Messages

ผมเป็นเจ้าของรูปภาพ ซึ่งผมก็ยังไม่ได้รับการขออนุญาติจากเจ้าของกระทู้ และยังมิทราบว่าเจ้าของกระทู้ได้รับอนุญาติจากใคร ดังนั้น ขอขอบคุณในความหวังดี แต่ทวงขออนุญาติอย่างเป็นทางการ หรือมิฉะนั้น ใส่เครดิต ลายน้ำคาดภาพเพื่อป้องกันลิขสิทธิ์

*หรือต้องกาให้ผู้ดูแลพิจารณาถึงความเหมาะสมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา การก๊อปปี้ภาพ เพื่อไปเป็นประโยชน์ทางการค้า(ให้ผู้ดูแลเว็ปพิจารณาและตัดสินใจ).................@วาสุเดวา............

เรื่องนี้มีหมายเหตุแจ้งในข้อความจดหมายเพื่อให้ มีน มายา เข้ามาดู

รู้สึกตกใจและไม่ปลื้มกับคำว่าได้รับอนุญาติ.....@มีนมายา บ้านภควดี

เด็กอย่างผมจะไปทราบได้อย่างไรเล่า

ขอถามต่อเลยละกันนะครับสาย ธุรัมที่ว่า นี่ต้องเฉพาะพราหมณ์เลยใช่ไม๊ครับ เป็นพรารมนอกหรือใน วรรณะละครับ

แล้วสายธุรัมนี่มีความหมายอย่างไรต่อพราหมละครับ

อยากทราบว่า สายที่พราหมณ์ เค้าห้อยกัน คล้ายๆ สายสิณอะครับ คือสายอะไรอะครับ

มีไว้ทำอะไร เห็นเท่ห์ดีถ้าอยากจะหามาห้อยจะได้ไม๊เอ่ย

สวัสดีครับคุณ เสือร้องไห้ เห็นได้เลยว่าเส้นสายลายร่างเต็มไปด้วยความศรัทธา เป็น พระแม่กาลีที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาปราณี แต่ไฉน ท่านจึงเผินหน้าไปทางอื่นละครับ ลองวาดท่านโดยหันหน้ามาตรงๆ และมองเราสิครับ ไม่ว่ารูปไหนเราจะสื่อโดยมองผ่านดวงตานะครับ รูปสุดท้ายบอกให้รู้เลยว่าอารมผู้วาดเป็นยังไง พระนางดูทั้งมั่น ดูน่าเกรงขาม เป็นเรื่องดีแล้วละครับ ที่สามารถ สร้างพระผู้เป็นเจ้าขึ้นมาด้วยมือของเราเอง

ไม่เคยมีใครวาดพระกาลีแบบคุณเสือโดยแตกต่างออกไป สามข้อ หนึ่ง ท่านไม่แลบลิ้น อยากให้คุณเสือลองบอกความหมายมาครับ
สอง มีดอกปีป อันนี้บอกได้เลยว่าไม่ธรรมดาครับ เพราะเป็นดอกแห่งพระนางสตี ดอกแห่งความรักโดยการบูชายัญ สาม ไม่มีรอยเจิมสีแดงตรงแสกกลางตรงนี้สมควรมีนะครับเพราะท่านแต่งงานแล้ว


หากคุณเสือยังรู้สึกยังไม่พอใจในผลงานอยากแนะนำให้คุณเสือไปลองซื้อหนังสือที่เกี่ยวกับการวาดหน้าคน และเทคนิคมากมายมาลองศึกษาดูครับ

การสวดเป็นสำเนียงเขา มันมีประโยชน์อะไรหรอครับ
หรือถ้าสวดเป็นสำเนียงอื่น เทพท่านฟังไม่เข้าใจหรอครับ???

