Loader

เทวรูป มารีอัมมัน กับความเชื่อ ความศรัทธา และความรัก

Started by bopeep, June 24, 2010, 13:41:10

Previous topic - Next topic

0 Members and 2 Guests are viewing this topic.

ขอเสนอความคิดเห็นหน่อยนะครับ เป็นความคิดส่วนตัวนะครับ มารีอัมมัน คือเทพประจำเมืองหรือประจำท้องถิ่นในอิเดียใต้ อะครับ และอีกส่วนหนึ่งนะครับ ชาวอินเดียใต้เนี่ย จะบูชาพระแม่กาลี ผ่าน รูปลักษณ์แห่งพระแม่มารีอัมมันแล้วแต่เดิมครับ ผมคิดว่าเรื่องเทวะรูป คือความเชื่อ ความศรัทธา ความคิด และความเป็นศิลปะของจิตกร แล้วบรรจงลวดลาย และรูปลักษณ์แห่งพระองค์ ออกมาให้มีตัวตันแบบนั้น แบบนี้ มากกว่า นะครับ สำหรับผมเมื่อก่อนก็อยากรู้ที่มาขององค์เทพมากนะครับ เมื่อผมเริ่มบูชา แรก ๆ ผมก็ได้ ไปเชนไน มา และก็ได้เช่าเทวรูปมา องค์หนึ่ง ซึ่ง ผมบอกกับเขาว่า อยากได้พระแม่กาลี แต่เขาก็หยิบองค์พระแม่มารีอัมมันมาให้ ทีแรกก็งง แล้วก็มีคำพูดคำหนึ่ง สะกิดมาว่า เชื่อไหมหล่ะว่าองค์นี้คือพระแม่กาลี ถ้าเชื่อองค์นี้ก็คือกาลี หลังจากนั้น ผมจึงเลิก เจาะจงองค์เทพว่า องค์นี้ต้องเป็นอย่างนั้น องค์นั้นต้องเป็นอย่างนี้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้ว แต่เกิดจาก การจินตนาการของมนุษย์ ทั้งนั้น ผมคิดว่าเทวรูปที่รังสรรค์ขึ้นมาเพื่อให้มนุษย์ที่ไม่สามารถสัมผัสเศษเสี้ยวแห่งขุมพลังของเทพเจ้าได้เรากำลังสวดมนตราให้กับเทพองค์ใดอยู่ เรากำลังถวายเครื่องบวงสรวงกับเทพองค์ใดอยู่มากกว่า เราจะได้รู้ว่าสิ่งที่เราทำนั้นถึงท่านไหม
สำหรับมนุษย์ผู้ยึดติด ใน รูป รส กลิ่น เสียง มากกว่า ครับ นี่คือความคิดเห็นส่วนตัวครับ

ข้าพเจ้าของบูชา พระแม่ศักติ ทั้ง ในดิน ในน้ำ ในอากาศ ในมหาสมุทร สุดขอบจักรวาล

โอม ศักติ ปารา ศักติ
โอม ศักติ ปารา ศักติ
โอม ศักติ ปารา ศักติ
โอม ศักติ ปารา ศักติ

ข้าขอบูชา เดวีทิเทพ พระศักติ-ศิวา พระนามของท่านช่างมากมาย เพราะพระแม่คือ ทุกสิ่งแห่งจักวาล


ที่ตั้งกระทู้นี้ ขึ้นมา เพราะ ผมอยากให้ ทุกคน ที่ศรัทธาในเทพเจ้า ของชาวฮินดู นะครับ ว่า การบูชาเทพเจ้า อะครับ อย่า ยึดติด กับรูปลักษณ์ และก็อย่า สิ้นเปลืองในการค้นหา เทวรูปมาบูชาเลยครับ เอาที่ว่า เราอยากบูชามากที่สุดดีกว่าครับ เพราะจริง ๆ แล้ว ชาวฮินดูชนเขาก็ไม่ได้สรรหา เทวรูปมาบูชาเลยครับ และก็ไม่ค่อย บูชา เทพ หลายองค์ด้วย  จึงอยากให้ประหยัดกันครับ ท่านคงไม่ว่าอะไรหรอกครับ ที่ไม่เช่าท่านมา ถึงไม่เช่าท่านมา ท่านก็ให้พรอันประเสริฐแก่ผู้ศรัทธาอยู่แล้วครับ ผมคิดว่า องค์เทวรูป ควรจะมี เท่าที่สมควรมากกว่า เพราะเราบูช่ากันในบ้าน เราไม่ได้ มีเทวลัย จึงต้องมีเทพเจ้าหลายพระองค์ ผมก็ไม่รู้นะครับ ว่าความต้องการ ใครเป็นแบบไหนนะครับ แต่ถ้า เช่าองค์เทวรูปเพื่อให้เป็นหนึ่ง ให้เป็นที่รู้จัก ให้เป็นผู้ที่คิดว่าแน่ ให้เป็นคนที่คิดว่ามากมาย ด้วยเงินตรา อย่าเลยครับ เสียดายเงิน นำเงินเหล่านั้น ไปเลี้ยงอาหารกลางวันเด็ก หรือไปเลี้ยงเพลพระ หรือเอาไปซ่อมโบสถ์ซ่อมหลังคา ที่วัด ผมว่า หน้าจะเป็นบุญเป็นกุศล มากกว่านะครับ แล้วเทพเจ้าที่เราบูชาก็จะได้รับบุญกุศลที่เราสร้างถวายแด่ท่านด้วย ผมคิดอย่างนี้นะครับ เป็นความคิดส่วนตัว

อืมเเต่ก็เห็นด้วยน่ะคะ  กับที่คุณกล่าวมา 
ว่าไป  เหล่าบรรดาช่างปั้นคงตกงาน  กันเป็นเเถบๆ
เสียหายไม่ว่า  แต่เสียหน้าไม่ได้

คุณเสือร้องไห้ก็พูดเกินไป จะมี ซักกี่ท่านครับ ที่คิดแบบนี้ แต่ผม เทวรูป บูชาอะ ครับ ผมมีน้อย แต่เวลาถึงเทศกาล ผมก็จะสั่งปั้น หรือ ซื้อมาเพื่อประกอบพิธี แล้วก็นำไป ลอยน้ำ เหมือนกัน คำว่าพอมันยากนะครับ เพราะความอยากได้มันสูง แต่ก็อยากมาบอก มาเตือน ไม่ให้มันสูงมาก เท่านั้นเอง หรอกครับ ยกตัวอย่างนะครับ บางท่านเนี่ย ที่บ้าน มีเทวรูปราคา รวมกัน เท่ากับ มอเตอร์ไซค์ฟีโน่ คันนึงเลยนะครับ

ใช่ๆๆ น้อง คน นึ่ง ที เห็น ด้ว ย ครั บ

โดนใจ มาก ก  ก

^^"
Nu Tonnum~

สรุปว่า อย่าทำอะไรให้มันเกินฐานะ (ไม่เบียดเบียนตัวเอง)

เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ และยิ่งเห็นด้วยกับคุณบาสค่ะ

พอเพียง ดีที่สุดค่ะ
   ขอพาหาพลรามอันงามขาว    ดังจันทร์คราวเริ่มแรกอุทัยไข
ทรงกำลังสามารถฉกาจไกร       ดังว่าได้ดื่มซึ่งอาสวรส
เต็มด้วยอวตารแห่งปัทมา        ลักษมีกันยาสุภาสด
น่าใคร่ราววสันต์อันงามงด       จงคุ้มท่านทั้งหมดในที่นี้


(คัดจากเทวีวาสวทัตตา ของภาสะ แปลโดย ท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา มาลากุล)

Quote from: bopeep on June 25, 2010, 09:07:58
คุณเสือร้องไห้ก็พูดเกินไป จะมี ซักกี่ท่านครับ ที่คิดแบบนี้ แต่ผม เทวรูป บูชาอะ ครับ ผมมีน้อย แต่เวลาถึงเทศกาล ผมก็จะสั่งปั้น หรือ ซื้อมาเพื่อประกอบพิธี แล้วก็นำไป ลอยน้ำ เหมือนกัน คำว่าพอมันยากนะครับ เพราะความอยากได้มันสูง แต่ก็อยากมาบอก มาเตือน ไม่ให้มันสูงมาก เท่านั้นเอง หรอกครับ ยกตัวอย่างนะครับ บางท่านเนี่ย ที่บ้าน มีเทวรูปราคา รวมกัน เท่ากับ มอเตอร์ไซค์ฟีโน่ คันนึงเลยนะครับ

เเหม  เปรียบเปรยซ่ะน่ารักจังค่ะ  ฟีโน่ 
อ่านเเล้วอดยิ้มไม่ได้  เเต่ก็เห็นด้วยในความเป็นห่วง
ของคุณเจ้าของกระทู้  เเต่น่ะ

ถ้าพูดถึงช่าง  ความสร้างสรรค์ก็เป็นจุดขาย 
อันล่อใจผู้เช่า  จังคิด  ประดิษฐ์มามากมาย
ให้เเตกต่าง


