Loader
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Naga

#1
ถ้าเป็นพระพุทธรูป  ไม่จำเป็นต้องถวายน้ำไว้บนหิ้งก็ได้ครับ  แค่ถวายดอกไม้หรือพวงมาลัย  จุดธูปเทียนบูชา อย่างน้อยทุกวันพระก็เพียงพอแล้ว
#2
แล้วเหตุผลของคนที่มาบอกคุณพ่อคุณ ว่าห้ามถวายส้มกับพระคเณศล่ะครับ คืออะไร ?
#3
ถ้าคุณเจ้าของกระทู้ วางเทวรูปเรียงกันเป็นหน้ากระดานแบบนั้น  คงต้องสั่งทำโต๊ะยาวไปถึงหลังบ้านแล้วละครับ  อิอิ (แซวเล่นนะครับ)  หรือไม่คนอื่นจะคิดว่า ท่านก็กำลังฝึกระเบียบทหารกันอยู่ ^ ^

เอาแบบนี้นะ ถ้าแท่นบูชาคุณเป็นแบบโต๊ะหมู่  ก็จะง่ายหน่อย  คือถ้าเทวรูปทั้งหมดมีขนาดเท่ากัน หรือไล่เลี่ยกัน  ให้คุณยก "เทพที่คุณนับถือที่สุด"  ตั้งเป็นประธานโต๊ะ  แล้วขนาบซ้าย-ขวา  ด้วยเทพที่นับถือรองลงมา  ไล่เรียงลงมาดามระดับของชั้นโต๊ะ  ไม่ต้องคำนึงถึงศักดิ์ว่าองค์ไหนใหญ่กว่าองค์ไหน  แต่ให้คำนึงถึงความสมดุล  เวลามองแล้วเป็นระเบียบ สวยงาม

แต่ถ้าเทวรูปของคุณมีขนาด "ไม่เท่ากัน"  คุณต้องเชิญเทวรูปที่องค์ใหญที่สุดของคุณเป็นประธานหิ้ง เช่น  พระอุมา  พระลักษมี พระสรัสวดีของคุณขนาด 3 นิ้ว  แต่พระคเณศขนาด 5 นิ้ว  คุณก็ควรเอาพระคเณศตั้งเป็นประธานของแท่นบูชา  จะเอาพระอุมาตั้งเป็นประธานไม่ได้  แม้ว่าคุณจะนับถือท่านมากที่สุดก็ตาม

ถ้ากรณีไม่ได้เป็นโต๊ะหมู่  ก็ใช้วิธีเดียวกัน  คือตั้งให้ดูสมดุล  และให้หาตั้งหรือโต๊ะตัวเล็กๆ  มาหนุนเทวรูปที่เป็นประธานให้สูงที่สุด เด่นที่สุด


ส่วนพระแม่กาลี  ควรแยกออกมาบูชาต่างหากอีกแท่นหนึ่ง  หากคุณบูชาท่านด้วยของคาวและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอร์ฮอล

... ลองจัดดูนะครับ  เสร็จแล้วอย่าลืมถ่ายรูปมาอวดกันดด้วย ^ ^
#4
- ดูว่าเทวรูปของคุณองค์ไหนใหญ่ที่สุด  ก็เอาองค์นั้นตั้งเป็นประธานหิ้ง  แล้วจัดให้ลดหลั่นกันลงมาตามขนาดของเทวรูป  ให้ดูสวยงามสมดุล

- เทวรูปต่างลัทธิ ต่างคติกัน ควรแยกหิ้งบูชาต่างหาก  โดยเฉพาะพระแม่กวนอิม  คนจีนก็นิยมบูชาท่านเป็นเอกเทศ

- ฮก ลก ซิ่ว  โดยปกติไม่นิยมมีแท่นเพื่อบูชา  เพียงแต่ตั้งเทวรูปท่านในที่  ที่เหมาะสม  ในทิศทางมงคลตามหลักฮวงจุ้ยก็เพียงพอแล้วครับ

