Loader

ทำไมต้องจุดตะเกียงไฟ ???

Started by กาลิทัส, June 18, 2009, 14:45:03

Previous topic - Next topic

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

June 18, 2009, 14:45:03 Last Edit: June 22, 2009, 10:38:08 by กาลิทัส
ทำไมเราต้องจุดตะเกียงไฟขณะทำการบูชาพระเป็นเจ้า ???



ในบ้านของชาวอินเดียที่นับถือศาสนาฮินดูแบบจะทุกหลังคาเรือน ตะเกียงไฟจะถูกจุดที่แทนบูชาพระเป็นเจ้าเสมอ และการจุดนั้นจะจุดทุกด้านของสถานที่นั้นๆ  บางบ้านจะจุดเฉพาะในเวลาเช้ามืด ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น บางบ้านก็จุดสองรอบต่อวัน คือ เช้ามืดและพลบค่ำ และอีกจำนวนหนึ่ง ((ประเภทนี้มีอยู่น้อยครับ)) คือจุดอยู่ตลอดเวลา ไม่ดับเลย

งานทุกงาน พิธีทุกพิธีของชาวฮินดูนั้นจะมีการจุดตะเกียงไฟอยู่เสมอ และในระหว่างพิธีนั้นๆ จะต้องมีคนคอยดูและไม่ให้ตะเกียงไฟนั้นดับ เช่น การบูชาพระแม่ลักษมีในวันดิปาวาลิ คนในบ้านก็จะช่วยกันดูแลไม่ให้ตะเกียงไฟดับ จนสิ้นวันหรือเทศกาลการบูชาจบลง เป็นต้น

June 22, 2009, 11:18:54 #1 Last Edit: June 22, 2009, 13:07:25 by กาลิทัส
ความสว่าง เป็นสัญลักณ์แห่งความรอบรู้ ช่วยขจัดความมืด และ อวิชชาทั้งหลาย พระเป็นเจ้าก็เช่นเดียวกัน พระองค์เป็นเหมือนเจ้าแห่งความรู้  เป็นต้นกำเนิดของความรู้ทั้งหมด เป็นดั่งผู้ให้แสงสว่าง ขจัดสิ่งไม่ดีไม่งามทั้งหลาย ดังนั้นการจุดตะเกียงไฟ ก็เหมือนกับการอัญเชิญแสงสว่าง สิ่งที่เป็นมงคล เข้ามาสู่ภายในบ้าน หรือหลังคาเรือน กล่าวอีกทีคือ เป็นการอัญเชิญพระเป็นเจ้ามาสู่ปรัมพิธีนั่นเอง

ดังนั้นชาวอินเดียจึงมีความเชื่อว่า บ้านใดที่ใดจุดตะเกียงไฟ บ้านนั้นหลังนั้น จะประสบกับความสุขความเจริญ ความสำเร็จทั้งหลายทั้งปวงครับ

แค่ความสว่าง ทำไมไม่เปิดหลอดไฟที่เป็นไฟฟ้า ทั้งๆ ที่มันก็ให้ความสว่าง ขจัดความมืดเหมือนกัน ???

นั่นก็เพราะชาวอินเดียนั้นมีความเชื่ออย่างเข้มแข็งในการปฏิบัติตนตามวิถีที่ได้ทำมา และมีความเชื่อว่า การจุดตะเกียงไฟนั้นมีนัยในการบูชา มีผลทางจิตวิญญาณมากกว่า

เช่น น้ำมัน หรือ น้ำมันเนย ที่ใช้จุดตะเกียงไฟ ก็เป็นเครื่องหมายความความศรัทธา บูชา และภักดี อย่างแรงกล้า เป็นเสมือนเครื่องพลักดันให้เกิดแสงสว่างครับ เมือเราบูชาอย่างแรงกล้าดั่งน้ำมันเนย เมื่อถึงจุดหนึ่ง เปลวไฟเบื้องบน (พระเป็นเจ้า) จะแผดเผา จะขจัดความไม่รู้ ความเคลือบแคลง ความสงสัยต่างๆ (อีโก้) ให้หมดสิ้นไป และยิ่งเติมน้ำมันเข้าไปมากเท่าไหร่ เปลวไฟจะยิ่งสูงขึ้นและสว่างมากขึ้นเท่านั้นครับ