บางทีเสือก็สงสัยว่า  เทวรูป  โลหะ  สำริด  ทองเหลืองนั้น  เคยคิดไหมว่า  ช่างที่ทำอันตรายเเค่ไหน
มีสารพิษ  มีอะไรมากมายที่ตกค้าง  สุขภาพบั่นทอนเป็นอย่างมาก  บางทีเสือยังรู้สึกบาปเลยเมื่อเห็นเทวรูป  โลหะ  รู้สึกบาป  เพราะสงสารช่าง

เสียหายไม่ว่า  แต่เสียหน้าไม่ได้

Quote from: เสือร้องไห้ on June 28, 2010, 12:37:52
Quote from: bopeep on June 25, 2010, 09:07:58
คุณเสือร้องไห้ก็พูดเกินไป จะมี ซักกี่ท่านครับ ที่คิดแบบนี้ แต่ผม เทวรูป บูชาอะ ครับ ผมมีน้อย แต่เวลาถึงเทศกาล ผมก็จะสั่งปั้น หรือ ซื้อมาเพื่อประกอบพิธี แล้วก็นำไป ลอยน้ำ เหมือนกัน คำว่าพอมันยากนะครับ เพราะความอยากได้มันสูง แต่ก็อยากมาบอก มาเตือน ไม่ให้มันสูงมาก เท่านั้นเอง หรอกครับ ยกตัวอย่างนะครับ บางท่านเนี่ย ที่บ้าน มีเทวรูปราคา รวมกัน เท่ากับ มอเตอร์ไซค์ฟีโน่ คันนึงเลยนะครับ

เเหม  เปรียบเปรยซ่ะน่ารักจังค่ะ  ฟีโน่ 
อ่านเเล้วอดยิ้มไม่ได้  เเต่ก็เห็นด้วยในความเป็นห่วง
ของคุณเจ้าของกระทู้  เเต่น่ะ

ถ้าพูดถึงช่าง  ความสร้างสรรค์ก็เป็นจุดขาย 
อันล่อใจผู้เช่า  จังคิด  ประดิษฐ์มามากมาย
ให้เเตกต่าง


บางทีเสือก็สงสัยว่า  เทวรูป  โลหะ  สำริด  ทองเหลืองนั้น  เคยคิดไหมว่า  ช่างที่ทำอันตรายเเค่ไหน
มีสารพิษ  มีอะไรมากมายที่ตกค้าง  สุขภาพบั่นทอนเป็นอย่างมาก  บางทีเสือยังรู้สึกบาปเลยเมื่อเห็นเทวรูป  โลหะ  รู้สึกบาป  เพราะสงสารช่าง



เห็นด้วยกับพี่เสือครับ
คุณลุงผมเป็นช่างหล่อพระ
เสียชีวิตเพราะเป็นมะเร็งเม็ดเลือดครับ
หมอบอกว่ามาจากสารพิษที่ตกค้่างมาจากการทำงาน
 

พฤษภกาสรอีกกุญชรอันปลดปลง
   โททนต์เสน่คงสำคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวายมลายสิ้นทั้งอินทรีย์   สถิตทั่วแต่ชั่วดีประดับไว้ในโลกา

แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์      มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด   ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน

เห็นด้วยอย่างยิ่งกับเจ้าของกระทู้จ้า
จริงๆแล้วการบูชาไม่ต้องเรื่องมากเลยครับ ว่าเราจะต้องบูชาองค์นั้นองค์นี้เสริมด้วย ถ้าเราศัทธาในเทพที่เรานับถือมากที่สุดท่านก็จะประทานสิ่งดีให้เราได้เหมือนเทพองค์อื่นๆล่ะครับ

หลายคนบอกเบนว่า บูชาแม่ปารวตีแล้วทำไมไม่หาพระแม่สรัสวตีกับพระแม่ลักษมีมาบูชาเสริมอีกล่ะ จะได้เป็นแบบตรีศักติเลย

เบนก็บอกไปว่าพอดีว่าเบน เน้นหนักทางพระแม่ปารวตีมากที่สุดน่ะครับ แล้วก็คิดว่าไม่เห็นจำเป็นเลยว่าจะต้องหามูรติพระองค์นั้นองค์นี้มาวางข้างๆเลย เพราะพระแม่ท่านก็สามารถประทานพรดีๆให้เราได้โดยไม่ต้องมีองค์อื่นมาครับ ถ้าเบนอยากจะบูชาหรือสักการะองค์อื่นเบนก็จะไปสักการะที่วัดหรือเทวาลัย เทวสถานครับ
วงการมายา ไม่ใช่สนามเด็กเล่น แต่เป็นสมรภูมิรบ และ การผูกสัมพันธ์ไมตรี ทั้งจริงและจอมปลอม

มายา ความหมายของมันช่างลึบลับเหลือเกิน

วงการมายาไม่ใช่ของเล่นทั่วไป เข้าแล้วออกยาก ระวังเอาไว้


พรทิพย์เห็นแย้งนะคะ

ตามที่คุณคิดนั้น  มีคนจำนวนอีกไม่น้อยคะที่อ้างว่าบูชาด้วยใจ ซึ่งที่จริงแอบไปทางมักง่ายมากกว่า

เข้าใจนะคะว่าความศรัทธาที่เหลือล้น  ทุกสิ่งอย่างในจักรวาล อนันตจักรวาลคือพระแม่ พระแม่อยู่ทุกที่ทุกแห่ง จะหยิบเอาก้อนหิน เศษกรวด เศษไม้ ฯลฯ มาบูชาแล้วคิดว่าเป็นพระแม่ก็จะเป็นพระแม่ แล้วก็คิดพระเจ้ามีอยู่ทุกที่ สำคัญที่ใจ (ถ้าอย่างนั้นมาร สิ่งชั่วร้ายอยู่ที่ไหนในเมื่อทุกอณูของจักรวาลคือพระเจ้า ? )

ถ้าทุกสิ่งอย่างมันง่าย มันสะดวกขนาดนั้น โบราณเค้าจะคิดค้นศาสตร์ด้านการสร้างเทวรูป เทวลักษณะ ปติมาณวิทยากันทำใม ?   

ปัจจุบันเห็นเยอะนะคะ บูชาเอาตัวเองสะดวกไว้ก่อน ไอ้นู่นไม่มี ไอ้นี่ไม่พร้อม แล้วก็ปลอบใจตัวเองกันว่า เอาน่าเราบูชาด้วยใจ (มักง่ายคะ)

เรื่องเทวรูปก็เหมือนกัน คุณไม่คิดเหรอคะว่าคนขายเขาก็มักง่ายพอกัน  ไม่มีเทวรูปแม่กาลี ก็อ้างว่า เอานี่ไปสิบูชาแทนได้ พระแม่เหมือนกัน อวตาร   ทุกอย่างเป็นมายา

ดิชั้นก็ไม่ใช่นักสะสมเทวรูปอะไรนะคะ แต่ยังมีบางทีเวลาเห็นเทวรูปที่เรานับถือแล้วมันปิ้งๆ ยังอยากจะได้ไว้ครอบครองเลย ถึงแม้จะมีอยู่แล้วก็ตาม

ดังนั้นทุกคนหละคะที่สามารถพูดได้ว่าศรัทธานับถือ แต่อย่าลืมว่าการกระทำต่างหากที่จะเป็นสิ่งสะท้อนว่าเรานับถือศรัทธาจริงแค่ใหน
[HIGHLIGHT=#ffff00]  [/HIGHLIGHT][HIGHLIGHT=#ffff00]สวย รวย เก่ง หุ่นดี มีสมอง[/HIGHLIGHT][HIGHLIGHT=#ffff00]  [/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#ffff00]สำหรับผมนะ คิดว่าการที่เราบูชานั้นก็คือการบูชาคุณงามความดูขององค์เทพมากกว่าคับ ไม่ได้ไปไหว้ที่ทองเหลืองหรือก้อนหินนะคับ แล้วก้ไม่ได้ไหว้เรซิ่นด้วยแต่ผมไหว้ความดีของเทพองค์นัน้ซึ้งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สอนใว้ว่า จงพิจารราเทวตานุสติ คือระลึกถึงคุญงามความดีของเทวดา ซึ่งก็คือหิริ แล้ะโอตัปปะ ที่แปลว่า ความละอาบชั่วและเกรงกลัวต่อบาปอกุศล เพราะถ้าขาดคุณธรรม2ข้อนี้เสียแล้ว เทวดาที่มีฤทธิ์ก้เป็นเพียงปีศาจตนหนึ่งเท่านั้น เพราะฉะนั้นเรามาบูชาความดีของเทวดากันเถอะ เพราะฉะนั้นไม่ว่าใครจะบอกว่าบูชาเทวรูปเลซิ่นไม่ศักสิทธิ์  ผมจึงไม่สนใจเพราะเราไหว้ความดีไหว้นามธรรม ไม่ได้ไหว้รูปธรรม และถ้าใครคิดว่าการไหว้เทพองค์ไหนก็ตามต้องต้องมีเทวรูปนั้นก็ผิดถึงเราจะไม่มีเราก็ไหว้ได้ ถ้าไม่มีแล้วไหว้ไม่ได้แสดงว่าเราทั้งหลายกำลังไหว้เทวรูปไม่ได้ไว้เทวดาอยู่เลย ดุจคำพุทธสุภาสิตว่า ปูชา จะ ปูชะนียานัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง แปลว่า การไหว้สิ่งที่ควรบูชาเป็นมงคลอันสูงสุด แล้วสิ้งทีร่ควรบูชาคืออะได้ละ หินหรือทองเหลือง แต่ที่จริงสิ่งที่ควรไหว้คือคุณงามความดีของเทพ โดยอาจะไหว้สิ่งที่ทำให้เราระลึกถึงเทพและความดีของท่านก็ได้ เช่นการไหว้คนกระเพราแดง หรือต้นตุลสี และการไหว้วัวเพื่อระลึกถึงนนทิบริวารของพระอิศวรหรือพระศิวะ เป็นต้น แสดงว่าเค้าไม่ได้ไหว้ต้นไม้หรือไหว้วัว แต่ไหว้ตัวแทนที่ทำให้ระลึกถึงเทพและความดีของท่านตะหาก จบละคร้าฟฟฟฟฟ !!!![/HIGHLIGHT]

[HIGHLIGHT=#ffff00][/HIGHLIGHT]

ที่พี่พราหมณ์น้อยบูชานั้นเป็นตามแบบของพุทธค่ะ ที่ให้ไหว้คุณงามความดี.