- พระแม่กาลี  ถ้าแยกออกมาบูชาต่างหากได้ก็จะดีกว่า
#5
เป็นพระโพธิสัตว์ตาราครับ  ( แต่ไม่แน่ใจ ... ว่าพระนางตาราขาวหรือพระนางตาราเขียว ?? )  ซึ่งเป็นคนละองค์กับพระอุมาเทวี
#6
ถ้าคุณนับถือตามเทวปกรณ์ก็ไม่ควรบูชาพระนางกับพระอุมา   แต่ถ้าคุณนับถือพระนางด้วยความศรัทธา การบูชาร่วมกันก็ไม่ใช่ปัญหา !!
#7
Quote from: Vaishnavi on February 13, 2011, 22:06:26
ขอถามต่อหน่อยนะครับ ว่าถ้าผมวางเทวรูปพระแม่ไว้ข้างพระพุทธรูปบนชั้นเหนือเตียงนอน แต่ไม่ติดกันนะครับ ไว้คนละฝั่ง จะทำได้มั้ยอะครับ เหมาะสมรึเปล่า


คำว่า  "คนละฝั่ง" ของคุณ  หมายถึง  เทวรูป หันหน้าเข้าหา พระพุทธรูป หรือเปล่า ?  ถ้าใช้คุณต้องย้ายให้ไปอยู่ฝั่งเดียวกัน  (หันหน้าไปทิศเดียวกัน) วางใกล้กับพระพุทธรูปได้  โดยแยกเป็นแท่นพระพุทธรูป  กับแท่นเทวรูป  และเว้นช่องไฟให้ห่างกันเล็กน้อย  ก็จะหมดปัญหาเรื่องระดับสูงต่ำครับ !!
#8
 
Quote from: ohm on January 12, 2011, 20:40:51
ผมหมายถึงกุมารทางสายเทพครับ  ไม่ใช่กุมารทองง

และเป็นกุมารที่บำเพ็ญเพียรจนมีบารมี ...

... เราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า  กุมารเทพ  ที่คุณเจ้าของกระทู้พยายามจะสื่อคืออะไร ????

กุมารทางสายเทพ  และกุมารที่บำเพ็ญจนมีบารมี  ???? ..... อันนี้ยิ่ง งง  เข้าไปอีก  ..... ตอนนี้เราเดาว่า คำว่า กุมารเทพ ของคุณ อาจจะไม่เหมือนที่เรา และพี่น้องชาว HM รู้จัก  หรืออาจจะเป็นการเข้าใจผิดเกี่ยวกับที่มา?  หรือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือกัน เป็นการเฉพาะในท้องถิ่น ?

ถ้าคุณมีรูปภาพมา  เราอาจจะเข้าใจตรงกันนะครับ ....
#9
เราเข้าใจว่า กุมารทอง หมายถึง  รูปปั้นเด็ก ไม่ว่าจะเป็นรูปเด็กเกล้าจุกใส่ชุดไทย หรือรูปปั้นเด็กทารกต่างๆนานา แล้วเอามาลงอาคม ประจุอาการ ประจุนาม และประจุวิญญาณเข้าไป ตามวิชาของไสยศาสตร์นั้นซะอีก  ซึ่งถ้าเป็นกุมารทองแบบนี้  ก็ตั้งรวมกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นเทวรูป หรือพระพุทธรูปต่างๆ  ไม่ได้  เพราะอะไร ?  ก็เพราะว่าเป็นผี  ที่ผูกด้วยอาคมไสยศาสตร์ใช่หรือไม่ ? 

ทีนี้ถามอีกว่ารู้ได้ยังไงว่าเป็นไสยศาสตร์  มนต์ดำ ?  ... คุณดูจากมวลสารอะไรนั่น ที่มีคนอ้างมาซิ  ดินป่าช้า  ดินจอมปลวก ซากเด็ก  ตะปูตอกฝาโลง  ผงกระดูกเด็ก ฯลฯ  นี่หรือมวลสารอันเป็นมงคล  ที่จะนำมาจัดสร้างของอันเป็นมงคล ?? 

... แล้วก็ยังบอกอีกว่า มวลสาร (?) พวกนี้จำเป็นมาก เพราะต้องใช้เป็นเชื้อในการชักนำวิญญาณเด็กมาสถิตในรูปนั้น  .... ถามว่าแล้วแบบนี้ มันคือการที่เรากักขังวิญญานเด็กพวกนั้นไว้ในหุ่นกุมารทอง ใช่หรือไม่ ?