นี่พูดถึงมนตร์สันสกฤตครับ ที่แปลๆๆกันจากภาษาอังกฤษอ่ะครับ ยกตัวอย่างมนตร์หน้าเว็ป มหาลักษมีอัษตากัม ลองสวดเป็นสำเนียง ชินบัญชรสิครับ ท่านฟังรู้เรื่องครับ แต่ อาจจะไม่ค่อยเสนาะหูซักเท่าไหร่เพราะคนสร้างมนตร์เค้าไม่ได้สร้างแต่มนตร์ แต่เค้าได้สร้าง ทำนอง ของมนตร์นั้นไว้แล้ว มันมีประโยชน์นะครับ เพราะสำเนียงบ่งบอกถึงการศึกษาและการพัฒนา โดยเฉพาะในกลุ่มวรรณะพราหม จะบ่งบอกว่าพราหมนั้นมาบวชมาจากสำนักไหน ตระกูลไหน เราคนไทยถ้าไม่ฝึกสำเนียงซักนิดนึงก็กลับไปสวดเป็นภาบาลีตามแบบฉบับของเราดีกว่า ขลังเหมือนกัน และ ยังมีคุณค่าทางภาษา ที่สูง และ ทำนอง ที่ มีค่า ไม่แพ้ใคร


ชาวทมิฬที่นับถือฮินดู เขาก็สวดเป็นภาษาทมิฬ ทำไมไม่สวดเป็นสันสกฤตล่ะครับ

อยากจะหัวเราะให้ลั่นฟ้า ชาวทมิฬที่มีการศึกษา หรือ คนทมิฬในวรรณะพราหม เขาก็ศึกษาภาษา สันสกฤตกันทั้งนั้น ไปถามพราหมที่วัดแขกซะว่าเค้าอ่านสันสกฤตกันรู้เรื่องหรือเปล่า เวลาถวายอารตีหรือไนเวดยัมนั้น เขาท่องภาษาสันสกฤตกันหรือเปล่า

ไปมัวแต่เน้นเรื่องสำเนียง เน้นมากๆ กลายเป็นว่าของไทย สิ่งที่บรรพบุรุษไทยปฏิบัติมามันไม่ถูก ไม่ดี เลยไม่ปฏิบัติ
กลายเป็นว่าสิ่งที่คนไทยทำมานาน ไม่เหมาะแก่การนำไปใช้บูชาเทพงั้นหรอครับ???

บอกแล้วนะครับว่าพูดถึงมนตร์สันสกฤต ไม่ใช่บาลี ถูกต้องที่มนตร์บาลีเป็นของคนไทยมานาน แต่เคยเห็นปู่ย่าตาทวดเราท่องมหาลักษมีอัศตากัมหรือเปล่าครับทั้งเวงกาเตสสุพราบาตัม มหิษษา สโตตรัม มนตร์สันสกฤตพวกนี้ต้องใช่สำเนียงครับ ส่วนมนตร์บาลี อย่างเช่นโอม ตัสสะ ปราวาตี อะไรประมาณนี้ ไม่จำเป็นต้องมีสำเนียงเราก็สวดแบบ บรรพบุรุษเราสวดเลยก็ได้ครับไม่ได้ว่า

บูชาแบบไทยเปนไง แนะนำให้ดูที่โบสถ์พราหมณ์.....จะบอกว่าพราหมณ์เขาทำผิด ทำไม่ดี งั้นหรอ???

คุณเป็นพราหมเหรอถึงแนะนำให้ไปดูที่โบสถ์พราหมและลอกเรียนแบบการบูชาเค้ามา
จำได้นะครับว่ากำลังเสวนาเรื่องสำเนียงกันอยู่ไม่ใช่เรื่องการบูชา

บอกว่า สำเนียง ไม่ได้ว่าเรื่อง มนตร์

มนตร์ไทย คือ สิ่งที่ดี แล้ว แต่ นี่ พูด ถึง สำเนียง เวลา คนท่อง มนตร์ ตามเเบบฮินดู เท่านั้น เพราะ ในนี้ บางคนบอกว่า มีครุ เรียนจาก เวท เพราะ ฉะนั้น ถ้าปากบอกว่า เรียนมาจากครุ เรียนมาจาก เวท ก็ ต้องให้ถูก จิงไหม