แต่จะรวมว่า เทวรูป ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ก็ไม่ใช่นะคะ !!!

ถ้าเทวรูปไม่มีประโยชน์อะไรเลยในการบูชา คงไม่มีการคิดสร้างและนำมาใช้กันเป็นพันๆปี

แต่ชาวฮินดูเค้าใช้เทวรูปเป็นสื่อคะ  สื่อระหว่างผู้บูชาและองค์เทพ

ถามว่าไม่ใช้ได้มั๊ย ได้คะ แต่ท่านมั่นใจแล้วหรือไม่ ว่าผู้บูชาเทพทุกคนมีพลังจิตสูง ? บริสุทธิ์ ? แรงกล้าเพียงพอที่เทพท่านจะรับรู้ได้ทุกคน

ตอบ คือ ไม่ใช่คะ ไม่ใช่ทุกคนที่จะตั้งจิตถึงองค์เทพโดยไม่ต้องอาศัยสื่อ ถ้าไม่ใช่คนที่มีพลังจิตสูง หรือมีกรรมผูกพันกันมา

ดังนั้น เค้าจึงคิดค้นเทวรูป มวลสาร พิธีกรรมขึ้นมา เพื่อเป็นการรับประกันชั้นหนึ่งว่า ผู้บูชาจะสามารถสื่อถึงสิ่งที่ตนนับถือได้
[HIGHLIGHT=#ffff00]  [/HIGHLIGHT][HIGHLIGHT=#ffff00]สวย รวย เก่ง หุ่นดี มีสมอง[/HIGHLIGHT][HIGHLIGHT=#ffff00]  [/HIGHLIGHT]

จริงครับ

ผมก็คิดว่าในการจัดสร้างเทวรูป คงต้องมีนัยอะไรหลายอย่างแอบซ่อนไว้  อยากให้ลองไปศึกษาหลักประติมาณวิทยาดูครับ

ดั่งนั้นผมจึงเห็นด้วยกับเจ้านางน้อยพรทิพย์

สำหรับ ความคิดเห็นของ ผม นะครับ เทพเจ้า เป็น พลังงาน อยุ่ทุกหนทุกแห่ง เพียงแค่ นึกถึงท่าน ท่านก็อยุ่ตรงหน้า เรา
แต่ผม ยังคงเห็น ด้วม กับ คุณเจ้านางน้อย นะ ครับ ที่ว่า สมาธิจิตของแต่ละคนไม่เท่ากัน แต่ถ้าคนผู้ใด มีสมาธิจิต ดี ก็จะสามารถติดต่อ กับท่านได้ง่ายขึ้น ส่วนเทวรูป ผม คิดว่า เทวรุปเป็นแค่ สื่อกลางที่ระลึกถึงท่านเพื่อบูชาและเข้าใจ เทวธรรม ส่วนเทวลักษณะ เป็นสิ่งที่ มนุษย์จินตนาการขึ้น เท่านั้น


ผมขอพูดนะคับว่าพระแม่มหามาริอัมมันไม่ไช่พระเจ้าของผมแต่พระองค์เป็นแม่คนหนึ่งที่เวลาลูกเจ็บแม่คนนี้จะช่วยและสอนให้ลูกรู้จักของคำว่า  ชิวิต  และแม่คนนี้จะอยู่กับลูกของแม่ตลอดไป    พระแม่เป็นมากกว่าพระเจ้าเป็นชิวิตและทุกๆ........ในชิวิต   โอม ...........

กระทู้ของคุณพรทิพย์ยังคงแรงเช่นเดิมนะครับ

ตามทรรศนะของผมมองเป็นสองแง่ ครับ

สำหรับประเด็นของท่านเจ้าของกระทู้ ผมคิดว่าในความหมายทั้งหมด คือ ต้องการให้เพื่อนๆ ที่กำลังบูชาเทวรูป รู้จักการบูชาเทวรูปที่ไม่เกินกำลังทรัพย์ และไม่เกี่ยวว่าเทวรูปนั้นจะทำจากเนื้ออะไร แพงแค่ไหน ไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่ใจ ไม่ใช่ที่ราคาหรือที่วัตถุครับ (ตรงนี้ผมเห็นด้วยครับ) เพราะทุกวันนี้ผมสังเกตุเห็นพฤติกรรมการบูชาเทพทั้งหลายที่ค่อนข้างจะเน้นไปทางวัตถุนิยมซะเป็นส่วนมากครับ

สำหรับผมเคยนั่งคิดว่า จริงหรือ? ที่เราหาเทวรูปราคาแพงๆ มาบูชา ถึงจะประจุพลังได้เยอะ เครื่องบูชาราคาต้องแพงอย่างงั้นหรือ
แล้วคนจนเล่า บูชาและศรัทธาเท่าชีวิต แต่ไม่มีเงินบูชาเทวรูป หรือของราคาแพง นั่นแปลว่า การบูชานั้นไร้ค่าอย่างนั้นหรือ พระองค์จะไม่รับรู้เลยเชียวหรือ ?

ผมเห็นนักพรตโยคีที่อินเดียมากมาย ที่ไม่มีเทวรูป อาศัยอยู่ตามริมถนน ริมน้ำ ก็ไม่มีเทวรูปเช่นกัน แล้วอย่างนี้พระองค์จะทรงรับรู้หรือไม่ ?

ผมเห็นการบูชาพระแม่คงคา พิธีมหาอารตี ถวายแก่พระแม่คงคา ไม่เห็นแม้เทวรูปซักองค์ พระองค์จะทราบหรือไม่ ?

สำหรับประเด็นของคุณพรทิพย์ ผมเห็นด้วยอีกเช่นเดียวกัน ในกรณีที่เป็นวัดหรือเทวาลัย ถ้าเราเดินเข้าไปเพื่อสักการะ แต่แล้วในวัด หรือเทวาลัยนั้น ไม่มีรูปเคารพอันใดอยู่เลย ก็ใช่ที่ครับ จะให้คนทึกทักเอาเองว่า ถ้าเราไหว้ที่ตรงนี้คือไหว้พระเคนช เดินไปมุมโน้นไหว้พระขันทกุมาร ก็คงไม่ใช่ครับ

คงต้องแตกประเด็นออกไปครับ ว่าเทวรูปเป็นเพียงเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ หรือทำให้ผู้บูชาอุ่นใจ เหมือนเรามีพระองค์อยู่ในบ้าน คอยดูแลไม่ว่าจะสุขหรือทุก ว่า พระองค์อยู่นะ อยู่ตรงหน้าเรา เราท่อง เราสวดมนต์หน้าหิ้งพระ เหมือนพระองค์กำลังมองเราอยู่ แต่อย่าไปคำนึงว่าเทวรูปตรงหน้าต้องยิ่งใหญ่อลังการเลยครับ แต่ถ้ามีทรัพย์อย่างเพียงพอ ทุกอย่างก็ตามสะดวกครับ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่างที่คุณพรทิพย์กล่าวครับ ต้องรักษาไว้ซึ่งเทวปกรณ์ที่ถูกต้อง ว่าเราจะบูชาเทวรูปซักองค์ควรศึกษาเทวปกรณ์ให้ถูกต้องก่อนไปบูชาครับ ตามร้านค้าส่วนมากจะเป็นเชิงพานิชย์ซะส่วนใหญ่ ถูกไม่ถูก เหมาะสมหรือไม่ ไม่สน ขอให้ขายของได้เป็นพอมีให้เห็นเยอะครับ

ศรัทธาเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ถ้าไม่ปฏิบัติ
ปฎิบัติเพียงอย่างเดียวไม่ดีพอ ถ้าไม่ศรัทธาครับ

ฝากไว้เพียงเท่านี้ครับ

พี่กาลิทัสน้องไม่แรงนะคะ

ไม่ใช่อะไรหรอกคะ ประเด็นคือ พรทิพย์ ไม่อยากให้คนที่บูชารุ่นต่อไปๆคิดว่า เทวรูป เป็นเรื่องไม่สำคัญ