แล้วก็จะต้องมีคนแย้งมาอีกว่า ... อ่าวเราก็เลือกเทวดาเด็ก  หรือวิญญาณที่ดีเข้ามาซิ แค่นี้ก็ใช้ได้  ... ถ้างั้นเราก็ขอถามกลับว่า เทวดา ในความหมายของคุณคืออะไร ?  เทพใช่มั้ย ??  ถ้าใช่คุณไม่มีทางทำได้  เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชั้นเทพ ไม่สิงสถิตในเทวรูป  ท่านมีที่อยู่ของท่าน และท่านใช้เทวรูปเป็นสื่อในการถ่ายทอดเทวานุภาพ มาคุ้มครองคุณเท่านั้น

.... งั้นก็เอาวิญญาณเด็กที่ดีๆ มาประจุใสไปไง  ... อืมๆ ข้อนี้ได้อยู่  แต่มันก็ไม่ต่างอะไรกับการกักขังวิญญานเด็กๆเหล่านี้ไว้  ไม่ให้ไปเกิดมิใช่หรือ ??  ยังไงก็บาปอยู่ดีใช่มั้ย ?


เลี้ยงกุมารแล้วเทพเจ้าหนี ไม่มาประทานพร มันดูไร้สาระจริงๆแหละครับ  .... เพราะต้องใช้คำว่า "ท่านจะละทิ้งคุณไปเลย "  น่าจะเหมาะกว่า  เพราะว่าอะไร ?  เทพเจ้าท่านทรงรังเกียจอวิชาชั้นต่ำ และความชั่วร้ายทั้งหมด  คุณกักขังวิญญานเด็กไว้ในหุ่นกุมารทอง  ขัดขวางพวกเค้าไม่ได้ไปเกิดตามแต่บุญกรรมที่เค้าได้ทำมา  อันนี้เป็นบาปใช่มั้ย ?  แล้วยิ่งคุณใช้กุมารทองพวกนี้ไปทำร้ายคนอื่นด้วยแล้วล่ะก็  คงไม่ต้องถามนะครับว่ามันบาปมั้ย


แล้วที่เราบอกว่า  เทพเจ้านาจา  เป็นกุมารเทพนั้น เป็นการยกตัวอย่างว่า  ต่อให้เทพเจ้าที่มีรูปลักษณ์เป็นกุมารหรือเด็ก แต่ท่านก็เป็นชั้นเทพ   ถึงยังไงคุณก็ต้องบูชาท่านตามแบบธรรมเนียมปฏิบัติแบบเทพเจ้า  ไม่ใช่แบบกุมารทอง  ไม่ได้หมายความว่า เทพเจ้าที่มีเทวลักษณะเป็นกุมารมีแค่เทพนาจาเท่านั้น

..แต่คำว่า กุมารเทพ  ในความเข้าใจของคนไทย น่าหมายความว่า  กุมารทองนี่แหละ แต่มี 2 แบบ คือ กุมารทองชั้นเทพ  ซึ่งมีคนอ้างว่าเป็นไสยขาว  และกุมารทอง ชั้นธรรมดา ซึ่งปลุกเสกด้วยไสยดำ ใช่หรือไม่ ?  ถ้าใช่ก็ไม่แตกต่างกัน  เพราะการบูชาก็เป็นแบบผีมากกว่า คือเลี้ยงดูให้เหมือนเด็กๆ  มีของเล่น  มีนม  มีขนม  มีน้ำแดง  ตั้งชื่อให้เค้า  ใช่หรือไม่ ?


ส่วนที่มีคนบอกว่า กุมารคเณศ  กุมารกฤษณะ  เท่าที่เราทราบ  นั่นเป็นความนิยมของคนฮินดูที่ยกย่องเทพเจ้าของเค้าเป็นฮีโร่  ก็เลยมีการสร้างเทพเจ้าในรูปลักษณ์ของเด็กออกมา  แต่พวกเค้าก็ไม่ได้บูชาเทพเจ้าตัวน้อยๆนั้นในฐานะเทวรูปเลย (?) .... ข้อนี่เราทราบมาแบบนี้จริงๆ ถ้าผิดพลาดรบกวนผู้รู้ชี้แจง 