บ้างก็ว่าที่จุดตะเกียงไฟเพราะเน้นเรื่องธาตุทั้ง 5 ขณะประกอบพิธีทางศาสนาต่างๆ คือ

ดิน, น้ำ, ลม, ไฟ, อากาศ

ซึ่งธาตุทั้ง 5 อย่างที่ใช้ในการบูชา เราเรียกว่า ปัญจะ มหาบูชา

ช่วงจังหวะการจุดตะเกียงไฟมีการสวดมนตราบูชาด้วยนะครับ แต่บังเอิญว่ามันเป็นเป็นภาษาสันสฤต (ผมไม่รู้ภาษานี้)
((อันนี้ให้เพื่อนช่วยอ่านให้ฟังแล้วนั่งสะกดออกมาเป็นตัวๆ ให้ครับ))

ดีปาจโยตี พาราพรหมา
ดีปา เซรวา ทราโมปฮาฮา
ดีปีนา สาดยาเต สารัม
สันดยา ดีโป นะโมสตุเต

คำแปลครับ

ข้าพเจ้าขอบูชา ยามเช้า/ยามพลบค่ำ ด้วยตะเกียงไฟ
เจ้าของแสงส่วางนี้คือเจ้าแห่งความรู้((ในที่นี้หมายถึงพระเป็นเจ้า))
ที่ซึ่งขจัดความมืด ความไม่รู้ อวิชชาต่างๆ
ทั้งหมดนี้เพื่อให้ประสบความสำเร็จในชีวิต

ที่มา : http://www.scribd.com/doc/7772985/Hindu-Rituals-and-Routines-Why-Do-We-Follow-Them
แปลโดย : กาลิทัส


คือ...
เวลาผมสวดมนต์
ผมก็จุดตะเกียงอะคัฟ
แล้วก็นั่งสมาธิ
พอออกจากสมาธิผมก็จะสวดอัคนีคายตรีมันตรา
ไม่ทราบว่าใช้ได้ไหมอะคัฟ
ข้าแต่พระวาคีศวรีเจ้า พระมารดาแห่งพระเวทย์ พระมารดาแห่งศฤงคาร พระมารดาแห่งขุนเขา 
ในนามของ พระปารวตี  ลักษมี  สรัสวตี  สาวิตรี  คายตรี พระองค์คือปรมาตมัน 
พระผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งพระพรหม วิษณุ รุทระ
ด้วยพระกรุณาแห่งพระองค์ จักทำให้โลกที่มืดด้วยอวิทยาสว่างขึ้นโดยพุทธิปัญญา

โอม ตัต สัต

 กายาตรีมนตรา เป็นบทบูชาพระอาทิตย์นะครับเท่าที่ทราบ

ไม่ใช่บทบูชาไฟ

แต่การนั่งสมาธิ ไม่ว่าจะภาวนาอะไร ขอให้ถูกกับจริต ของผู้ที่ปฏิบัติก็พอครับ

บางคนภาวนาแบบนับเลข
บางคนภาวนาโดยใช้ "โอม" การ
บางคนภาวนาพระนามแห่งพระเจ้า

ก็ต่างกันไปครับ

เพราะอย่างงั้นที่ภาวนา กายาตรีมนตรา ถือโอเคครับ ถ้าถูกกับจริตของคุณ nai 3
แต่คงไม่เกี่ยวกับการจุดตะเกียงครับผม  

ผมหมายถึงมนต์
อัคนีคายตรี
อะคัฟ
ข้าแต่พระวาคีศวรีเจ้า พระมารดาแห่งพระเวทย์ พระมารดาแห่งศฤงคาร พระมารดาแห่งขุนเขา 
ในนามของ พระปารวตี  ลักษมี  สรัสวตี  สาวิตรี  คายตรี พระองค์คือปรมาตมัน 
พระผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งพระพรหม วิษณุ รุทระ
ด้วยพระกรุณาแห่งพระองค์ จักทำให้โลกที่มืดด้วยอวิทยาสว่างขึ้นโดยพุทธิปัญญา

