Loader

ประวัติพระแม่มีนากษี

Started by กาลิทัส, March 13, 2009, 10:58:29

Previous topic - Next topic

0 Members and 2 Guests are viewing this topic.

March 13, 2009, 10:58:29 Last Edit: March 13, 2009, 11:04:26 by กาลิทัส
เมื่อครั้นที่พระฤๅษีอากาธิญาณได้ทำพิธีสักการะพระศิวะเจ้า และได้ขอพรว่า ขอให้ตนได้ยินยลการเริงระบำอันศักดิ์สิทธิ์ของพระแม่เจ้าปารวตี และพระศดาศิวะ คำขอนั้นทำให้พระผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองทรงลุกขึ้นจากสมาธิและออกมาร่ายรำตามคำขอนั้น แต่แล้วการร่ายรำก็ได้สะดุดลง เนื่องจากต่างหูของพระแม่ได้หลุดออกในขณะทรงระบำ พระองค์ไม่อยากหยุดร่ายรำจึงใช้พระบาทหนีบต่างหูขึ้นมาเหน็บไว้ที่ข้างพระกรรณของพระองค์ พระแม่เจ้าปารวตีเห็นดังนั้นจึงทรงพิโรธเป็นการมาก เพราะพระศิวะได้หยามพระนางโดยการใช้เท้าหนีบต่างหูอันเป็นเครื่องหมายแห่งพระนางที่เป็นเหมือนขุมพลังของพระศิวะเจ้า พร้อมกับตำหนิพระศิวะด้วยโทสะอันรุนแรงจนทรงเผลอตรัสออกไปว่า พระศิวะทรงเป็นโยคีนุ่งห่มหนังเสือหนังหมีป่าเถื่อน ทรงมีสังวาลย์เป็นอสรพิษน่าขยะแขยง และทรงมีตาที่สามประหลาดแท้ พระศดาศิวะฟังดังนั้นจึงพิโรธมากได้ทรงร่ายคำสาปให้พระแม่ปารวตีเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง พระนางทรงเศร้าเสียใจเป็นอันมากที่ได้ดูถูกพระสวามีเช่นนั้น แต่เมื่อคำสาปได้ถูกสาปออกไปแล้วพระนางจึงต้องลงมาเกิดเป็นพระราชธิดาของกษัตริย์เมืองปาเดียน ในสังคมของชาวทมิฬ โดยการนำพาของพระวิษณุเจ้า ซึ่งมีศักดิ์เป็นพระเชษฐาของพระองค์
พระนางได้ทรงกำเนิดอีกครั้งจากกองไฟที่กษัตริย์และราชินีเมืองปานเดียนทำการบูชาเพื่อขอบุตร พระนางทรงเป็นเด็กสาววัย3ขวบ ลอยอยู่เหนือกองไฟ บนพระอุระของพระนางปรากฎพระถันถึง3จุดด้วยกัน กษัตริย์ปานเดียนและราชินีต่างพอพระหฤทัยมากและรับเป็นบุตรสาวทันที โดยตั้งพระนามว่า ธาดาทาไก หรือแปลว่า ผู้ที่กำเนิดจากพระอัคนี พระนางทรงเติบโตขึ้นด้วยความห้าวหาญ ดุร้ายดุจบุรุษเพศ ทรงเก่งกล้าสามารถทั้งเวทย์มนต์ การต่อสู้ และทรงเป็นเอกกวีที่หาใครเทียบยาก เล่ากันว่า พระนางมักจะปลอมพระองค์เป็นสาวชาวบ้านออกไปนิเวศน์พระนครปาเดียนอยู่บ่อยๆ และได้ทรงช่วยเหลือผู้คนไว้มากมาย