....เรานำมาแบ่งปัน  ไม่ได้บอกว่าที่เราที่พิมพ์มาซะเยอะแยะเนี่ย ถูกต้องทุกอย่างนะครับ  คุณไม่ต้องเชื่อก็ได้เพราะเราไม่ได้บังคับว่าใครต้องเลี้ยงกุมาร  ใครต้องบูชาเทพองค์ไหน  ทุกอย่างมันเป็นการตัดสินใจเลือกของคุณเอง  บวกกับกรรมกับวาสนาของคุณ  แต่เราแค่อยากให้เป็นข้อมูล เอาไว้ให้หลายๆคนได้ใช้พิจารณาจากหลายๆมุม ก่อนจะเชื่อตามๆกัน ...



สรุปง่ายๆ  เพื่อให้ตรงประเด็นกับคำถามของเจ้าของกระทู้  ก็คือ

...ถ้าคุุณมีแท่นบูชาเทพเจ้า  หรือพระพุทธรูป คุณก็ไม่ควรนำกุมารทองของคุณไปตั้งรวมกับเทพเจ้า  ต้องแยกไปตั้งต่างหากเพราะกุมารทองเป็นผี ... และถ้าเป็นไปได้ก็ไม่ควรอยู่ในบริเวณของแท่นบูชานั้นด้วยจะดีกว่า ...




#10
Quote from: Aladdin on November 02, 2010, 00:08:56
เพราะเห็นแต่เครื่องทรงเหมือนกันเลยคัรบผมเลยงง..มีทั้งพระจันทร์เสี้ยว..พระแม่คงคา  มีงูที่พระศอ..เลยงงอะคัรบ



เนี้ยอะคัรบพอดี เซิจ google ดูคำว่า Kubera แล้วเลยเจอเลยงงอะคัรบเชิญผู้รู้มาดูหน่อยงับกัวบูชาผิด



คำว่า  Kubera  น่าจะหมายถึง พระกุเวร  เจ้าแห่งทรัพย์และภูติผี ที่นั่งอยู่ด้านซ้ายมากกว่านะครับ  คนไทยรู้จักในชื่อ ท้าวเวสสุวัณ  ส่วนธิเบต เรียกว่า ชัมภล  .... ไม่น่าจะหมายถึงองค์ที่อยู่กลางภาพนะครับ (?)
#11
ขออณุญาติแบ่งปันความรู้นะครับ ...

โดยปกติทั่วไปธรรมเนียมของคนโบราณ  จะนิยมแยกแท่นบูชาออกจากกันเป็นเอกเทศ  เช่น  แท่นพระพุทธรูปเถรวาท  แท่นเทพเจ้าฮินดู แท่นเทพเจ้าจีน  เป็นต้น 

เพราะอะไร ?  เพราะว่าสิ่งศักดิ์แต่ละลัทธิ แต่ละศาสนา  มีขั้นตอนการปฏิบัติบูชาที่แตกต่างกัน บางอย่างเหมาะกับเทพเจ้าฮินดู แต่ไม่เหมาะกับพระพุทธรูป เป็นต้น   และถ้าแยกได้แบบนี้ระดับสูงต่ำจะไม่เป็นปัญหา  แต่บางครั้งสิ่งแวดล้อม หรือสถานที่ไม่อำนวยที่จะให้ทำแบบนั้นได้ ...... ก็พออนุโลมตั้งร่วมกันได้  แต่ต้องเป็นขั้นเป็นตอน  มีวิธีการ  ไม่ใช่นึกจะตั้งอะไรก็ทำ  แบบนี้ไม่ได้

.... ที่นี้ถามว่าแล้วจำพวกกุมารทองล่ะ  ทำยังไง ??   คำตอบคือ  ต้องแยกไปต่างหากอีกแท่นหนึ่ง  และไม่ควรอยู่ใกล้บริเวณแท่นบูชาพระ และเทพเจ้าด้วย  เพราะกุมารทองคือผี ไม่ใช่เทพ

ยกตัวอย่างง่ายๆ  ถ้าคุณมีเทวรูปพระคเณศในบ้าน และคุณบูชาท่าน ท่านก็จะคุ้มครองคุณอยู่    เกิดวันนึงคุณพาเครื่องรางกุมารทองเข้าบ้าน  สิ่งแรกที่ท่านจะทำคือปกป้องคุณจากอัปมงคล เทวานุภาพของท่านจะขับไล่กุมารทองนั้นไป  แต่ถ้าคุณยังยอมรับกุมารทองนั้นเข้าบ้าน  เท่ากับคุณปฏิเสธการคุ้มครองจากพระคเณศ  จริงหรือไม่ ?