ที่พี่กาลิทัสพูดเรื่องวัตถุนิยมนั้นน้องพอนทิพก็เคยเห็นมาบ้าง แต่เป็นลักษณะของศรัทธามาก อยากได้เทวรูปสวยๆ ดีๆ

แต่ในมุมกลับกัน ก็ต้องยอมรับ ว่ามีคนอีกจำนวนหนึ่งคิดว่าการบูชาเทพเป็นเรื่องลงทุน-กำไร

คนนึงบูชาตามกระแส มีคนแนะนำนู่นี่นั่น แล้วพอตอนหาเทวรูปก็เลือกแบบ..เอามาๆแบบไหนก็ได้ ถูกๆ ใช้ได้เหมือนกัน ขอพรได้เหมือนกันแล้วก็อ้างว่าทุกอย่างอยู่ที่ใจ 

กับอีกคน ต้องการเทวรูปที่งดงามที่สุด ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ ต้องการงานที่ประณีต เพราะคิดว่าการบูชาเทพไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แฟชั่น แต่เป็นการอัญเชิญเทวานุภาพของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เข้ามาสู่ชีวิตเรา ดังนั้นจึงเลือกเฟ้น คัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้


แต่ถ้าเรามองกลับกัน มันก็แค่เป็นการสะท้อนถึงศรัทธาที่เค้ามีต่อพระเจ้าองค์นั้นมิใช่หรือคะ และเทวรูปที่เค้าเลือกก็จะอยู่กับเค้าไปตลอดชีวิต


ส่วนเรื่องโยคี ท่านถือวัตรปฏิบัติเกือบทั้งชีวิตทุ่มให้พระเป็นเจ้า  ไม่จำเป็นต้องมีพลังในการสื่อย่อมต้องเยอะเป็นธรรมดาค่ะ
[HIGHLIGHT=#ffff00]  [/HIGHLIGHT][HIGHLIGHT=#ffff00]สวย รวย เก่ง หุ่นดี มีสมอง[/HIGHLIGHT][HIGHLIGHT=#ffff00]  [/HIGHLIGHT]

อ้างอิงคำพูดของคุณพรทิพย์....ตามที่คุณคิดนั้น  มีคนจำนวนอีกไม่น้อยคะที่อ้างว่าบูชาด้วยใจ ซึ่งที่จริงแอบไปทางมักง่ายมากกว่า

bopeep...ใช่ครับที่คุณพูด มีคนจำนวนไม่น้อยครับที่เป็นแบบนั้น แต่ละคนก็มีความคิดแตกต่างกันครับ อันนี้ผมไม่เถียง แต่ความมักง่ายนั้นไม่ใช่ความคิด การไม่ได้ใส่ใจในเนื้อหาที่เขียน ไม่ได้คิดแล้วก็ไตร่ตรองตาม อันนี้สิครับ คือความมักง่าย การบูชาด้วยใจนั้นเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สมควร อยากให้คุณลองคิดดูว่า ถ้าเกิดคน ตาบอด มองไม่เห็น แต่ศรัทธาพระผู้เป็นเจ้า อยากถามว่าเขาบูชาเทวรูป หรือว่าเขาบูชาองค์เทพด้วยสามัญสำนึกและจิตที่ตั้งมั่นของเขาครับ
 
อ้างอิงคำพูดของคุณพรทิพย์....เข้าใจนะคะว่าความศรัทธาที่เหลือล้น  ทุกสิ่งอย่างในจักรวาล อนันตจักรวาลคือพระแม่ พระแม่อยู่ทุกที่ทุกแห่ง จะหยิบเอาก้อนหิน เศษกรวด เศษไม้ ฯลฯ มาบูชาแล้วคิดว่าเป็นพระแม่ก็จะเป็นพระแม่ แล้วก็คิดพระเจ้ามีอยู่ทุกที่ สำคัญที่ใจ (ถ้าอย่างนั้นมาร สิ่งชั่วร้ายอยู่ที่ไหนในเมื่อทุกอณูของจักรวาลคือพระเจ้า ? )

 
bopeep...อย่างที่คุณบอกก็น่าคิดนะครับ แต่ผมกลับคิดว่ามนุษย์เป็นผู้สร้างจินตการเรื่องเทพเจ้าขึ้นเพราะเช่นนั้น มนุษย์ก็ย่อมสร้างจินตการเกี่ยวกับมารด้วยเช่นกัน ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลนี้ เป็นพระแม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นมาร ได้เช่นกัน แล้วแต่ จะเลือกทางไหน ระหว่างเทพ กับมาร


อ้างอิงคำพูดของคุณพรทิพย์ ... ถ้าทุกสิ่งอย่างมันง่าย มันสะดวกขนาดนั้น โบราณเค้าจะคิดค้นศาสตร์ด้านการสร้างเทวรูป เทวลักษณะ ปติมาณวิทยากันทำใม


bopeep...ถูกต้องนะครับ ว่ามันไม่ง่าย แต่มันก็ไม่ได้อยาก กว่าที่มนุษย์ที่จะคิดและก็จะพิจารณาในสิ่งต่าง ๆ ในเรื่องเทวรูป เทวลักษณะล้วนแล้วแต่เกิดจากการรังสรรค์ด้วยช่างออกมาในรูปแบบ ที่ผู้ศรัทธาในองค์เทพต่าง ๆ ต้องการ และ ได้ไว้เพื่อบูชา

อ้างอิงคำพูดคุณพรทิพย์...ปัจจุบันเห็นเยอะนะคะ บูชาเอาตัวเองสะดวกไว้ก่อน ไอ้นู่นไม่มี ไอ้นี่ไม่พร้อม แล้วก็ปลอบใจตัวเองกันว่า เอาน่าเราบูชาด้วยใจ (มักง่ายคะ)

bopeep...ถูกครับบูชาที่ตัวเองสะดวกไว้ก่อน อย่าเหมาว่ามักง่ายสิครับ การบูชาตามกำลังทรัพย์ที่มีอยู่ในกระเป๋า ไม่เดือดร้อนใคร

การบูชาที่ทำให้เราร้อนใจอย่างนี้สิครับแย่และมักง่าย การบูชาพระผู้เป็นเจ้าแล้วมีความสุขขณะบูชา แต่ต้องมานั่งทุกข์กับเงินที่หยิบยืมเขามาบูชา

เอาแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่สุขใจดีกว่าครับ ผมขอเป็นอีกหนึ่งเสียงครับที่เป็นกำลังใจกับผู้ศรัทธาที่ทุนทรัพย์น้อย ถ้าบูชาของไม่อลังการ แต่ว่ามีความศรทธาด้วยใจอันบริสุทธิ์ ที่อยากจะทำให้แด่พระผู้เป็นเจ้าที่เรา เคารพ สรรเสริญ ยกย่อง บูชา แบบนี้สิครับดีที่สุด


อ้างอิงคำพูดคุณพรทิพย์...เรื่องเทวรูปก็เหมือนกัน คุณไม่คิดเหรอคะว่าคนขายเขาก็มักง่ายพอกัน  ไม่มีเทวรูปแม่กาลี ก็อ้างว่า เอานี่ไปสิบูชาแทนได้ พระแม่เหมือนกัน อวตาร   ทุกอย่างเป็นมายา ถ้าคิดว่าศรัทธาชนะทุกอย่าง เทวรูป พิธีกรรม ศาสตร์บูชา ธูป กำยาน เป็นแค่น้ำจิ้มไร้สาระ......

bopeep...นั่นเรื่องของคนขายนะครับ ไม่ทราบเหมือนกัน แต่สิ่งที่ผมได้มาก็ได้มากจากชาวฮินดูชนทางตอนใต้ครับ ในอินเดียตอนใต้สมัยเก่าเขาก็บูชาพระแม่กาลี ในรูปแบบมารีอัมมันอยู่แล้วครับ ไปลองศึกษาได้นะครับ หรือ ไม่ก็ถามพี่กุหลาบขาวก็ได้ เทวรูปที่เป็นลักษณะ พระแม่กาลี แลบลิ้น เหยีบบนพระศิวะ เนี่ยเป็นแบบของช่างปั้นสมัยใหม่ แล้วมันมาถูกใจพวกที่ชอบของแรง หรอกครับ กรุณาศึกษาให้ดีก่อน และอีกอย่างนะครับ ผมไม่ได้บูชาพระแม่ต่าง ๆ ผ่านเทวะรูปครับ แต่ผมผ่านทางมนตราครับ

พิธีกรรม ศาสตร์บูชา ธูป กำยาน สิครับ ยกตัวอย่างที่ละอย่างนะครับ เรื่องพิธีกรรมนะครับ ผมเชื่อและศรัทธาในพิธีกรรมที่มีมานับ 1000 ปี ของชาวฮินดูชนแท้นะครับ ศาสตร์การบูชา ก็ต้องปฎิบัติตามหลักของศาสตร์นั้น ๆ