ครั้งหนึ่งที่เกิดช้างพลายตกมันบุกเข้าพระราชฐาน หากองทหารและควาญช้างผู้ใด ก็ไม่สามารถหยุดช้างตกมันเชือกนี้ได้ พระนางเพียงเดินเข้าไปลูบหัวช้างตัวนี้ ก็กลับเชื่องทันทีสร้างความอัศจรรย์ใจแก่ชาวเมืองเป็นอันมาก เมื่อพระนางเจริญพระชรรษาได้20ปี ทรงได้ปกครองเมืองแทนพระราชบิดา โดยมีพระนามที่ฤๅษีอากาธิญาณตั้งมาใหม่ว่า มีนาคชี แปลว่า ตาปลา กล่าวคือ ปลาในแม่น้ำคงคาวางไข่ไว้ในตาตัวเอง และประทังความหิวโดยการมองลูกๆของมันเติบโตอย่างมีความสุข พระแม่มีนาคชีได้ทรงปกครองเมืองด้วยความห้าวหาญและเข้มแข็ง ดุจขุนศึกนักรบ พระนางทรงเลิกธรรมเนียมที่ผู้หญิงต้องนำของหมั้นไปให้แก่ฝ่ายชาย และที่สำคัญพระนางทรงเลิกประเพณีการบูชาพระอินทร์ ที่ต้องปล่อยฝูงม้าพหุปการ100ตัว หากไปหยุดที่เมืองใดก็ต้องมีการประหัตประหารกันเพื่อแย่งชิงดินแดน โดยพระนางกล่าวว่า การบูชาพระอินทร์ดังกล่าวไม่ได้สร้างความเจริญอะไรเลย พระอินทร์ทรงรับรู้และทรงพิโรธเอามาก ได้ส่งกองทัพเทวดาลงมาปั่นป่วนเมืองปานเดียนให้วอดวาย แต่พระศิวะทรงทราบก่อนจึงทรงแปลงพระองค์เป็นชายหนุ่มมาช่วยพระแม่มีนาคชีต่อสู้จนได้รับชัยชนะ หลังจากนั้นพระแม่มีนาคชีได้แต่กองทัพพร้อมกับหญิงรับใช้นามว่า สุมาธิ ขึ้นไปบนวิมานของพระอินทร์ เหล่าเทวดาทราบได้หนีกันอลหม่านโดยมีเพียง พระวายุเทพ พระอัคนีเทพ พระวรุณเทพ และพระยมเทพรับหน้า แต่ทั้งหมดก็ไม่อาจทำอะไรพระนางได้ เพราะพระนางทรงมีพระบุญญาณุภาพที่สูงส่งกว่า พระอินทร์หนีไปเข้าเฝ้าขอร้องพระศิวะให้ช่วยตน และหลบซ่อนอยู่ที่เขาไกรลาศนั่นเอง เมื่อพระแม่มีนาคชีรู้ข่าวจากเทวฤๅษีนารัท จึงติดตามไปที่ไกรลาศ แต่พระโคนันทิห้ามไว้ จึงถูกทำร้ายจนสาหัส ความร้อนไปถึงพระศิวะทรงออกมาพบกับพระแม่มีนาคชี ทันใดนั้นความดุร้าย ห้าวหาญเยี่ยงบุรุษเพศและพระถันที่สามของพระนางได้เลือนหายไป ทรงทิ้งอาวุธและทรงมีความเขินอายดั่งสตรีเพศเมื่อทรงทอดพระเนตรเห็นพระศิวะ คำสาปของพระศิวะได้หมดสิ้นไป และได้ทรงสยุมพรกับพระศิวะอีกครั้งหนึ่ง



ในวันที่ทรงอภิเษกนั้นเทพจักรวาลทั้งหลายต่างมาชุมนุมกันที่นครปานเดียน พระแม่มีนาคชีทรงแต่องค์ทรงเครื่อง และไดทรงทำทักษิณานุปาทาน7รอบกองไฟบูชา โดยการนำพาของพระวิษณุเจ้า(เป็นองค์แบ่งภาคของพระศิวะที่อธิษฐานขึ้น เกิดมาใหม่นามว่า พระหริหระ)เข้าสู่พิธี ในงานนั้นพระศิวะได้ทรงเนรมิตอสูรขึ้นตนหนึ่ง เพื่อสร้างแม่น้ำสายสำคัญในเมืองปานเดียนขึ้นคล้ายๆกับเป็นของขวัญแต่งงานของพระองค์ ในวันที่ทรงอภิเษกนั้นได้มีการเฉลิมฉลองกันยิ่งใหญ่เรียกว่า วันมีนาคชีกัลยานัม

พระศิวะกับพระแม่มีนาคชีได้ทรงอยู่ปกครองเมืองปานเดียนด้วยกัน และทรงมีพระราชโอรสด้วยกันหนึ่งพระองค์ซึ่งทรงพระนามว่า พระศรีรุทราปาเดียน อันเป็นพระมหากษัตริย์ของชาวทมิฬต่อมา หลังจากที่พระนางและพระศิวะทรงกลับไปไกรลาศดังเดิม

*****พระแม่มีนาคชีทรงเป็นเทพมารดรที่เชื่อว่าไม่ได้มาจากสมมติเทพ แต่น่าจะทรงพระชมน์ชีพอยู่จริงๆ ชาวทมิฬยกย่องให้พระนางเป็นเทพมารดรแห่งสายน้ำ บทมหัตราทั้ง108 (การร่ายรำ) ทรงเป็นพระแม่แห่งมนตราแก้คำสาป ภาษาทมิฬ ทรงเป็นมารดาแห่งพระวินัยกันและพระมุรุกัน รวมถึงชาวทมิฬทุกคน พระนางทรงตรัสว่า ทมิฬคือความหวัง เพราะทมิฬกำเนิดจากพระศิวะเจ้า ทมิฬมีอำนาจคือพระแม่อัมมัน ทมิฬมีความสดใสคือพระมุรากัน

กล่าวกันว่าผู้ใดสวดพระนามของพระนางแล้วจะพ้นซึ่งความเกลียดคร้าน ความโง่เขลา พระนางจะทรงประทานพลังชีวิตและจิตใจให้แก่คนผู้นั้น พระนางทรงประทานความกล้าหาญในการฝ่าฟันอุปสรรค การทำงาน ซึ่งเข้ากับกระแสชีวิตของเราๆท่านๆในปัจจุบัน สำหรับผมพระนางจึงเปรียบเสมือนมารดาที่คอยชี้นำชีวิตไปในทางที่ดี ไม่ให้ลูกตกต่ำ พระแม่ทรงเหมือนแสงสว่างที่ทำลายกำแพงแห่งกิเลส อวิชชาความเห็นแก่ตัวให้หมดสิ้นไป *****