.... แล้วพอมาถึงตรงนี้ก็จะต้องมีคนมาเถียงเราอีกว่า  กุมารทองมีที่เป็น   กุมารเทพ  เป็นวิชาไสยขาว  อะไรก็ตาม ... ถามว่าคุณจะรู้ได้อย่างไรว่ากุมารทองตนไหนเป็นเทพ  ตนไหนเป็นผี ??

แต่ถ้าถามเรา กุมารเทพองค์เดียวที่เรารู้จัก คือ  เทพเจ้านาจา  นั่นแหละคือกุมารเทพของจริง   และคุณต้องบูชาแบบเทพเจ้า ตามธรรมเนียมของคนจีน  ไม่ใช่ถวายน้ำแดง ถวายนม และของเล่น แบบกุมารทองทั่วๆไป


... ส่วนคำว่า  ต้องธรณีสาร  แปลว่า  ถูกอาถรรพ์ หรือมีอัปมงคลต่างๆ ติดตัว  เนื่องจากจากการทำผิดต่อบางสิ่ง  เช่น  ต้องธรณีสารจากการดูดวงบ่อยๆ   ต้องธรณีสารจากการตั้งเทวรูปผิดที่ผิดทาง (ของบางลัทธิ)  เป็นต้น
#12
 
Quote from: โอม กาลี โอม on December 28, 2010, 15:22:01
Quote
คาถาบูชาท้าวเวสสุวรรณโณ หรือท้าวกุเวร
ฉบับพระครูโสภิตวิริยาภรณ์ (อิฏฐ์ ภทฺทจาโร) วัดจุฬามณี
===========================================
จุดธูป ๙ ดอก ดอกกุหลาบแดง ๙ ดอก
ตั้งนะโม ๓ จบ ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม
พระสงฆ์ บิดา มารดา ครูบาอาจารย์
ปุตตะ กาโม ละเภปุตตัง ธะนะกาโม ละเภธะนัง
อัตถิกาเย กายะยายะ เทวานัง ปิยะตัง สุตวา ฯ

อิติปิโส ภะคะวา ยมมะราชาโน ท้าวเวสสุวรรณโณ
มรณังสุขัง อะหังสุคะโต นะโมพุทธายะ ฯ

ท้าวเวสสุวรรณโณ จตุมหาราชาชิกา
ยักขะพันตา
ภัทภูริโต เวสสะ พุสะ พุทธัง อรหัง พุทโธ
ท้าวเวสสุวรรณโณ นะโม พุทธายะ ฯ

ที่มา : วัดจุฬามณี




ถ้าเป็นท้าวเวสสุวัณแบบไทย คือ เป็นรูปยักษ์ยืนถือกระบอง  ก็พอจะสามารถใช้คาถาตามนี้ได้

แต่ถ้า้เป็นพระกุเวรของฮินดู   หรือชัมภลของธิเบต  ก็แปลว่า "ใช้มนต์บทนี้ไม่ได้"  ต้องใช้มนต์ตามสายของเทวรูปที่สร้างมานะครับ ^ ^
#13
เอ่อ .... ขอขัดนิดนึงนะครับ  ผมว่าเราน่าจะให้เกียรติ คุณเจ้าของกระทู้ ซักหน่อย  ด้วยการกลับเข้ามาอยู่ในประเด็นคำถามที่ว่า ...

