Loader

ภาพแนวแปลกๆ(จริงๆ) หาดูได้ยากจร๊ะ

Started by night-in-gale, November 12, 2009, 00:25:28

Previous topic - Next topic

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.


Quote from: giftzy_69 on March 03, 2010, 05:37:33






ท่านผู้นี้คือท่าน ตยัฆราชครับ

เป็นนักประพันธ์เพลงและนักดนตรีที่มีชื่อมาก ของอินเดียใต้ เป็นหนึ่งในสามอภิมหานักดนตรีหรือสามเทพเจ้าแห่งการณาฏกสังคีต
คือ ท่านมุธุสวามี ทิษิตร์ ท่านสยาม ศาสตรี และท่านตยัฆราช(ในอินเดีย นักดนตรี กวี และนักบุญมักเป็นคนๆเดียวกัน)

ท่านเกิดวันที่ 4 มิ.ย. คศ.1767

ท่านได้สละชีวิตฆราวาสเมื่อภรรยาตายลง ผลงานของท่านนับว่ามีชื่อเสียงมาก ยังคงนำมาขับร้องกันในปัจจุบัน
และท่านยังแต่งอุปรากร 2 เรื่อง

ทั้งดนตรีและอุปรากรของท่าสนล้วนแต่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความจงรักภักดีในพระเจ้าทั้งสิ้น


ส่วนเทวรูปองค์ล่าง เป็นเทวรูปพระวิษณุเก่าแก่ อยู่ในเมืองปันธารปุระ อันธรประเทศ
มีพระนามหลายพระนาม เช่นพระวิฐฺฐล พระปาณฑุรังคะ ชาวบ้านเรียกกันในภาษาท้องถิ่น(มาราฐี)ว่า วิโฐพา
เทวรูปองค์นี้เป็นแรงบันดาลใจให้นักบุญหลายท่านครับ เช่นท่านตุการาม(แต่งอภังคะถวาย) ท่านชญาญเทวะ ท่าน ชัยเทวะ(แต่งหริปาฐะ)
แม้แต่นักบุญยุคใหม่อย่างท่าน คชานันมหาราช ก็ได้รับแรงบันดาลใจ
ทุกวันนี้ยังมีคนเดินทางแสวงบุญ ยังปันธารปุระอย่างมากมายครับ
(ผมก็อยากไป)

Quote from: giftzy_69 on March 02, 2010, 05:50:18


องค์นี้ใช่พระนามว่าพระรังคนาถสวามี ครับ หรือเรียกกันง่ายๆ ว่า พระศรีรังคนาถ
พระองค์เป็นเทวรูปหินสีดำ เป็นพระนารายณ์บรรทมสินธิ์ ที่สำคัญที่สุดองค์หนึ่ง ตามตำนานเล่าว่า เมอื่พระรามปราบราวัณหรือทศกัณฑ์แล้ว พิเภกได้ทูลขอเทวรูปไว้บูชา พระองค์จึงประทานพระรังคนาถ(เอามาจากไวกุณฑ์โลก ถ้าจำไม่ผิด)พร้อมวิมานทองที่ประดิษฐาน  พิเภกแบกไปลงกา ระหว่างทางแวะพัก แต่เทวรูปเกิดไม่เขยี้ยน เลยต้องประดิษฐานไว้ ณ ที่ปัจจุบันนี้
เทวาลัยนี้เรียกว่า เทวาลัย ศรีรังคัมครับ ถือเป็นศูนย์กลางอีกแห่งของไวษณวนิกายในอินเดียใต้
ท่านรามานุชะ ถือว่า พระรังคนาถ เป็นองค์พระนารายณ์อวตาร มาด้วยพระองค์เอง เนื่องจากพระเจ้ามีพระกรุณามากต้องการให้สาวกได้ปรนนิบัติพระองค์ด้วยตนเอง เทวาลัยนี้จึงมีผู้ไปสักการะมาก แต่เขาไม่ให้เข้าดูพระรังคนาถนะครับ
ส่วนเทวรูปยืนเป็น "อุสวมูรติ"หรือเทวรูปสำหรับใช้แห่ครับ





