ชุมชนคนรัก...ฮินดู (HINDUMEETING)

Hindu สนทนา => ชุมชนคนรัก...ฮินดู => Topic started by: zciencez on January 12, 2012, 21:17:56

Title: ขอรบกวนถาม??????
Post by: zciencez on January 12, 2012, 21:17:56
สวัสดีครับ
       
        ขอรบกวนถามหน่อยนะครับว่าใครได้เคยดูหนังอินเดียเรื่องที่เกี่ยวกับประวัติ พระแม่มีนัคชี บ้างครับ

คือผมเคยเปิดไปเจอในช่องดาวเทียมของ MVTV ที่จะเอาพวกหนังอินเดียมาฉายอะครับ   แต่ว่าพอดีเปิดมา

เจอตอนที่เรื่องนี้ใกล้จะจบแล้วอะครับ  เป็นตอนที่พระแม่มีนัคชีแต่งงานกับพระสุนทเรศวร   ก็เลยอยากจะทราบ

ชื่อเรื่องนี้อะครับจะได้ไปหาวีซีดีมาดู   รบกวนผู้ที่เคยดูแล้วช่วยบอกหน่อยนะครับ

        หรือถ้าใครมีวีซีดีเรื่องนี้อยู่แล้วก็ช่วยส่งไฟล์หนังมาแบ่งกันดูก็ดีนะครับ

                                                   ขอบคุณครับ
Title: ตอบ: ขอรบกวนถาม??????
Post by: panjamin on January 13, 2012, 09:55:19
ชื่อเรื่องตำนานปาฏิหาริย์เจ้าแม่เทวีครับถ้าจำไม่ผิด ดูเรื่องนี้เหมือนกันครับดูตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบเลย
Title: ตอบ: ขอรบกวนถาม??????
Post by: zciencez on January 13, 2012, 13:52:59
ขอรบกวนพอจะเล่าเรื่องย่อของเรื่องนี้ให้อ่านหน่อยได้ไหมครับ
Title: ตอบ: ขอรบกวนถาม??????
Post by: panjamin on January 14, 2012, 18:17:49
เมื่อครั้นที่พระฤๅษีอากาธิญาณได้ทำพิธีสักการะพระศิวะเจ้า และได้ขอพรว่า ขอให้ตนได้ยินยลการเริงระบำอันศักดิ์สิทธิ์ของพระแม่เจ้าปารวตี และพระสดาศิวะ ด้วยเทอญ คำขอนั้นทำให้พระผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองทรงลุกขึ้นจากสมาธิและออกมาร่ายรำตามคำขอนั้น แต่แล้วการร่ายรำก็ได้สะดุดลง เนื่องจากต่างหูของพระแม่ได้หลุดออกในขณะทรงระบำ พระองค์ไม่อยากหยุดร่ายรำจึงใช้พระบาทหนีบต่างหูขึ้นมาเหน็บไว้ที่ข้างพระกรรณของพระองค์ พระแม่เจ้าปารวตีเห็นดังนั้นจึงทรงพิโรธเป็นการมาก เพราะถือว่าพระศิวะได้หยามพระนางโดยการใช้เท้าหนีบต่างหูอันเป็นเครื่องหมายแห่งพระนางที่เป็นเหมือนขุมพลังของพระศิวะเจ้า พร้อมกับตำหนิพระศิวะด้วยโทสะอันรุนแรงจนทรงเผลอตรัสออกไปว่า พระศิวะทรงเป็นโยคีนุ่งห่มหนังเสือหนังหมีป่าเถื่อน ทรงมีสังวาลย์เป็นอสรพิษน่าขยะแขยง และทรงมีตาที่สามประหลาดแท้ พระศดาศิวะฟังดังนั้นจึงพิโรธมากได้ทรงร่ายคำสาปให้พระแม่ปารวตีเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง พระนางทรงเศร้าเสียใจเป็นอันมากที่ได้ดูถูกพระสวามีเช่นนั้น แต่เมื่อคำสาปได้ถูกสาปออกไปแล้วพระนางจึงต้องลงมาเกิดเป็นพระราชธิดาของกษัตริย์เมืองปาเดียน ในสังคมของชาวทมิฬ โดยการนำพาของพระวิษณุเจ้า ซึ่งมีศักดิ์เป็นพระเชษฐาของพระองค์