แต่ เรา มัน คนไทย มนตร์ ไทย มัน ดี อยู่ ในตัว แต่บางคนบอกว่า คนไทยบูชา ผี บูชาสางมาก่อน ถูกต้อง แล้ว ดีไหม โบราณวางไว้ดี แล้ว แต่ ก็ ชอบเอาไปเปรียบกัน ทำให้ วัฒธรรมไทยดูต่ำ

อย่งที่ ซีเครด อวตาร เคยพูดไว้ว่า วรรณณะ พราหม์ ใช่ว่าสะอาดเสมอไป เพราะ มัน ขึ้น อยู่กับการทำตัว

วอนท่านผู้รู้ช่วยบอกทีสังข์บัณเฑาะและศิวลึงหาใด้ที่ใหนราคาเท่าไร?

พาหุรัดบ้านเราเลยครับ ส่วนเรื่องจะใช่ได้หรือไม่ได้นั่นถ้าหากตัดสินใจด้วยตัวเองไม่ได้แล้ว ขอแนะนำไปเทวสถานโบสถ์และถามด้วยตัวเองเลยดีกว่าจะได้ข้อเท็จจริงกว่า

บวชเข้านิกาย ยกตัวอย่างง่ายๆใกล้ตัว พราหม์ในไทยในเทวสถานแต่ละที่แต่งตัวทำพิธีเหมือนกันไหมละครับ
ถ้าในตระกูลพ่อหรือปู่เป็นพราหม์ในวัดใดวัดหนึ่งนิกายใดนิกายหนึ่งและถ้ามีลูกซึ่งเกิดในตระกูลพราหม์โดยวรรณะโดยสายเลือด ก็ต้องบวชเข้านิกายนั้นๆ

สำเนียงมนตร์ หนังสือแพงที่ไหนเค้าก็สวดกันเป็นสำเนียงกันทั้งนั้นละ ถ้าอยากสวดแบบไทย
ก็ไปซื้อหนังสือ คู่มือบูชาเทพดีกว่าขอแนะนำนั้นละครับ ไทยแท้ๆ
โรงเรียนสอนพราหม์เค้าก็สอนสำเนียงเอาง่ายๆเลย วันไหน วัดแขกสีลมมีงาน ลองไปยืนใกล้ๆตอนเค้าทำพิธีแล้วลองสวดดูสิว่าเค้าสวดเหมือนกับเราสวดหรือเปล่า

ใครพอรู้บ้างหรือไม่ว่า อสูรที่ชื่อ จันดี,มุนดี,ซุมพา,นิซุมพา เป็นพี่น้องหรือ เพื่อนของอสุร มหิษากันแน่

ตามความเชื่อของผมนะ หากคนเราต้องการแบ่งเพื่อประโยชนืสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้ว พระทรุคา ทรงอาวุธ ถือเป็นเรื่องธรรมดา

แต่หากขึ้นชื่อว่าพระอุมาหรือปราวตี ในคติผมจะอยู่แค่สองมือ อาจจะถือดอกบัวข้างนึง อันหมายถึง ก่อนพระแม่จะมาเป็นชายาพระศิวะ ท่านเคยเป็นมนุษย์(สองมือ)อย่างเราๆมาก่อน จนกระทั้งได้บำเพ็ญจนกลับคืนสวรรค์

เพื่อนๆว่าอย่างไรบ้างครับ

ขอบคุณมากพี่กาลิทัส เฉลยซักทีว่าเป็นศิลปะของอะไร ฮา ก็ว่าแล้วว่าต้องไม่ใช่ของธิเบต

อยากถามว่าใครเคยไปเนปาลมาบ้างครับ ใครเคยไปธิเบตบ้างครับ ใครเคยไปสัมพัสธบรรยากาศที่เย็น และทัศนียาที่สงบเรียงรายไปด้วยเทือกเขาต่างๆบ้างครับ หากคุณไปมาแล้วคุณก็จะรู้เองว่าความ อ่อนหวานของศิลปะที่นั่นเป็นอย่างไร แม้จะมีศิลปะที่ดูดุอยู่บ้าง แต่เอกลักษณ์ของที่นั่นคืความ...........สงบ

การศึกษาหาอ่านจากตำราเป็นเรื่องถูกต้องครับ แต่ถ้าจะยึดติดหลักทฤษฎีแต่ในตำราโดยไม่เคยก้าวขาออกนอกบ้านไปสัมผัสของจริง ก็ไม่ว่ากันครับ

เชิญเถอะครับศึกษาต่อไปเรื่อยๆเถอะครับดีแล้วครับ

.......