นื่คือรูปท่านมาธวาจารย์ครับ

ท่านมาธวาจารย์ เป็นนักบวชในไวษณวนิกาย ฝ่ายที่เรียกว่า ไทฺวตะ
ซึ่งเป้นสำนักเวทานตะพวกหนึ่ง ปรัชญาไทวตะ ยืนยัน ทวิภาวะ หรือความต่างกัน 2 อย่าง 5 ประเภทที่เรียกว่า ปัญจเภทะ
1.พรหมัน(พระเจ้า) กับ ชีวาตมัน (อาตมันย่อยในแต่ละชีวะ)
2.พรหมัน กับวัตถุสสาร
3.ชีวาตมันกับสสาร
4.ชีวาตมันกับชีวาตมันแต่ละดวง
5.สสารหน่อยหนึ่งๆกับสสารอื่นๆ
คำสอนของท่านเน้น คล้ายท่านรามานุชะ ที่ว่า ชีวาตมันไม่อาจเป็นหนึ่งเดียวกับพรหมันได้ พรหมันในทรรศนะของมาธวาจารย์คือ พระเจ้าแบบบุคคล คือ(พระวิษณุในรูปองค์พระกฤษณะ)

การหลุดพ้นจะมีขึ้นได้โดยอาศัยพระกรุณาของพระเจ้า

การชูสองนิ้วของท่าน ผมเข้าใจว่า เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงการตอกย้ำ เรื่องหลักปัญจเภทะ หรือ หลัก ไทวตะของท่านนั่นเองครับ

ขอบพระคุณพี่หริทาสมากๆครับ

ได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย ^_^
WELCOME TO HINDUMEETING

เรียน สมาชิกเก่าและสมาชิกใหม่ของเว็บ HinduMeeting
ขอความกรุณาทุกท่านศึกษากฎ กติกา มารยาทของเว็บด้วยนะครับ

http://www.hindumeeting.com/forum/index.php?topic=1423.0

ขอบคุณพี่หริทาสมากๆนะคัฟ
ข้าแต่พระวาคีศวรีเจ้า พระมารดาแห่งพระเวทย์ พระมารดาแห่งศฤงคาร พระมารดาแห่งขุนเขา 
ในนามของ พระปารวตี  ลักษมี  สรัสวตี  สาวิตรี  คายตรี พระองค์คือปรมาตมัน 
พระผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งพระพรหม วิษณุ รุทระ
ด้วยพระกรุณาแห่งพระองค์ จักทำให้โลกที่มืดด้วยอวิทยาสว่างขึ้นโดยพุทธิปัญญา

โอม ตัต สัต

กราบขอบพระคุณพี่ตุล หริทาสมากๆคะ   ละเอียดสุดๆไปเลย    ขอพรจากพระเป็นเจ้าและเหล่าบรรดาคุรุทั้งหลายคุ้มครองพี่จ้า


ได้ความรู้เยอะมากจริงๆอย่างที่น้องอักษรชนนีว่า .. อิอิ


ขอบคุณคุณหริทาสค่ะ ได้ความรู้มากมาย รู้จริงอะไรจริง

แล้วมีคุรุหรือนักบุญที่เป็นเพศหญิงบ้างหรือเปล่าคะ
      

March 04, 2010, 06:15:52 #89 Last Edit: March 04, 2010, 06:18:51 by แต่ก็มิได้นำพา
Quote from: หริทาส on March 03, 2010, 18:21:08
Quote from: giftzy_69 on March 03, 2010, 05:37:33
 



ท่านผู้นี้คือท่าน ตยัฆราชครับ

เป็นนักประพันธ์เพลงและนักดนตรีที่มีชื่อมาก ของอินเดียใต้ เป็นหนึ่งในสามอภิมหานักดนตรีหรือสามเทพเจ้าแห่งการณาฏกสังคีต
คือ ท่านมุธุสวามี ทิษิตร์ ท่านสยาม ศาสตรี และท่านตยัฆราช(ในอินเดีย นักดนตรี กวี และนักบุญมักเป็นคนๆเดียวกัน)

ท่านเกิดวันที่ 4 มิ.ย. คศ.1767

ท่านได้สละชีวิตฆราวาสเมื่อภรรยาตายลง ผลงานของท่านนับว่ามีชื่อเสียงมาก ยังคงนำมาขับร้องกันในปัจจุบัน
และท่านยังแต่งอุปรากร 2 เรื่อง