เอาเถิดคะ แต่อย่างน้อยพรก็ดีใจที่ยังมีคนอื่นเข้าใจในสิ่งที่บอก
[HIGHLIGHT=#ffff00]  [/HIGHLIGHT][HIGHLIGHT=#ffff00]สวย รวย เก่ง หุ่นดี มีสมอง[/HIGHLIGHT][HIGHLIGHT=#ffff00]  [/HIGHLIGHT]

กระทู้ของผมนี้ เสนอในเรื่อง การบูชาที่พอควร แก่ ตนเอง และฐานะ ด้วยความศรัทธาและความรัก ไม่อยากให้การบูชาเปลี่ยน จากศรัทธา มาเป็น แฟชั่น วัตถุ  นิยมของแพงเกินตัว เกินความเป็นจริง เกินสมควร ไม่ได้หมายความเป็นอย่างอื่นแต่อย่างใด

สำหรับกระทู้นี้ต้องขออภัยเพื่อนสมาชิกหลายท่านที่ได้ pm และ MSN ถึงผม เรื่องความไม่สบายใจที่เห็นกระทู้ดังกล่าวครับ

ผมขออนุญาติเรียนตามตรงครับ

บอร์ดทุกแห่งบนโลกไซเบอร์ ล้วนเปิดกว้างทางความคิด เปิดกว้างที่จะให้ผู้ใช้งานได้แสดงทรรศนะต่างๆ ครับ และแน่นอนต้องมีทั้งผู้คล้อยตาม และผู้ขัดแย้ง ถือเป็นสัจจะธรรมทั้งบนโลกแห่งความเป็นจริง และโลกในไซเบอร์

แต่ในความขัดแย้งนั้นๆ ขอให้อยู่บนบรรทัดฐานทางความคิด และความพยายามทำความเข้าใจ แสดงทรรศนะของตนในแบบเปิดกว้างให้บุคคลที่สามได้รับรู้ความคิดของตน แล้วให้บุคคลที่สามนั้นแสดงความคิดแสดงความเห็นว่าเค้าเชื่อฝ่ายใด เพราะเหตุใด นี่จึงถือเป็นการต่อยอดทางความรู้และความคิด และเป้นการเปิดโลกทัศน์ให้กับตัวเองครับ ว่ายังมีคนคิด ไม่เหมือนเรา เพราะสาเหตุนั้น เพราะสาเหตุนี้ นำมาคิด วิเคราะห์เหตุ และผล ครับ

ผมมั่นใจครับ ไม่ว่าศาสนาใดๆ ในโลก ล้วนต้องการก่อให้เกิดสันติภาพกับมวลมนุษย์ และเป็นปรัชญาทางความคิดให้เจริญงอกงามไปข้างหน้าครับ

สุดท้ายผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า

เพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่านแทนที่จะอารมณ์เสีย หรือ ขุ่นมัว ขอให้นำกระทู้นี้มาคิด มาวิเคราะห์ถึงแก่นแท้ที่คนทั้งสองบอกเรากันดีกว่าครับ

แนวคิดของผมที่ได้รับจากกระทู้นี้คือ

- คนเราไม่ควรยึดติดกับวัตถุ ไม่ควรเป็นวัตถุนิยม ยกวัตถุให้มีคุณค่ามากกว่าจิตใจ การบูชาพระที่มีราคาสูง ไม่จำเป็นว่าจะต้องทรงพระญาณหรือทรงพลังเสมอไป การที่เราศรัทธาและปฏิบัติบูชาต่างหากที่สำคัญ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คนทุกคนย่อมหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง ย่อมแสวงหาสิ่งที่สวยงามให้สมพระเกียรติของพระเป็นเจ้า ไม่ว่าจะเป็นเป็นเทวรูปราคาสูง หรือ เครื่องประดับตกแต่งราคาแพง ก็ไม่ใช่สิ่งผิด หรือวัตถุนิยม แต่ให้คิดว่านั่นคือเค้ามาความสามารถ หรือมีทรัพย์พอเพียงที่จะหาบูชา โดยที่ตนไม่เดือดร้อน นั่นคือ " ทำอะไรก็ตามให้เหมาะสมตามกำลังของตน " แต่ท้ายที่สุดของทั้งหมด การบูชาเทวรูป หรือหลายสิ่งหลายอย่างนั้น ก็ต้องดูเทวปกรณ์ให้ถูกต้องตามหลักเทวปกรณ์ เพื่อให้เราบูชาพระองค์อย่างสุดกำลัง ไม่มีการเคลือบแคลง หรือสงสัยอันใดในเทวรูปที่อยู่ตรงหน้า

ตรงนี้ต่างหากที่กระทู้นี้ให้ความรู้แก่ผม (ถ้าเพื่อนๆ มองแต่สำนวนที่ขัดแย้งก็จะทำให้เราได้แต่อารมณ์ขุ่นมัวครับ)

สุดท้าย อยู่ที่เราครับ ว่า เรา คิดอย่างไร เรา เห็นอย่างไรครับ

ขอบพระคุณเจ้าของกระทู้ และคุณพรทิพย์ที่มาเปิดทรรศนะในอีกแง่มุมครับ แต่พยายามอย่าเข้าเรื่องการทรงเจ้าเข้าผีนะครับ เดี๋ยวจะผิดกฎครับ


ขอบคุณสำหรับทัศนะของทั้งสองท่านเลยค่ะ ได้ทั้งข้อคิดและความรู้เพิ่มอีกมากมาย

แต่ขอฝากเอาไว้อย่างนะคะ

ศาสนาพรามห์ฮินดูถึแม้ว่าจะเข้ามาในเมืองไทยได้นานหลายร้อยหลายพันปีแล้วก็ตาม แต่ก็เพิ่งจะเริ่มเป็นที่สนใจได้ไม่นานใช่ไหมคะ กับบอร์ดที่นี่ คือสถานที่ทีีรวบรวมบุคลากรและบุคคลที่ศรัทราในระดับต่างๆกัน

อย่าลืมข้อนี้ไปสิคะ ศาสนานี้ไม่ได้ถูกสอนและปลูกฝังตั้งแต่เด็กเหมือนศาสนาพุทธ เราไม่ได้มีตำราเรียนและมีพราหม์มาสอนออกทีวี ความรู้ที่ทุกๆท่านได้รับมาก็จากการศึกษาเพิ่มกันเองทั้งสิ้น จริงไหมคะ คงจะไม่มีข้อมูลยืนยัน(บางสาเหตุ)ว่าของผู้ใดถูกหรือผิด มีเพียงแค่รู้น้อยกว่า หรือรู้มากกว่าจริงไหมคะ

ขออนุญาติใช้คำเปรียบเปรยหน่อยค่ะ

คุณว่าแกงส้มของภาคใดเป็นอาหารที่มีรสชาติถูกต้องหล่ะคะ

แกงส้มภาคเหนือที่ใส่ผักกาดจอหรือ?

แกงส้มภาคใต้ที่ใส่ขมิ้นลงไปด้วยหรือ?

แกงส้มภาคกลางที่ออกหวานกว่าเล็กน้อย?

แกงส้มภาคอีสาน (อันนี้ส่วนตัวยังไม่เคยได้ทานค่ะเลยนำมาเกรียบเทียบไม่ได้)


คุณๆทั้งหลายขา คุณว่า แกงส้มบ้านของคุณรสชาติของคุณถูกต้องตามหลักไหมคะ? หรือว่าแปรเปลี่ยนไปตามวัตถุดิบ หรือการกินอาหารของแต่ละภาค หรือของแต่ละบ้าน และคุณจะโทษไหมคะว่าแต่ละที่ทำแกงส้มไม่อร่อย ไม่ถูกหลัก


ส่วนตัวดีใจนะคะที่มีการพูดจากันและให้เหตุผลกัน แต่...คุณอย่าลืมสิคะ ที่นี่คือบอร์ดสาธารณะ ที่ศรัทราในพระองค์ท่าน ข้อมูลและความเชื่อของอีกฝ่ายนึง อาจจะดูไม่ถูกจริต ไม่ถูกต้อง หรือยังขาดความรู้ส่วนอื่นๆ ก็ได้เข้ามาพูดคุยและศึกษา สอบถามจากเพื่อนสมาชิคที่นี่

บางคนได้ความรู้จากคำบอกเล่า คำสอนที่บอกต่อกันมา ตามตำราที่สามารถหาความรู้ได้เท่าที่ตัวเองมี  และหลายๆท่านที่นี่ก็ศึกษาหาความรู้ต่อกันเอง ทั้งยังมีอีกหลายๆท่านยังศรัทราด้วยแฟชั่นของยุคสมัย  พวกเค้าทั้งหลายเหล่านั้นไม่ผิดหรอกค่ะ เพียงแค่พวกคุณให้ความรู้  ปรับความเข้าใจตามข้อมูลที่หลายๆท่านศึกษามา หรือบอกกล่าวเพื่อเป็นทาน ต่อกัน ไม่ใช่เหรอคะ

แต่ที่เห็น บอร์ดของพี่น้อง ของครอบครัว มีการแบ่งแยกกัน ใช้คำพูดกับผู้ที่ไม่รู้และไม่ถูกจริตแบบนี้หรือ หรือพวกท่านทั้งหลายใช้คำพูดแบบนี้กับพี่น้องหรือเพื่อนของท่านหรือคะเวลาอธิบายกัน?