ประทับใจความคิดของคุณกาลิทัส ไม่ว่าผิดถูกแต่พี่ใช่หลักตรรกะในการตัดสิน ว่า ฤาษีนารอดและ นารัดมุณี คือ องค์องค์เดียวกัน


เก่งครับ

ในความคิดของผมเองผมก็ว่าหน้าจะใช่นะ ครับ เคยเห็นวงดนตรีไทย ที่เล่นตามงานพิธีไม๊ละครับเขาจะตั้งเศียรฤาษีนารอดกัน

ส่วนรูปในความคิดผมเป็นผู้ชาย ดูจากเกศาที่ขดอยู่บนเศียรท่านอะครับ แล้วอย่าลืมนะครับศิลปะทางเนปาลหรือธิเบตเค้าจะ อ่อนหวานและนุ่มนวลกว่าศิลปะทมิฬเยอะ

และถ้าเป็นสตรีคงไม่ยืนในถ้าที่แสดงถึงอำนาจขนาดนี้......อืมอาจจะไม่ใช่ทั้งพระวานิ และพระนารัดก็ได้ใครจะไปรู้...อิอิ

และเพื่อนๆละครับคิดว่าอย่างไรกัน

[เสียงจากสมาชิกคนนึง สรุปเลยว่า ถ้าแค่จะแนะนำหนังสือหรืออะไรๆไม่ผิด แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดห้องใหม่ เห็นด้วยกับทุกคน]

เสียงจากสมาชิกคนนึง สรุปเลยว่า ถ้าแค่จะแนะนำหนังสือหรืออะไรๆไม่ผิด แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดห้องใหม่ เห็นด้วยกับทุกคน

ใช่ครับ รูปที่คุณซีเครด อวตารมาโพส คือนางกายตรีแต่จะเรียกให้ถูกง่ายๆ คือ นาง บรามี

ส่วน นางบาลา ตรีปุระซันดารี ก็คือ บาลา ตรัปุระซันดารีครับ ไม่ใช่กายตรี

การที่มีนางอัปสร และมีนกแก้วเกาะอยู่ไม่จำเป็น ต้องเป็นจะต้องเป็น มีนาคชี เสมอไป

อาจจะเป็น นางอัลดาล นางราทา นางกามัคชาลิตตา นางแกมบอลลู นางมาตันกี นางโจกูลัมบา และอื่นๆอีกมากมายที่สร้างในรูปลักษณ์และยิ่งเป็นไปไม่ได้ และนางอัปสรศิลปะขอม ไม่ใช่กษัตย์เพราะ ดูจากเครื่องยศแล้วไม่ใช่ครับเป็นแนงอัปสร




*** นางอุรวาศีเป็นหัวหน้าเหล่านางอัปสร จึงมีความคิดอ่านที่พิเศษมากกว่านางใด***

ขอเสริมนิสสนึง พิณที่พระมาตันกีถือไม่ใช่วีณา แต่เป็น ศิตา

วัดแขกก็บูชาพระนางเหล่านี้ครับแต่จะอยู่ในอีกรูปลักษณ์นึง

ต้องให้คุณ ซีเคลด อวตาร มาช่วยแล้วละครับ พระนางจิตรา

ใช้แล้วครับ จะวาดเป็นเด็กหัวจะใหญ่เพราะตามหลัก กายวิภาคแล้ว เด็กจะกระโหลกใหญ่

-บากามาลินิ

เป็นพระเทวีที่บ้านผมบางองค์ดึงมาให้ดุละครับ

-กาเมสวารี
-พิรุนดา ไม่เหมือนเป็นรูปลักษณ์ย่อย จาก พิรุนดาที่พี่ กาลิทัส นำมาโพส นะครับ
-ลลิตา
-พิรุนดา (รูปซ้ำ)

