำตอบมาให้น่ะครับ
เธอมีสิทธิ์ในการปฏิบัติหน้าที่ดังที่กำหนดไว้ แต่เธอไม่มีสิทธิ์ได้รับผลของการกระทำ จงอย่าพิจารณาว่าตัวเองเป็นแหล่งกำเนิดของผลงานที่กระทำและอย่ายึดติดและนิ่งเฉยกับการไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ของเธอ......(ภัควัทคีตา 2.47)

ปะริกชิท มหาราช

คือ กษัตริย์ปรีกษิต หลานอรชุน ในมหาภารตะเปล่าครับ

ใช่แล้วครับผม....

อรชุน เป็นบุตรของ พระอินทร์ และ พระนางคุนที พระนางคุนทีได้รับพรจากฤาษีองค์หนึ่งที่พระนางได้ช่วยชีวิตไว้พรนั่นคือ สามารถมีบุตรได้โดยไม่ต้องผ่านการมีเพศสัมพันธุ์ พระนางจึงขอพรและพระอินทร์ก็ปรากฏขึ้นจึงออกมาเป็นอรชุน อรชุน มีบุตร กับ พระนางโดรพะที ชื่อ อภิมันยุและอภิมันยุได้แต่งงานกับพระนางอุตะระ ครั้งหนึ่งอภิมันยุได้ออกศึกสงครามไปกับอรชุนแต่อภิมันยุก็ถูกสังหารจากการรุมจากฝ่ายเการพและทันใดนั่นเองพระนางอุตะระก็ได้คลอดลูกออกมาพอดี....ก็คือ ปะริกชิท มหาราช นั่นเอง
เธอมีสิทธิ์ในการปฏิบัติหน้าที่ดังที่กำหนดไว้ แต่เธอไม่มีสิทธิ์ได้รับผลของการกระทำ จงอย่าพิจารณาว่าตัวเองเป็นแหล่งกำเนิดของผลงานที่กระทำและอย่ายึดติดและนิ่งเฉยกับการไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ของเธอ......(ภัควัทคีตา 2.47)

สวัสดีคับ คุณราธามัธวะ

อ่อออ คนเดียวกันกับปริกษิต

...

ฤๅษีที่ให้พรนางคือฤๅษีทุรวาส แกเดินทางมาเยี่ยมถึงเมืองหลวง นางกุนตีดูแลปรนนิบัติเป็นอย่างดี เพราะแกอารมณ์ร้าย แล้วนางปรนนิบัติเป็นที่พอใจ ฤๅษีเลยให้พรนางกุนตี สอนมนต์เชิญเทพให้มาประทานบุตร

ส่วนนางอุตตรา เป็นลูกท้าววิราฏ
อรชุนเป็นครูสอนนาฏศิลป์นางอุตตรา เพราะตอนนั้นอรชุนถูกสาปเป็นกะเทย พอครบกำหนด13ปี ความจริงเปิดเผย ท้าววิราฏแกขอให้อรชุนแต่งงานกับลูกสาวตัวคือนางอุตตรา แต่อรชุนขอให้นางแต่งงานกับลูกชายตัวเองคือ อภิมันยุ ลูกอรชุนกับนางเทราปที

ตอนที่อภิมันยุตาย นางอุตตราแกตั้งท้อง เด็กในท้องคือปริกษิต
ตอนที่เกิดมาไม่มีชีวิต แต่ก็มีชีวิตเพราะพระกฤษณะประทานพรไว้ตั้งแต่นางอุตตราตั้งท้อง

จริงๆเห็นกระทู้นี่มาสักพักละ   เลยลองไปค้นที่ห้องสมุดมา  ผลปรากฏว่าก็พอได้ข้อมูลมานิดหน่อย  เกี่ยวกับท่าน  शुक  ศุกะ

ที่ในภาษาสันสกฤตแปลว่านกแก้ว 

อิชั้นเห็นว่าจริงๆแล้วท่านน่าจะเป็นบุตรหนึ่งในสี่คนของท่านมหาฤษีวยาสนะค่ะ   ได้แก่ ธฤตราษฎร์  ปาณฑุ  มหามติวิทูร และศุกเทพ

แต่ในที่นี้จะไม่ขอกล่าวถึงบุตรของท่านวยาสท่านอื่นละกัน    เกรงว่าสามวันจะไม่จบ  และอีกอย่างก็ไม่ตรงประเด็นกับสิ่งที่เจ้าของกระทู้ต้องการจะทราบด้วย

จริงๆประวัติของท่าศุกะองค์นี้ในหนังสือมีกล่าวไว้มากมายหลายทางเหลือเกิน เช่น บางปุราณะกล่าวว่าท่านเกิดแต่ไฟศักสิทธิ์ในการกระทำยัญญะ  ตอนที่ฤาษีวยาส มีจิตเสน่หาต่อนางอัปสรชื่อ ฆฤตจี อัปสรชื่อ ฆฤตจี ที่บินผ่านไปในร่างของนกแก้ว

แต่มีนักวิชาการหลายท่านออกมาให้ความเห็นว่า   การที่ฤษีองค์นี้มีศีรษะเป็นนกแก้วนั่น ก็เพราะเหตุที่ว่าสมัยที่ท่านศึกษาวิชาการต่างๆกับท่านฤษี  ท่านเป็นเลิศในด้านการฟัง  จึงใช้สัญลักษณ์เป็นรูปหัวนกแก้ว


ข้อมูลตรงนี้น่าสนใจมากคะ  เพราะในบรรดาเทพปกรณัมของทุกๆลัทธิศาสนา  เทพที่มีหัวเป็นนกแก้ว  ก็มีนัยแบบนี้แอบแฝงอยู่ด้วยเหมือนกัน
นี่เป็นความเห็นในเชิงวิชาการและมานุษยวิทยาที่เหล่าบรรดาคณาจารย์ทั้งหลายในวงการเทววิทยาออกมาแสดงความเห็นและทรรศนะที่มีต่อมุนีองค์นี้กันนะค่ะ  ส่วนความจริงนั้นจะเป็นอย่างไรเราก็มิอาจทราบได้

แต่.... ก็มีอีกความเชื่อนึงของชาวฮินดู  ที่เชื่อกันว่ามารดาของท่านศุกะ มิใช่ ผู้หญิงที่มาจากเผ่าศุกะ 
แต่เป็นศุกะที่มาจากนกแก้วจริงๆ  ความหมายตามภาษาสันสกฤตที่บอกไปว่าศุกะแปลว่านกแก้วอะคะ












รู้จักท่านศุกะมุนีจาก เรื่องศรีนิวาสกัลยาณัม นี่แหละจ้า ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