ป.ล.ส่วนตัวในกระทู้นี้ดิชั้นมิได้ติดติงใครหรือเข้าข้างผู้ใด หรือแม้กระทั่งท่านเจ้าของกระทู้นี้ก็ตาม(ขออภัยด้วยที่มาตอบในกระทู้นี้) แต่พูดมากจากใจจากสิ่งที่เห็นค่ะ ถ้าทำให้ผู้หนึ่งผู้ใดขัดข้องใจ หรือโกรธแค้นก็ต้องขออภัยมานะขณะนี้ด้วยนะคะ

ป.ล. 2 ทุกตัวอักษรมาจากความคิดเห็นส่วนตัวที่นำมาบอกกล่าวให้เพื่อนๆสมาชิคทั้งหลายค่ะ หวังว่าคงจะไม่ลบหรือตัดทอนสิ่งใดๆไปนะคะ
Om Shrim Maha Lakshmiyei Swaha

ถูกต้องนะครับ ที่พี่ยีน กับ พี่แม่หญิงฟองแก้ว พูด ผมในฐานะผู้ศรัทธาในเทพเจ้า และก็เป็นชาวพุทธ ซึ่งการบูชาของผมจะขึ้นอยู่ด้วยเหตุและผลทั้งสิ้น ตามที่ได้ดดนสั่งสอนมา และในสมัยนี้ก็จริง ที่คนบางส่วนที่บูชาตามกันเป็นแฟชั่น แล้วนำวัตถุมาเป็นเครื่องยึดติด ผมจึงตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อให้แง่คิดบางมุมที่ผมปฏิบัติ อยากให้ผู้ศรัทธานั้น คิดให้ดีและ ตระหนักให้มาก ในการที่จะทำการบูชา และอยากให้สมกับฐานะ ความรู้ที่มีในเรื่องนี้ เพราะเราไม่ได้เป็นชาวฮินดูชนในสายเลือด และก็ไม่ได้ร่ำเรียนในเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็ก ไม่ได้โดนปลูกฝังมาในเรื่องนี้โดยเฉพาะ จึงอยากให้ผู้ศรัทธาที่เพิ่งเริ่มบูชาคิดให้ดีก่อนที่จะบูชาพระผู้เป็นเจ้าว่าต้องการอะไรหาหลักในการบูชาให้ดี และวัตถุหรือเทวรูปที่ผมตั้งเป็นกระทู้ ก็อยากให้คิดให้ดี ให้สมฐานะ ให้พอเหมาะ และพอเพียง อย่างบางท่าน ต้องอดเพื่อเก็บเงินซื้อเทวรูป อันนั้นย่อมไม่ผิดที่ต้องการอยากได้ของสวยงาม แต่ถ้าไม่มีความพอดี เมื่อมีองค์นี้แล้ว ไปเห็นองค์นี้ในรูปแบบอื่น ก็มีความต้องการอีก ถูกต้องไหมครับ แล้วต้องอดกันอีกกี่มื้อถึงจะพอกับความอยากที่ตัวเองมี จึงมาให้แง่คิดว่าจะบูชา อะไรก็ขอให้คิดและพิจารณาด้วยเหตุผลให้ดีเสียก่อน ผมว่าท่านก็คงจะคิดเหมือนที่เราคิดจะหาเทวรูปให้สมฐานะของพระองค์ท่านในฐานะลูกผู้ศรัทธาท่านก็คงคิดในฐานะแม่และพ่อว่าสิ่งของที่ลูกหามาให้สมฐานะของท่านต้องแลกมาด้วยการอดของลูกท่านก็คงไม่สบายใจ จึงอยากให้ท่านทั้งหลายอยู่ในความพอดี ดีที่สุดครับ

ขอบพระคุณท่านเจ้าของกระทู้ท่ได้ให้แง่คิดดีๆกับสมาชิกทั้งเก่าและใหม่ของบ้านหลังนี้ครับผม
 

พฤษภกาสรอีกกุญชรอันปลดปลง
   โททนต์เสน่คงสำคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวายมลายสิ้นทั้งอินทรีย์   สถิตทั่วแต่ชั่วดีประดับไว้ในโลกา

แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์      มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด   ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน

ประวัติพระแม่องค์นี้ มีไม่เยอะหรอกครับ
แล้วที่ดังเพราะเรื่องฝีดาษระบาด

ประวัติคือผู้หญิงคนนึงเกิดในวรรณะกษัตริย์แล้วเป็นเมียของพรหมฤษีตนนึง แล้ววึงนึกเห็นคนพลอดรักเกิดกิเลศทำให้ตบะมัวหมอง ฤษีสั่งให้ลูกชายตนเองตัดหัวนางคนนั้น ภายหลังลูกขอพรให้ชุบชีวิตแม่ใหม่และมีความบริสุทธิ์........ประวัติมีอยู่แค่นี้

แล้วแนวคิดบางอย่าง ที่ว่าดีเลิศ หรือดูแล้วลึกซึ้ง เป็นแนวคิดสมัยหลังๆ

เพราะของเดิมจริงๆคือการเซ่นสรวงเทพเจ้าด้วยเหล้ามีการบูชาไฟรวมไปถึงการฆ่าสัตว์บูชายัญ.......ไม่มีแนวคิดลึกซึ้งอย่างที่เข้าใจหรอกครับ

ส่วนที่คุณข้างบน บอกว่าคนอินเดียใต้สมัยเก่าบูชาพระแม่กาลีในรูปของมารีอัมมัน
อินเดียใต้บูชาพระแม่กาลียังไงผมไม่ทราบ แต่เรื่องราวเทพนิยาย เทพนิยายแบบพระเวท หรือปุราณะ ส่วนใหญ่มาจากอินเดียเหนือ
ภายหลังแนวคิดแบบอารยันก็เข้ามาผสมกับแนวคิดคนพื้นเมือง โยงเรื่องราวเพิ่ม แต่งให้พิศดาร เช่น พระแม่กาลีคือพระแม่มารีอัมมัน......เป็นแนวคิดของคนที่นับถือพระแม่มารีอัมมันเท่านั้น

แล้วอินเดียใต้ ส่วนใหญ่บูชาเทพบนดิน เทพสตรี เทพอสูร หรือบุคคลในตำนาน บุคคลในประวัติศาสตร์ หรือพวกเทพนักรบต่างๆ
ถ้าพูดภาษาชาวบ้าน พระแม่มารีอัมมัน คือ"เทพารักษ์ประจำเมือง"ในอินเดียใต้ และพระแม่มารีอัมมัน บางทีเขาเรียก พระแม่สมยปุรัม คือ พระแม่แห่งเมืองสมยปุรัม

เพราะในอินเดียใต้เอง พระแม่มารีอัมมัน คือเทพท้องถิ่นที่คนนับถือมากเท่านั้น

ครับ ในเรื่องประวัติ ผมก็พอ ทราบมาบ้างนะครับ เพราะว่า เคยมีรุ่นพี่ที่ เรียนอยู่ ในเจนไนเคยเหล่าให้ฟัง ในเรื่องอารยะธรรม ขอบคุณมากครับ ที่นำเสนอให้ได้รู้ถึงประวัติครับ

ผมขอฝาก  ปัจฉิมโอวาทจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้เตือนทุก ๆ ท่านนิดนะครับ  อันนี้ผมฝากไว้เป็นความเห็นส่วนตัว

ปัจฉิมโอวาท พระพุทธโอวาทครั้งสุดท้าย

"หันทะทานิ ภิกขะเว อามันตะยามิ โว
วะยะธัมมา สังขารา
อัปปะมาเทนะ สัมปาเทถะ "

"ดูกร ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราขอเตือนท่านทั้งหลายว่า
สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
ท่านทั้งหลาย จงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด ฯ"



ถ้าทุกท่านบูชาองค์พระเป็นเจ้าอย่างงมงาย บูชาด้วยเทวรูปราคาแพง เครื่องบูชาราคาแพง พร่ำมนต์ตลอดเวลาโดยหวังแต่รอพระพรจากพระเป็นเจ้าโดยไม่คิดทำการงานใด ๆ เลย นั่นก็คือ ท่านกำลังตกอยู่ในความประมาท กำลังประมาทเป็นทาสของความโลภ ความหลง

ถ้าทุกท่านบูชาอย่างที่กระทู้อื่น ๆ บอก บูชาด้วยใจ ไม่คิดอะไร ก็ผมบูชาด้วยใจ ก้อนหินก็ไหว้ได้  ผมว่าท่านก็กำลังก้าวเข้าสู่ความประมาท ประมาทในการทำความดี ประมาทในการทำความเพียร