      พระนางได้ทรงกำเนิดอีกครั้งจากกองไฟที่กษัตริย์และราชินีเมืองปานเดียนทำการบูชาเพื่อขอบุตร พระนางทรงถือกำเนิดเป็นเด็กสาววัย 3 ขวบ ลอยอยู่เหนือกองไฟ บนพระอุระของพระนางปรากฎพระถันถึง 3 จุดด้วยกัน กษัตริย์ปานเดียนและราชินีต่างพอพระราชหฤทัยมากและรับเป็นบุตรสาวทันที โดยตั้งพระนามว่า ธาดาทาไก หรือแปลว่า ผู้ที่กำเนิดจากพระอัคนี
        พระนางทรงเติบโตขึ้นด้วยความห้าวหาญ ดุร้ายดุจบุรุษเพศ ทรงเก่งกล้าสามารถทั้งเวทย์มนต์ การต่อสู้ และทรงเป็นเอกกวีที่หาใครเทียบยาก เล่ากันว่า พระนางมักจะปลอมพระองค์เป็นสาวชาวบ้านออกไปนิเวศน์พระนครปาเดียนอยู่บ่อยๆ และได้ทรงช่วยเหลือผู้คนไว้มากมาย
        ครั้งหนึ่งที่เกิดช้างพลายตกมันบุกเข้าพระราชฐาน หากองทหารและควาญช้างผู้ใด ก็ไม่สามารถหยุดช้างตกมันเชือกนี้ได้ พระนางเพียงเดินเข้าไปลูบหัวช้างตัวนี้ ก็กลับเชื่องทันทีสร้างความอัศจรรย์ใจแก่ชาวเมืองเป็นอันมาก เมื่อพระนางเจริญพระชรรษาได้20ปี ทรงได้ปกครองเมืองแทนพระราชบิดา โดยมีพระนามที่ฤๅษีอากาธิญาณตั้งมาใหม่ว่า มีนาคชี แปลว่า ตาปลา กล่าวคือ ปลาในแม่น้ำคงคาวางไข่ไว้ในตาตัวเอง และประทังความหิวโดยการมองลูกๆของมันเติบโตอย่างมีความสุข พระแม่มีนาคชีได้ทรงปกครองเมืองด้วยความห้าวหาญและเข้มแข็ง ดุจขุนศึกนักรบ พระนางทรงเลิกธรรมเนียมที่ผู้หญิงต้องนำของหมั้นไปให้แก่ฝ่ายชาย และที่สำคัญพระนางทรงเลิกประเพณีการบูชาพระอินทร์
      ที่ต้องปล่อยฝูงม้าพหุปการ100ตัว หากไปหยุดที่เมืองใดก็ต้องมีการประหัตประหารกันเพื่อแย่งชิงดินแดน โดยพระนางกล่าวว่า การบูชาพระอินทร์ดังกล่าวไม่ได้สร้างความเจริญอะไรเลย พระอินทร์ทรงรับรู้และทรงพิโรธเอามาก ได้ส่งกองทัพเทวดาลงมาปั่นป่วนเมืองปานเดียนให้วอดวาย แต่พระศิวะทรงทราบก่อนจึงทรงแปลงพระองค์เป็นชายหนุ่มมาช่วยพระแม่มีนาคชีต่อสู้จนได้รับชัยชนะ หลังจากนั้นพระแม่มีนาคชีได้แต่กองทัพพร้อมกับหญิงรับใช้นามว่า สุมาธิ ขึ้นไปบนวิมานของพระอินทร์ เหล่าเทวดาทราบได้หนีกันอลหม่านโดยมีเพียง พระวายุเทพ พระอัคนีเทพ พระวรุณเทพ และพระยมเทพรับหน้า แต่ทั้งหมดก็ไม่อาจทำอะไรพระนางได้ เพราะพระนางทรงมีพระบุญญาณุภาพที่สูงส่งกว่า พระอินทร์หนีไปเข้าเฝ้าขอร้องพระศิวะให้ช่วยตน และหลบซ่อนอยู่ที่เขาไกรลาศนั่นเอง เมื่อพระแม่มีนาคชีรู้ข่าวจากเทวฤๅษีนารัท จึงติดตามไปที่ไกรลาศ แต่พระโคนันทิห้ามไว้