แล้วพระแม่ที่ประทับบนดอกบัวขาวที่ถือคำภีร์
ใช่พระสรัสวตีไหมอะคัฟ

ชื่อ พระนางบาลา ปุระซันดารี ครับบบ

ชื่อเต็มคือ
พระศรี ศิวะตรามาตันกี ลักษวารี จ้า

คุณtadatadaครับ ตกลงเป็นภาพเขียนหรือ คอมพิวเตอร์กราฟฟิกครับ
คลายความกระจ่างด้วย....ขอบคุณครับ

ดูแล้ว เป็นงานไทย ครับ

ส่าหรีสีขาว นิยมใส่เพื่อไว้ทุกข์ของผู้ที่เสียชีวิตในบ้านก็จริงแต่ ใช้ใส่สำหรับประกอบพิธีกรรมในบ้านบ้านเช่นพิธีกรรม ถือศีลอด อย่างนวราตรี ภายในเก้าวันที่บ้านก็จะนุ่งส่าหรีสีขาว ไม่ก็ ครีม นิยมแถบสีแดง ส่วนวันสุดท้าย ก็จะแต่งชุดที่มีสีสัน เป็นการฉลองวันวิชัยทัสมี

เท่าที่ผมรู้มา

พราหม์ที่วัดแขกใส่สีขาวเพราะมีองค์ พระทักษิณาเป็นองค์คุรุประจำวัดวัด ถึงจะเป็นวัดนิกายศักติแต่ตอนนี้ไม่ทราบว่าจะเปลี่ยนองค์คุรุหรือยังส่วนวันงานแห่พระแม่ จะมีพราหม์กลุ่มนึงจะนุ่งสีแดงจนถึงแดงเข้มไม่ก็เหลืองเป็นพราหมที่มาจากวัดที่มีองคืพระกุรุมารีอัมมัน เป็น องค์คุรุประจำวัดนั้นๆ

สีการแต่งกายพราหม์ เครื่องมูรติ ทรงผมของพราหมมักขึ้นอยู่กับ สายนิกายหรือองค์คุประจำวัดนั้นๆๆๆ

ผิดผลาดประการได้ขออภัยหรือใครมีความรู้มาช่วยเสริมก็เชิญครับ

ภาพอื่นๆ สวยงามครับ ขอบคุณครับ บางภาพก็ไม่ค่อยเห็นในรูปแบบนี้มาก่อน งามครับ

ถูกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ขอบคุณ คุณหริทาสที่ มา ช่วย เสริม เติมเเต่ง นะครับ

ถ้าแบบอินเดียง่ายๆจริงๆ จะจุดประทีปก่อน ช่วงบูชา(ที่จริงจะจุดทั้งวันเลย) จุดกำยาน หากไม่มีเวลาอย่างน้อยก็ควรปฎิบัติทุกวัน ศุกร์

สวดมนตร์ให้ท่าน

ควรมีของถวาย ผลไม้บ้าง พวงมาลัยบ้าง ข้าวปยาซัมบ้าง นมบ้าง ผงขมิ้นบ้าง ผงแดงบ้างอย่างน้อยก็ควรมีดอกไม้ซักดอกก็ยังดี

หากอารตีได้ก็ยิ่งดี ส่วนใบสะเดา(เวบปารา)ควรแขวนไว้หน้าบ้านป้องกันสิ่งไม่ดี ไม่มีก็ไม่เป็นไร

ทุกอย่างต้องทำด้วยใจครับ แล้วท่าน จะอยู่กับเราตลอดไป 

ถ้าแบบอินเดีย จริงๆ เทพอาวุธ อย่างตรีศุรี จะไม่นิยมนำเข้าบ้าน เพราะจะมีทั้งคุณและโทษ