ซึ่งผมว่าความประมาททั้งสองอย่าง องค์พระเป็นเจ้าท่านคงไม่ปลื้มเป็นแน่แท้  ผมจึงคิดว่า ศาสนาทั้งของฮินดูและของพุทธ คงต่างมีจุดที่คล้ายคลึงกันก็คือ ให้ดำเนินชีวิตแบบทางสายกลาง  ท่านมีเทวรูป ท่านก็บูชาเทวรูปของท่านตามกำลังทรัพย์ ตามแต่ต้องการ เมื่อมีกำลังพอจะซื้อหาได้ ก็หาเช่ามาเป็นองค์ ๆ ไป ไม่ใช่จะซื้อเทวรูปทองเหลืองหน้าตัก 1 ฟุต ในขนาดที่ท่านอยู่ห้องเช่าเท่ารังหนู มันก็ไม่เหมาะสม หรือ จะบูชาด้วยใจ ไหว้ก้อนหินก็ได้ ถ้าเช่นนั้น ท่านไม่ต้องไปลำบากหาก้อนหินหรอกครับ  เพราะผมแน่ใจว่า ถ้าท่านหาก้อนหินเพื่อมาบูชา ท่านก็ต้องหาก้อนสวย ๆ ลักษณะดี ๆ เหมือนกัน

ผมว่า ปัจฉิมโอวาทของพระพุทองค์น่าจะใช้ดีกับคนที่กำลังประมาท และเกือบประมาทนะครับ

ปล. ไม่ได้พาดพิงเน้อ อยากแสดงความคิดเห็นเพื่อได้คุรุอย่างเค้ามั่ง
[HIGHLIGHT=#ffffff][HIGHLIGHT=#000000]โอม...ตวะเม ตวะมาตา จะ บิตา ตวะเมวะ[/HIGHLIGHT][/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffffff][HIGHLIGHT=#000000][/HIGHLIGHT][/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffffff][HIGHLIGHT=#000000]ตวะเมวะ พันธุศจะ สะขา ตวะเมวะ[/HIGHLIGHT][/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffffff][HIGHLIGHT=#000000][/HIGHLIGHT][/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffffff][HIGHLIGHT=#000000]ตวะเมวะ วิทะยา ทรวิณัม ตวะเมวะ[/HIGHLIGHT][/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffffff][HIGHLIGHT=#000000][/HIGHLIGHT][/HIGHLIGHT][HIGHLIGHT=#ffffff][HIGHLIGHT=#000000][/HIGHLIGHT][/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffffff][HIGHLIGHT=#000000]ตวะเมวะ สรวัม มะมะ เทวะ เทวะ [/HIGHLIGHT][/HIGHLIGHT]

ชอบ ชอบ ชอบ ครับ ความเห็นของ คุณ โอม เจ โอม เจ ชอบ มาก ๆ

บางทีเราเอาคำพูดคนๆเดียวมาตัดสินไม่ได้ อย่างคำพูดเจ้าของร้านเทวรูป โดยเฉพาะในอินเดียใต้
ไม่ได้พาดพิงใครนะครับ

เพราะเป็นที่รู้กันว่า แนวคิดเรื่องเทพเจ้าของอินเดียใต้ ไม่เหมือนกับทางอินเดียเหนือ และอินเดียใต้ก็ไม่ได้นับถือเหมือนกันหมด

ที่สิงคโปร์ มีวัด ศรีวิรามกาลีอัมมัน ก็ไม่รู้ว่าคือวัดพระแม่อัมมันหรือวัดพระแม่กาลีกันแน่ แต่ที่แน่ๆเป็นวัดอินเดียใต้.........ก็รู้ๆอยู่ว่าอินเดียใต้นับถือไม่เหมือนชาวบ้าน ไม่เหมือนคนอินเดียส่วนใหญ่

ทั้งที่ในอินเดียใต้เอง พระแม่มารีอัมมันก็ไม่ได้นับถือเยอะ
ส่วนใหญ่ก็เป็นพระศิวะ พระวิษณุ พระขันทกุมาร พระพิฆเนศ พระแม่ลักษมี พระแม่ทุรคา และเทพหรือพระแม่บางองค์ที่มีประวัติเกี่ยวกับมหาเทพโดยตรง เช่น พระอัยยัปปา พระแม่อาณฑาล พระแม่กามากษี พระแม่มีนากษี บางทีมีการนับถืองู

อย่างอินเดียเหนือ พระแม่กาลีคือพระแม่กาลี พระแม่สุรัสวดีคือพระแม่สุรัสวดี จะปนกันไม่ได้

เออ คุณพิษประจิม จะสื่ออะไรหรอครับ ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ อันนี้ผมก็ไม่รู้นะครับ ว่าอินเดียเหนือเป็นอย่างไร และ อินใต้เป็นอย่างไร เพราะผมเป็นคนไทย ที่นับถือ เทพเจ้า ฮินดูตามแบบฉบับ คนไทยคนหนึ่ง ที่จะสามารถบูชาได้ ผมเป็นผู้ศรัทธาครับ ไม่ใช้ กูรู หรือ กูรู้ดี ครับ ผมรู้เท่าที่รู้ และก็ไม่ได้ อิงแอบแนบ หนังหน้า ทำเป็นรู้ ด้วยครับ เพราะ สิ่งเหล่า เป็นอารยะธรรมของชาวอินเดีย ที่มีมานับพันปี ผมมิกล้าที่จะสรุปว่า เป็นแบบไหน นะครับ แต่กับสิ่งที่คุณรู้มาก็เป็นความรู้ ที่ดีนะครับ ขอบคุณ แต่ไม่ขอเก็บไว้นะครับ เพราะคนละประเด็น อันที่จริง ผมนับถือทาง ศักติด้วยสิครับ พระแม่มกาศักติ - ศิวา ใหญ่สุดสำหรับผม เทพสตรีทุกพระองค์สำหรับผม เกิดจักพลังแห่งศักติ ครับ ผมรู้แค่มาพระแม่ทุกพระองค์ล้วนแล้วแต่เกิดจากพลังแห่งศักติ เสมือน มีดินอยู่ ที่ก้อนใหญ่ ๆ มาก ๆ แล้วเอามาแบ่งปั้นเป็น พระแม่องค์นั้น องค์นี้ แต่ถ้า เรานำ ดินที่ปั้นพระแม่ทุกพระองค์ เอามารวมกัน มันก็เป็นดินก้อนเดียวกัน ไม่ใช่หรอ ครับ ไม่รู้นะครับ ส่วนตัวแล้วคิดแบบนี้นะครับ แล้วอีกอย่างนะครับ อินเดียใต้ เป็นชาวฮินดูที่บูชาเทพเจ้า มาก่อนอินเดียเหนือ ซึ่ง อินเดียเหนือส่วนมากจะเป็นแขกขาว หรือชาวอารยัน ที่เข้ามารุกราน ชาวอินเดียแต่เดิม ดูได้จาก รามยณะ นะครับ คุณปัจจิม

ก็ใช่ไงครับ
อินเดียใต้บูชาเทพมานานแล้ว

แต่ที่แน่ๆ หลักฐานการบูชาเทพของอินเดียใต้ ส่วนใหญ่รับอิทธิพลมาจากอินเดียเหนือ
เพราะส่วนใหญ่อินเดียใต้นับถือเทพดิน เทพสตรี รวมไปถึงเทพที่เป็นอสูร อย่าง ท้าวกุเวร พิเภก ก็ถือเป็นกษัตริย์ลงกาองค์นึง

แต่ที่แน่ๆ เทพอารยันที่คนอินเดียใต้ส่วนใหญ่นับถือพระศิวะ พระแม่หลายๆองค์ของอินเดียใต้ ส่วนใหญ่มาจากเรื่องเกี่ยวกับพระศิวะทั้งนั้น

ครับ อย่างที่ท่านทั้งสองได้กล่าวไว้ด้านบน

การบูชาเทพเจ้าของทั้งสองดินแดน คือ อินเดียเหนือ และ อินเดียใต้ นั้น แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดครับ

เริ่มตั้งแต่สิ่งที่เห็นได้ง่ายที่สุด คือ

1. สถาปัตยกรรม



ภาพด้านบนเป็นวัดที่สร้างในรูปแบบของวัดทางอินเดียเหนือ

ภาพด้านล่างเป็นวัดที่สร้างในรูปแบบวัดของทางอินเดียใต้




2. การแต่งกายของพราหมณ์
3. มนตราบูชา
4. พิธีกรรม
5. เทพเจ้าบางพระองค์ที่ปรากฎในอินเดียเหนือก็ไม่ปรากฎให้พระนามในอินเดียใต้
และในขณะเดียวกันเทพเจ้าบางพระองค์ก็ปรากฎเฉพาะในอินเดียใต้ แต่ไม่ปรากฎพระนามในอินเดียเหนือ

นอกจากข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดๆ ดังกล่าวแล้วยังมีความแตกต่างอื่นๆ อีกมากมายที่เป็นรายละเอียดปลีกย่อยครับ

ศาสนานอกจากจะพยายามคงเค้าโครงหรือรากฐานเดิม ที่สืบสานมาตั้งแต่ต้นให้มากที่สุดแล้ว ยังมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา วัฒนธรรม การดำรงชีวิต การเมืองการปกครอง