(https://forum.hindumeeting.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fwww.hindumeeting.com%2Fimages%2Fstories%2Fimages%2Fmeenakshi001.gif&hash=6f46862f6cba3d14aa71c83b2a68e2e1778ffe99)

จึงถูกทำร้ายจนสาหัส ความร้อนไปถึงพระศิวะทรงออกมาพบกับพระแม่มีนาคชี ทันใดนั้นความดุร้าย ห้าวหาญเยี่ยงบุรุษเพศและพระถันที่สามของพระนางได้เลือนหายไป ทรงทิ้งอาวุธและทรงมีความเขินอายดั่งสตรีเพศเมื่อทรงทอดพระเนตรเห็นพระศิวะ คำสาปของพระศิวะได้หมดสิ้นไป และได้ทรงสยุมพรกับพระศิวะอีกครั้งหนึ่ง
        ในวันที่ทรงอภิเษกนั้นเทพจักรวาลทั้งหลายต่างมาชุมนุมกันที่นครปานเดียน พระแม่มีนาคชีทรงแต่องค์ทรงเครื่อง และไดทรงทำทักษิณานุปาทาน 7 รอบกองไฟบูชา โดยการนำพาของพระวิษณุเจ้า (เป็นองค์แบ่งภาคของพระศิวะที่อธิษฐานขึ้น เกิดมาใหม่นามว่า พระหริหระ) เข้าสู่พิธี ในงานนั้นพระศิวะได้ทรงเนรมิตอสูร* ขึ้นตนหนึ่ง เพื่อสร้างแม่น้ำสายสำคัญในเมืองปานเดียนขึ้นคล้ายๆกับเป็นของขวัญแต่งงานของพระองค์ ในวันที่ทรงอภิเษกนั้นได้มีการเฉลิมฉลองกันยิ่งใหญ่เรียกว่า วันมีนาคชีกัลยานัม พระศิวะกับพระแม่มีนาคชีได้ทรงอยู่ปกครองเมืองปานเดียนด้วยกัน และทรงมีพระราชโอรสด้วยกันหนึ่งพระองค์ซึ่งทรงพระนามว่า พระศรีรุทราปาเดียน** อันเป็นพระมหากษัตริย์ของชาวทมิฬต่อมา หลังจากที่พระนางและพระศิวะทรงกลับไปไกรลาศดังเดิม
        พระแม่มีนาคชีทรงเป็นเทพมารดรที่เชื่อว่าไม่ได้มาจากสมมติเทพ แต่น่าจะทรงพระชมน์ ชีพอยู่จริงๆ ชาวทมิฬยกย่องให้พระนางเป็นเทพมารดรแห่งสายน้ำ บทมนตราทั้ง108 (การร่ายรำ) ทรงเป็นพระแม่แห่งมนตราแก้คำสาป ภาษาทมิฬ ทรงเป็นมารดาแห่งพระวินัยกันและพระมุรุกัน รวมถึงชาวทมิฬทุกคน พระนางทรงตรัสว่า ทมิฬคือความหวัง เพราะทมิฬกำเนิดจากพระศิวะเจ้า ทมิฬมีอำนาจคือพระแม่อัมมัน ทมิฬมีความสดใสคือพระมุรุกัน
      กล่าวกันว่าผู้ใดสวดพระนามของพระนางแล้วจะพ้นซึ่งความเกลียดคร้าน ความโง่เขลา พระนางจะทรงประทานพลังชีวิตและจิตใจให้แก่คนผู้นั้น พระนางทรงประทานความกล้าหาญในการฝ่าฟันอุปสรรค การทำงาน ซึ่งเข้ากับกระแสชีวิตของเราๆท่านๆในปัจจุบัน สำหรับผมพระนางจึงเปรียบเสมือนมารดาที่คอยชี้นำชีวิตไปในทางที่ดี ไม่ให้ลูกตกต่ำ พระแม่ทรงเหมือนแสงสว่างที่ทำลายกำแพงแห่งกิเลส อวิชชาความเห็นแก่ตัวให้หมดสิ้นไป