โอม ตัต สัต

อ๋อ เข้าใจแล้วครับ เป็นบทคายตีของพระอัคนี

โอม มหาจวารายี วิดมาฮี
อัคนีเดวาย ดีมาฮี
ตันโน อัคนี ประโชดายา

บทบูชานี้เค้าว่าสามารถขับเคลื่อนพลังต่างๆ ในร่างกายได้ครับ  

แต่ที่ผมสวดคือบทนี้อะคัฟ
Om Vaisvanaraya vidhmahe
     Lalelaya dhimahi
     Tanno Agnih prajodayat
ผมจะสวดบุชาดวงประทีปอะคัฟ
ข้าแต่พระวาคีศวรีเจ้า พระมารดาแห่งพระเวทย์ พระมารดาแห่งศฤงคาร พระมารดาแห่งขุนเขา 
ในนามของ พระปารวตี  ลักษมี  สรัสวตี  สาวิตรี  คายตรี พระองค์คือปรมาตมัน 
พระผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งพระพรหม วิษณุ รุทระ
ด้วยพระกรุณาแห่งพระองค์ จักทำให้โลกที่มืดด้วยอวิทยาสว่างขึ้นโดยพุทธิปัญญา

โอม ตัต สัต

  http://www.mediafire.com/?u4wjdiznzyo

ว่าแล้วก็เอามาฝากกันครับ อัคนีคายตรี ครับ

แต่อันนี้เป็นแบบ โอม มหาจวารายี นะครับ

เอาไปเปิดตอนนั่งสมาธิก็ได้ครับ เห็นว่าเป็นมนตรากระตุ้น

จักราในร่างกายด้วยครับ

รบกวนอีกนิดคัฟ
มนตราทั่งสองแบบต่างกันอย่างไรคัฟ
ข้าแต่พระวาคีศวรีเจ้า พระมารดาแห่งพระเวทย์ พระมารดาแห่งศฤงคาร พระมารดาแห่งขุนเขา 
ในนามของ พระปารวตี  ลักษมี  สรัสวตี  สาวิตรี  คายตรี พระองค์คือปรมาตมัน 
พระผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งพระพรหม วิษณุ รุทระ
ด้วยพระกรุณาแห่งพระองค์ จักทำให้โลกที่มืดด้วยอวิทยาสว่างขึ้นโดยพุทธิปัญญา

โอม ตัต สัต

เดี๋ยวผมเอาบทของคุณ nai3 แบบ Mp3 มาลงไว้ให้ด้วยครับ

เท่าที่ทราบเป็นบทบูชาอัคนีเหมือนกันครับ

เพียงแต่ถ้าแปลความหมายโดยกว้างๆ แล้ว คือ บทมหาจวารายี

จะหมายถึงการบูชาธาตุไฟ ในร่างกาย หรือ จักราต่างๆ ครับ

แต่อีกบท จะใช้บูชาไฟภายนอกครับ เพื่อใช้ไฟนั้นเข้าถึงสมาธิครับผม
((จะว่าไปบทนี้คงคล้ายๆ แนวบูชากสิณไฟ)) ครับ

อยากนั่งสมาธิได้มั่งจัง นัี่งไม่เคยได้เลยอ่ะเต็มที่ ไม่เกิน 10 นาที ก็ เริ่ม ยุกยิกๆ แระ อิอิ



ช่วงจังหวะการจุดตะเกียงไฟมีการสวดมนตราบูชาด้วยนะครับ แต่บังเอิญว่ามันเป็นเป็นภาษาสันสฤต (ผมไม่รู้ภาษานี้)
((อันนี้ให้เพื่อนช่วยอ่านให้ฟังแล้วนั่งสะกดออกมาเป็นตัวๆ ให้ครับ))

ดีปาจโยตี พาราพรหมา
ดีปา เซรวา ทราโมปฮาฮา
ดีปีนา สาดยาเต สารัม
สันดยา ดีโป นะโมสตุเต



(อันนี้ ใช้ท่องตอนกำลังจุด ตุเกียง เหรอคร้าฟ )

เหอะๆๆ....ผมจุดเอาไว้ทั้งวันทั้งคืนเลยครับ
โอม ทัต ปูรูชยา วิดมาเฮ วักรา ทุนดายา ดีมาฮี ทะโน ทันติ ปราโชดายะ 

Quote from: กษิติ on March 14, 2010, 00:07:33
เหอะๆๆ....ผมจุดเอาไว้ทั้งวันทั้งคืนเลยครับ

นึกถึงหนัง เรื่องนึงที่นางเอกจุดตะเกียง รอพระเอก ไม่เคยให้ตะเกียงดับเรย สิบกว่าปี

เดวทำมั่งดีกว่า อิอิ

เอางั้นเลยเหรอคับคุณ narada
จะดีเหรอ

อุ้ยยย....... ป่าว จ้า พูดเล่น ตะหาก แหม แหม แหม ...หุหุหุ