ดังนั้นแล้ว อย่าสงสัยเลยครับ ว่าใครจะนับถือศาสนาฮินดูแบบใด หรือ นิกายใด เพราะมีมากมายเหลือเกินในอินเดีย ไม่มีใครหรือนิกายใดใหญ่กว่านิกายใด เพียงแต่เรารักและศรัทธา และดำเนินชีวิตไปตามหลักธรรมของศาสนา หรือ นิกายนั้นๆ ที่ตนนับถือก็เพียงพอ

ผมเชื่อว่าไม่ว่าศาสนาใดๆ ในโลก ไม่มีศาสนาใดสอนให้คนเป็นคนเลว เพียงแต่มีวิธีสอนคนในรูปแบบไหน เท่านั้นเองครับ ที่สำคัญครับ

สุดท้าย สามสิ่งที่ผมยึดถือมาตลอดมากกว่าศีลใดๆ ในโลก (ความคิดของตัวผมเองนะครับ)

1. กายสุจริต
2. วาจาสุจริต
3. ใจสุจริต

ลองใช้ธรรมะข้อขันติ เป็นพื้นฐาน เพื่อก่อให้เกิดสามข้อด้านบนนะครับ ถือเป็นการฝึกจิตที่ดีเลยทีเดียว
แล้วถอยหลังมาใช้สติพิจารณา

" สติมา ปัญญาเกิด "




อ่านรีพายของคุณกาลิทัศแล้วก็ใช่ค่ะ เป็นเช่นนั้นจริงๆ และขอบคุณข้อความของคุณโอมเจ โอมเจ(น้องปอ)ที่นำเอาปัจฉิมโอวาทของพระพุทองค์มาเตือนสติด้วยค่ะ

แล้วเพื่อนสมาชิคทุกๆท่านที่อ่านผ่านๆกันไปหล่ะค่ะ ได้มองย้อนดูตัวเองในสิ่งที่ทำกันไหม (เฉพาะบางท่านที่ยังยึดมั่นถือมั่น)

แตกแยกแตกฝ่าย พึงแต่ใช่วาจาทำร้ายกันเพียงเพื่อไม่ให้ผิดกฎ เห็นแล้วก็เหนื่อยแทนคนที่เค้าควบคุมบอร์ดค่ะ
Om Shrim Maha Lakshmiyei Swaha

เวปนี้ เป็นเวปที่ดีนะครับ นอกจากเจ้าของเวป และ ผู้ดูแล ที่มีความรู้ในเรื่อง ศรัทธา แล้ว ยังรวบรวม ผู้รู้ ทุกสารทิศมาอยู่ที่ เวปนี้อีกนะครับ ไม่น่าละครับ เจ้าของเวป แล้วก็ผู้ดูแล จึงเหนื่อย เข้าใจและ จนบ้างครั้ง คนที่ไม่รู้ อยากจะรู้ หรือ อยากจะเสนอความรู้ของตัวเองที่มี อยู่เพียงน้อยนิด ยังไม่กล้าที่จะเสนอเลย เพราะมี ผู้รู้เยอะนี่เอง เห็นใจนะครับ พี่ยีน สู้ สู้ สู้ ครับพี่ยีน

โอม อัสสะกุระมารี อาม๊า อัมมัน ยุงยุงแลมา นันทีเนอ มาจะดูกูอัดรู มาตุมซี

อิสระกุมารี นะมะฮา ปุงตุง ..... ฮัลโหล

ขอพระแม่ประทานพรเพื่อให้เกิดสันติภาพในกระทู้นี้ครับ นี่คือสิ่งที่ท่านต้องการจะสื่อ

July 20, 2010, 21:22:10 #38 Last Edit: July 20, 2010, 21:24:30 by บุตรมาเตศวรีศรีมหาอุมาเทวี
ผมอยากให้ผู้ที่มาอธิบายหรือให้ความรู้   
ใช้คำที่เรียบง่ายเข้าใจได้ง่ายครับ 
แต่ไม่ควรขาดรายละเอียดเช่นชื่อ  วรรณะ  หรืออื่นๆ
เพราะบางครั้งเมื่ออธิบายแล้วไม่ให้รายละเอียดมากพอ 
หรือไม่อธิบายความคิด  ความรู้ที่เรามีอยู่อย่างชัดเจน
อาจจะทำให้ผู้อ่านท่านอื่นเกิดความเข้าใจผิดได้ครับ 
อีกทั้งการใช้่ภาษาที่ดูห้วนๆ  และจ้องจับผิดความคิดคนอื่นมากเกินไป
ก็ทำให้เกิดปัญหาได้ครับ  เพราะมีหลายท่านที่นับถือพระมารีอัมมัน
หลายๆท่านก็คงจะทราบประวัติมากพอสมควร
แต่การใช้ภาษาที่ไม่เหมาะอาจเป็นการดูถูกสิ่งที่บุคคลอื่นเคารพนับถือครับ
อย่าคิดว่าคนอื่นจะไม่รู้เสมอไป  ควรให้เกียรติกันครับ

กรณีที่ไม่สามารถปรับลักษณะการตอบได้
ผมว่าเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉยดีกว่าครับ 
ดีกว่าทำให้เกิดเรื่องเปล่าๆ  ทางผู้ดูแลจะเหนื่อยมากขึ้น

ผมเป็นกำลังใจให้ทั้งเจ้าของกระทู้ที่ให้แนวคิดต่างๆ
ที่เป็นประโยชน์สำหรับคนที่เริ่มบูชาใหม่ๆ
หรือแม้แต่ผู้ที่บูชามานานแต่ยังหลงผิดทางอยู่ครับ
และขอขอบคุณผู้ที่มาตอบและให้ความรู้ด้วยครับ

โดยส่วนตัวผมเคารพพี่ๆที่มาให้ความรู้หลายๆท่าน  เช่น  คุณหริทาส  คุณกาลิทัส ครับ
เพราะพี่ๆเขาอธิบายได้เข้าใจง่าย  ไม่ต้องมานั่งตีความทีหลัง  ผมว่าเป็นแบบอย่างที่ดีเลยครับ

ขอบพระคุณเว็ปมาสเตอร์ที่กรุณาสร้างบ้านหลังนี้เพื่อประโยชน์ต่อบุคคลส่วนรวมครับ

ขอบพระคุณครับ
 

พฤษภกาสรอีกกุญชรอันปลดปลง
   โททนต์เสน่คงสำคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวายมลายสิ้นทั้งอินทรีย์   สถิตทั่วแต่ชั่วดีประดับไว้ในโลกา

แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์      มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด   ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน

Quote from: บุตรมาเตศวรีศรีมหาอุมาเทวี on July 20, 2010, 21:22:10
ผมอยากให้ผู้ที่มาอธิบายหรือให้ความรู้   
ใช้คำที่เรียบง่ายเข้าใจได้ง่ายครับ 

ถ้าให้เป็นแบบนี้ จะยอมรับความเห็นได้รึเปล่าครับ?

เหมือนคำ2คำ อธิบายให้คนบางกลุ่มฟัง เช่นคำว่า
เทพเจ้าท้องถิ่น กับคำว่า ผีพื้นเมือง

แค่2คำนี้ เวลาสื่อสารกับคนอื่น ก็สัมผัสได้ถึงfeelingของผู้พูดได้ดี แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าพูดให้คนกลุ่มไหนฟัง

แต่ในบางครั้ง ถ้าอธิบาย แล้วใช้คำแบบคำแรก
ถ้าเอาไปพูดคุยกับคนที่ยังไม่เข้าใจ เป็นมือใหม่ ส่วนใหญ่จะ"งง"มากกว่าเข้าใจ เวลาใช้คำที่ดูดี หรือใช้ศัพท์ทางศาสนา ภาษาวิชาการ.....แต่มันอาจจะเข้าใจยากหน่อย และบางทีก็ขอไม่กล่าวตรงๆ เพราะไม่อยากให้เกิดผลกระทบแรงๆ
และคิดต่อว่า"คนๆนี้พูดอะไรเนี่ย" "ไม่เข้าใจ?" "คนๆนี้พูดไม่รู้เรื่อง"

ถ้าอธิบายด้วยคำหลัง เช่น ผีพื้นเมือง
คราวนี้เขาอาจเข้าใจชัดเจน แต่อาจมองว่าพูดไม่รู้กาลเทศะ ไม่ให้ความเคารพยำเกรง.....แต่คนๆนั้นอาจไม่เข้าใจภาษาที่เป็นวิชาการ ไม่เข้าใจศัพท์ทางศาสนา คนที่พูดด้วยเขาอาจใช้ภาษาธรรมดา ที่คนฟังเข้าใจง่าย

บางทีผมก็อยากให้คนที่อ่านบอร์ด เข้าใจเจตนาของคนที่แสดงความเห็น รวมไปถึงผมด้วย ถึงแม้บางครั้งใช้ภาษาที่ดูห้วนๆ เพราะถ้าใช้คำสูงๆ คำที่ดูเป็นวิชาการ คนอาจไม่เข้าใจ 

เหมือนการที่ผมอธิบายเรื่องพระแม่ และใช้คำว่า"เทพารักษ์"เพราะต้องการให้คนอ่านเข้าใจง่าย อ่านแล้ว"เห็นภาพ"

เพิ่มเติม เพื่อความชัดเจนครับ