เนื้อเรื่องนี้ผมเอามาจากเวป thanai.com ซึ่งเนื้อเรื่องในหนังกับในเว็บเหมือนกันครับ
Title: ตอบ: ขอรบกวนถาม??????
Post by: zciencez on January 15, 2012, 17:55:37
ขอบคุณมากครับ
Title: ตอบ: ขอรบกวนถาม??????
Post by: panjamin on January 16, 2012, 12:02:51
ไม่เป็นไรครับ ^^
Title: ตอบ: ขอรบกวนถาม??????
Post by: ศรีเคารีปุตรายะ on January 16, 2012, 17:28:58
Quote from: panjamin on January 14, 2012, 18:17:49
เมื่อครั้นที่พระฤๅษีอากาธิญาณได้ทำพิธีสักการะพระศิวะเจ้า และได้ขอพรว่า ขอให้ตนได้ยินยลการเริงระบำอันศักดิ์สิทธิ์ของพระแม่เจ้าปารวตี และพระสดาศิวะ ด้วยเทอญ คำขอนั้นทำให้พระผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองทรงลุกขึ้นจากสมาธิและออกมาร่ายรำตามคำขอนั้น แต่แล้วการร่ายรำก็ได้สะดุดลง เนื่องจากต่างหูของพระแม่ได้หลุดออกในขณะทรงระบำ พระองค์ไม่อยากหยุดร่ายรำจึงใช้พระบาทหนีบต่างหูขึ้นมาเหน็บไว้ที่ข้างพระกรรณของพระองค์ พระแม่เจ้าปารวตีเห็นดังนั้นจึงทรงพิโรธเป็นการมาก เพราะถือว่าพระศิวะได้หยามพระนางโดยการใช้เท้าหนีบต่างหูอันเป็นเครื่องหมายแห่งพระนางที่เป็นเหมือนขุมพลังของพระศิวะเจ้า พร้อมกับตำหนิพระศิวะด้วยโทสะอันรุนแรงจนทรงเผลอตรัสออกไปว่า พระศิวะทรงเป็นโยคีนุ่งห่มหนังเสือหนังหมีป่าเถื่อน ทรงมีสังวาลย์เป็นอสรพิษน่าขยะแขยง และทรงมีตาที่สามประหลาดแท้ พระศดาศิวะฟังดังนั้นจึงพิโรธมากได้ทรงร่ายคำสาปให้พระแม่ปารวตีเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง พระนางทรงเศร้าเสียใจเป็นอันมากที่ได้ดูถูกพระสวามีเช่นนั้น แต่เมื่อคำสาปได้ถูกสาปออกไปแล้วพระนางจึงต้องลงมาเกิดเป็นพระราชธิดาของกษัตริย์เมืองปาเดียน ในสังคมของชาวทมิฬ โดยการนำพาของพระวิษณุเจ้า ซึ่งมีศักดิ์เป็นพระเชษฐาของพระองค์


ขอเสริมนิดนึงนะคับ

ในหนังเรื่องนี้ พระศิวะต่างหากที่ทรงทำต่างหูหล่น แล้วทรงใช้เท้าคีบเอาต่างหูมาสวมอีกครั้งหนึ่งแล้วเต้นระบำต่อไป และที่พระแม่ปารวตีต้องมาเกิดเป็นพระราชธิดาของกษัตริย์เมืองมถุรานั้น ก็เพราะทรงได้ให้พรแก่มเหสีของกษัตริย์ปาเดียนเอาไว้่ว่า จะลงไปจุติเป็นธิดาของนาง และพระวิษณุทรงชี้แนะด้วยจึงทรงให้โอกาสนี้ลงไปเกิดเป็นธิดาตามพรที่พระนางทรงให้ไว้