ทั้งดนตรีและอุปรากรของท่าสนล้วนแต่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความจงรักภักดีในพระเจ้าทั้งสิ้น



ตฆัยราช เป็นอีกชื่อนึงของท่านหรอครับ

Quote from: แต่ก็มิได้นำพา on March 04, 2010, 06:15:52
Quote from: หริทาส on March 03, 2010, 18:21:08
Quote from: giftzy_69 on March 03, 2010, 05:37:33
 



ท่านผู้นี้คือท่าน ตยัฆราชครับ

เป็นนักประพันธ์เพลงและนักดนตรีที่มีชื่อมาก ของอินเดียใต้ เป็นหนึ่งในสามอภิมหานักดนตรีหรือสามเทพเจ้าแห่งการณาฏกสังคีต
คือ ท่านมุธุสวามี ทิษิตร์ ท่านสยาม ศาสตรี และท่านตยัฆราช(ในอินเดีย นักดนตรี กวี และนักบุญมักเป็นคนๆเดียวกัน)

ท่านเกิดวันที่ 4 มิ.ย. คศ.1767

ท่านได้สละชีวิตฆราวาสเมื่อภรรยาตายลง ผลงานของท่านนับว่ามีชื่อเสียงมาก ยังคงนำมาขับร้องกันในปัจจุบัน
และท่านยังแต่งอุปรากร 2 เรื่อง

ทั้งดนตรีและอุปรากรของท่าสนล้วนแต่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความจงรักภักดีในพระเจ้าทั้งสิ้น



ตฆัยราช เป็นอีกชื่อนึงของท่านหรอครับ



โอ้ว์ ขอบคุณคุณตรีศังกุมากครับที่มาทักท้วง

ผมเลยกลับไปดูรูป ปรากฏว่า รูปที่นำมานี้ เป็นท่าน ปุรันทรทาส จริงๆด้วย เนื่องจากมองในแวบแรก ลักษณะของการนั่งท่าทางและการแต่งตัวเหมืออนกับท่านตยัคราช มากๆ ผมจึงคิดว่าเป้นท่านตยัคราช ตามภาพด้านล่างนี้จะเป็นท่านตยัคราชครับ



แต่ท่านทั้งสองก็เป็นนักประพันธ์ดนตรีการณาฏิกสังคีต ที่มีชื่อเสียงมาก
ท่านปุรันทรทาส เกิดก่อนในราว คศ.1484 (แต่บางเล่มว่าท่านเกิดในสมัยศต.ที่ 17 เช่นเดียวกับท่านตยัคราช)
ท่านตยัคราชเกิดในคศ 1767 ที่ติธุวรุ
ส่วนท่านปุรันทรทาส เกิดใกล้กับปูเณ่ แคว้นมหาราษฏร์ จึงได้รับอิทธิพลการนับถือพระวิโฐพาเจ้า ท่านได้แต่งเพลงกีรตันไว้ ถึง 4 แสนเพลง
(เค้าเล่ากันมาแบบนี้) และคงส่งอิทธิพลถึงท่านตยัคราชไม่มากก็น้อย
ท่านปุรันทรทาสได้รับการนับถือว่าเป้นภักตะท่านนึง เช่นเดียวกับนักบุญอื่นๆ
นอกจากนี้ในวงการการณษฏิกสังคีต เรียกท่านว่า สังคีตปิตามหะ  หรือท่านปู่ แห่งดนตรี(ทำนองอาจารย์ปู่)

ส่วนท่านตยัคราชมีความศัรทธาในองค์พระรามเป็นพิเศษ
จึงประพันธ์เพลงเกี่ยวกับการสรรเสริญพระรามไว้จำนวนมาก




และนี่คือไตรเทวสังคีตแห่งดนตรีการณาฏิกครับ
ท่านมุธุสวามี ทิกษิตร์ ท่านตยัคราช และ ท่านสยาม ศาสตรี





ขอบคุณมากๆครับที่มาทักท้วงไม่งั้นผมคงให้ความรู้ผิดๆไป บอร์ดเราจะน่าอยู่ด้วยการแชร์และช่วยกันแก้ไข โดยปราศจากอคติต่อกันนี่แหละครับ