แต่ถ้าบ้านหรือหิ้ง ตั้งอยู่ในทิศทางที่ไม่ค่อยดี ก็ควรหามาถวายท่าน แก้เคล็ด

ขณะทำพิธี ควรสั่นกระดิ่งไปด้วยนะครับ

พระกาลีบ้านผม เชื่อว่าจะบรรทมตลอดทุกเช้าจะเปิดม่าน และ สวด บท กานากาดรุกา สุพราบาตัม ถวาย ท่อนนึงสวดหมดคงไม่ไว้ ตอนเย็น ก็ถวายอารตี ปิดม่าน ไม่ค่อยได้อะไรกับพระกาลีครับ เพราะบ้านไม่ได้บูชาเป็นองค์ประธาน

อิอิ

เป็นรูปพระปัทมาวตี กับพระ ดาราเนนดรา กับกำลัง เฝ้า พระพุทธเจ้าอยู่

เป็นรูปวัดพระปัทมาวาตี แห่งหนึ่งครับ

นานาจิตตัง บาลี ว่า ต่างคนต่างความคิด

เป็นการทำเคารพมีหลายสาเหตุไปถามคนแขกก็ว่าไม่เหมือนกัน

บางคนว่า ดึงหู จะได้ยาวเหมือนท่าน เคาะศรีษะ ทำให้ฉลาด ย่อต้วเหยาะๆ จะได้ดูน่ารัก ท่านจะได้เอ็นดูเรา

แตฮาวันว่า เหมือนคนที่เวลาไหว้พระพุทธรูป ทำไมไหว้เสร็จต้องเอามือลูบหัวนั้นแหละ

ความคิดฮาวันนะ

 ตรีศุลเป็นของเทพฝ่ายชาย และตรีศุลี คือของเทพฝ่ายหญิง

ตรีซูลัมคือองค์ที่สถิตอยู่ในตรีศุลพระแม่อุมาครับ

จากที่ลุงผมเล่ามา ไม่ได้อ้างอิงจากไหนผิดถูกไม่ว่ากัน
สถาปัตยอินเดียใต้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแนวปะการัง เพราะชาวทมิฬผูกพันกับทะเล ทั้งลายที่ดูคล้ายน้ำ ทั้งสีสันและโครงสร้างที่ซับซ้อน
"อากาศแถบทมิฬจะร้อน ทำให้เฉ็ดสีรุนแรง" คำพูดของ ศิลป พีระศรี
ทำให้บังเกิดความสวยงามออกมาทางสถาปัตยกรรม

ส่วนทางเหนือ จะสูงใหญ่ดูหนามักไม่มีสัสัน ดูคล้ายภูเขา ไม่ก็ขาวไปเลย เพราะแรงบัลดาลใจมาจากเทือกเขาต่างๆ ประมาณหิมาลัยครับ

ขอร่วมแชร์ความรู้นิสนึงไม่ว่ากันนะพี่

จากรูปพระปัทมาวาตีที่พี่กาลิทัสโพสเป็นคนละองค์ที่อยู่กับพระเวงกาเตส

แต่เป็นกลุ่มเทพที่หายสาปสูญไปแล้ว กลุ่มนี้คือกลุ่มเดวดาส เป็นเทพกลุ่มที่สวามิภักดิ์ต่อพระพุทธเจ้า มีอยู่ไม่กี่องค์ที่ยังมีการบูชาอยู่

เช่นองค์พระปัทมาวตี ยัคชี องค์พระอิศวารา (อิศวรนี่เอง) พระแม่ชักเกศวารี(คู่กับพระสุทรรศสนา)

นี่เป็นอีกรูปลักษณ์นึงของทางบ้านผม และมีองคืที่คู่กับพระปัทมาวตี ชื่อพระ ดาราดาเนนดรา ยัคชา(ไม่นิยมบูชาแต่ผมยังเคยเห็นเทวรูปท่านอยู่นานแล้ว)

ผิดถูกไม่ว่ากันนะครับ

โอ้โหได้รู้อะไรเพิ่มเยอะเลย

ตอนเด็กป้าเล่าให้ฟังแบบย่อๆก่อนนอน ตอนนี้ได้รู้รายละเอียดขึ้นเยอะเลย ขอบคุณครับ