ขอบคุณ
คุณ Morinaka
โพสไว้ในบอร์ด Hindumeeting เก่าครับ

ตอนนี้ผมค้นเจอข้อมูลจากบอร์ดเก่าบางส่วนครับ เห็นว่ามีประโยชน์กับผู้ศึกษาใหม่ เลยโพสให้ได้ชมกันครับ

ขอบคุณพี่กาลิทัสที่เอามาแปะจากบอร์ดเก่านะครับ

เหมาะกับมือใหม่อย่างผมสุดๆเลย ^_^



คา ถา บูชา พระแม่ มีนาคชิ

นมัสเต สดาปานาเดียรราเจน ระกันเย
นมัสเต สดาสุนดาเรทราม กะอา เฮ
นมัสเต นมัสเต สุหมี่นาคชรี เดวี
นมัสเต นมัสเต ปุรัตเต้ นโมตุ
No [HIGHLIGHT=#ffffff]one [/HIGHLIGHT]is PERFECT

ไม่แจกเพลงบูชาของพระแม่องค์นี้เหรอค่ะ
                                          บิวตี้นะค่ะ
                    [HIGHLIGHT=#ffffff]"เพราะเรามีจิตวิญญาณเดียวกัน"[/HIGHLIGHT]
                                                   

อสูรที่พระศิวะเนรมิตขึ้นมานั้น มีนามว่า ไวไกย และแม่น้ำที่กำเนิดขึ้นมา พระแม่
มินาคชี ได้ทรงตั้งชื่อแม่น้ำนั้นตามชื่ออสูรว่า แม่น้ำไวไกย

ภาคที่พระศิวะแบ่งครึ่งกับพระนารายณ์นั้น พระศิวะทรงตั้งชื่อว่า ตระงัน และ
ได้ทรงโปรดให้สร้างเทวสถานขึ้น ชื่อว่าตระงันเพื่อบูชาต่อไป หรือที่เราเรียกว่า
" พระหริหระ " นั่นเอง....

ตราปมีลมหายใจ  ย่อมมีเวลาสมาธิ

หลังจากพระโอรส พระศรีรุทราปาเดียน ได้เติบโตเป็นหนุ่มแลัว พระนารัทมุนี
ได้แอบไปเป่าหู อัตทาอสูรซึ่งกำลังเข้าสมาธินานถึง 18 ปี อัตทาอสูรนี้ได้กำเนิด
มาจากเม็ดเหงื่อของพระศิวะและต้องคำสาปว่าจะต้องตายด้วยน้ำมือของพระศิวะ
พระนารัทมุนีได้เป่าหูอสูรว่า พระศิวะนั้นเกรงกลัวอัตทาอสูรมากจึงหนีจาก
สวรรค์ลงมาอยู่เมืองมนุษย์จึงทำให้สวรรค์ไม่มีใครปกครอง.จึงทำให้อัตทาอสูร
กำเริบในฤทธิ์ของตนไปรุกรานสวรรค์ และเขาไกรลาส จนเหล่า พระอินทร์
เทวดา และนนทิ หนีไปคนละทิศละทาง พระศิวะทรงรับรู้ด้วยญาณ และทรง
เสด็จขึ้นมาปราบ จนอสูรถึงแก่ความตาย และเสด็จลงมาเมืองมนุษย์ แต่งตั้ง

พระโอรส พระศรีรุทราปาเดียนขึ้นครองราชย์ เป็นกษัตริย์ พระศิวะและพระแม่
มินาคชี ได้ทรงมอบ อาวุธวิเศษ ให้แก่พระโอรสคนละอย่างแล้วจึงเสด็จกลับไป
ยังเขาไกรลาสดังเดิม...

***พระมเหสีของพระศรีรุทราปาเดียนทรงมีพระนามว่า  พระนางรุทรา...
ตราปมีลมหายใจ  ย่อมมีเวลาสมาธิ

ขอบคุณครับพี่กุหลาบขาว   ฝากเนื้อฝากตัวเป็นน้องชายอีกซักคนนะพี่คับ แหะๆๆๆ

ดีใจจัง  พระแม่มีนาคชี  ลูกขอกราบนมัสการ   ลูกคิดถึงแม่ตลอดเวลา  สักวัน  ลูกจะกลับบ้านไปอยู่แทบพระบาทแม่
[HIGHLIGHT=#000000]*****จยันตี มังคลา กาลี  ภัทรกาลี กปาลิณี*****  [/HIGHLIGHT]

ขอบคุณค่ะ เรื่องน่าอ่านและสนุกมากๆ เลยค่ะ
[HIGHLIGHT=#92d050]เมตตามหานิยม อยู่ที่...คุณธรรม[/HIGHLIGHT]

รุทระ ปาณฑยัน คือ พระสุนทเรศวร

วัดมีนากษี ชื่อเรียกเต็มๆว่า วัดมีนากษีสุนทเรศวร