Quote from: แต่ก็มิได้นำพา on March 04, 2010, 15:18:59
http://en.wikipedia.org/wiki/Tyagaraja
ตฺยาคราช

http://en.wikipedia.org/wiki/Muthuswami_Dikshitar
มุตฺถุสวามี

http://en.wikipedia.org/wiki/Shyama_Shastry
ศฺยามะ ศาสฺตรี


เรื่องของทั้งสามท่านนี้ หาอ่านในภาคภาษาไทย สำหรับผู้ไม่ถนัดอังกฤษ ได้จากหนังสือ "ดนตรีอินเดีย"
ของอ.เฉลิมศักดิ์  พิกุลศรี สำนักพิมพ์จุฬาฯ ครับ

Quote from: แต่ก็มิได้นำพา on March 04, 2010, 15:18:59
http://en.wikipedia.org/wiki/Tyagaraja
ตฺยาคราช

http://en.wikipedia.org/wiki/Muthuswami_Dikshitar
มุตฺถุสวามี

http://en.wikipedia.org/wiki/Shyama_Shastry
ศฺยามะ ศาสฺตรี



ตลอดอ่ะ ทุก ช่วงอ่ะ อ้างอิงเวป ภาษาต่างประเทศเนี่ย ก็แทนที่จะแปลมาให้ซะเรย ก็ จบ ยอม นะคุณครูเนี่ย ย้อม ยอม  เราอยากจะอ่านมั่ง ก็ อ่านไม่

ออก

 
   รอบนี้ต้องขออนุญาติรบกวนพี่ตุลศรีหริทาสเหมือนเดิม ว่าเทวรูปที่พญาครุฑ กำลังยกอยู่นี้ ใช่พระศรีรังคนาถปะค่ะ





   แล้วรูปคุรุอีกองค์คือใครเอ่ย   ขอบพระคุณพี่มากคะ อิอิ













Quote from: giftzy_69 on March 05, 2010, 22:18:35
 
   รอบนี้ต้องขออนุญาติรบกวนพี่ตุลศรีหริทาสเหมือนเดิม ว่าเทวรูปที่พญาครุฑ กำลังยกอยู่นี้ ใช่พระศรีรังคนาถปะค่ะ





   แล้วรูปคุรุอีกองค์คือใครเอ่ย   ขอบพระคุณพี่มากคะ อิอิ








คิดว่าน่าจะใช่เทวรูปพระศรีรังคนาถ
ส่วนรูปคุรุอีกองค์ถ้าไม่ผิดก้อคือ

ท่านรามานุชะ หรือ รามานุชาจารย์ ผู้ได้รับการถ่ายทอดพระเวทจากพระเเม่มหาลักษมี

http://deshika.wordpress.com/2007/08/28/a-full-day-in-sri-rangam/
http://en.wikipedia.org/wiki/Ramanuja

พอดีมีพี่คนนึงเขาเอามาให้อ่านพอดีอะเลยไม่รู้ว่าคุณกิฟได้อ่านหรือยังอะคราบ

[HIGHLIGHT=#ffffff]บ้านคนจะเเต่งหิ้งพระสวยยังไงก้อยังเป็นบ้านคน จะให้บ้านคนเป็นวัดคงเป็นไปไม่ได้[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffffff]จงอยู่ในความพอดี ไม่เยอะไป ไม่น้อยไป กลาง ๆ พอดี ๆ อะ เเล้วจะมีความสุขกะสิ่งที่ทำ[/HIGHLIGHT]

สวยทุกภาพเลยค่ะ^^
[HIGHLIGHT=#d99694][HIGHLIGHT=#d7e3bc]   "เรา"สามารถเห็นอะไรได้ก้อด้วย"หัวใจ"ของ"เรา"เท่านั้น[/HIGHLIGHT][/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#d99694][HIGHLIGHT=#d7e3bc]สิ่งสำคัญ"เรา"ไม่สามารถเห็นได้ด้วย"ดวงตา[HIGHLIGHT=#d7e3bc]"  [/HIGHLIGHT][/HIGHLIGHT][/HIGHLIGHT]



http://en.wikipedia.org/wiki/Lajja_Gauri
ลัชชะ เคารี หรือ นางอทิติ เป็นแม่ของพวกอาทิตย์ทั้งหลาย