" ทำไมพระแม่ปราวตีแบบทมิฬ  ถึงมีพระวรกายสีเขียว ??  "


อยู่ในประเด็นกันดีกว่านะครับ  จะได้ไม่กลายเป็นกระทู้เดือดกันอีก  ^_^
!!
#14
มนต์สำหรับพระกุเวร  ผมรู้แต่มนต์บทนี้อ่ะครับ

โอม ชัมภาลา จาเลน ไนเยน สวาหะ ฯ

ซึ่งเป็นมนต์สำหรับ พระกุเวรแบบธิเบต หรือที่เรียกว่า ชัมภล อ่ะครับ  ไม่แน่ใจว่าใช้กันได้กับพระกุเวรแบบฮินดูหรือเปล่า
  คงต้องถามจากผู้รู้ท่านอื่นๆ แล้วล่ะครับ ^ ^
#15
 
Quote from: ben_ganesh on December 10, 2010, 22:33:43
มีบทสวดบูชามั่งไหมคับ ^^~


ใช้เป็น บทสวดของพระลักษมี + บทสวดของพระกุเวร  ก็ได้ครับ
#16
สัญลักษณ์รูปปลา น่าจะสื่อถึง สัญลักษณ์มงคล 1 ใน 8 หรืออัฐมังคลา(?)  หรืออาจจะสื่อความหมายถึงความอุดมสมบูรณ์  เพราะสังเกตได้จากไหต่างๆ  ล้วนบรรจุสิ่งของที่มีความหมายถึงความอุดมสมบูรณ์พูนสุข  การมีกินมีใช้ และความร่ำรวยแทบทั้งสิ้น  ไม่ว่าจะเป็น  แก้วแหวน อัญมณี เงินทอง  และเมล็ดธัญพืชต่างๆ เป็นต้นครับ
#17
มีคำแนะนำเล็กๆน้อย มาฝากนะครับ  ^ ^


- เทวรูปที่มีขนาดใหญ่ทีุ่สุดตั้งเป็นประธานได้เลยครับ  แล้วขนาบซ้าย-ขวา  ด้วยเทวรูปที่มีขนาดย่อมลงมา

- ถ้ากรณีเทวรูปมีขนาดเท่ากันหมดทั้ง 3 องค์  ต้องดูว่า คุณ bulemoon นับถือพระองค์ไหนที่สุด  ให้ตั้งองค์นั้นเป็นประธานของหิ้งครับ  แล้วอีก 2 องค์ขนาบซ้ายขวา ตั้งเยื้องมาข้างหน้าเล็กน้อย  แล้วให้หาตั่งหรือโต๊ะตัวเล็กๆ  หนุนองค์ที่เป็นประธาน (องค์กลาง) ของหิ้งให้สูงกว่าเล็กน้อย

เช่น ....

ถ้าคุณ bulemoon นับถือพระลักษมีมากที่สุด  ก็ให้ตั้งพระลักษมีเป็นประธานของหิ้ง  ขนาบด้วย พระแม่มารีอัมมัน  และพระสรัสวตี  เป็นต้นครับ




                    พระลักษมี
                    ----------
พระแม่มารีอัมมัน  ----------   พระสรัสวตี
-----------------         ------------
#18
เห็นเทวรูปพระสรัสวตี  องค์ประทับยืนเหนือหงส์แล้วประทับใจ  ^ ^  ส่วนตัวแล้ว ไม่ค่อยเห็นทรงพิมพ์แบบนี้  ถ้าไม่เป็นการรบกวนคุณเจ้าของกระทู้จนเกินไป  ช่วยลงรูปท่านๆ  ชัดๆ  สัก 3-4  มุมได้ไหมครับ  ขอบคุณล่วงหน้านะครับ
#19
คุณ Narada  ใช้คำว่า  "นัดแนะ"  เหมือนจะชวนกันไปขโมยของในวัดเลยอ่ะ  5555+
#20
          ส่วนตัวผมนับถึอพระสรัสวตี   ตั้งใจไว้ว่าอยากจะไปสักการะพระสรัสวตีเทวาลัย 2 แห่ง  คือ  เทวลัยพระสรัสวตีที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตต์  กับ เทวาลัยพระสรัสวตีที่วัดเทพมณเทฑียร  วันก่อนได้มีโอกาสไปทำบุญวันเกิดที่วัดสุทัศน์ฯ  เลยแวะสักการะท่านที่หน้าประตูทางเข้า วัดเทพมณเฑียร  ที่สำคัญไม่ลืมเก็บภาพมาฝาก  พี่น้องชาว HM  ด้วยครับ...   

         
  วัดเทพมณเฑียร
  หลายคนที่ไปวัดเทพมณเฑียรบ่อยๆก็จะคุ้นเคยกับเทวาลัยแห่งนี้อยู่แล้ว
เทวาลัยตั้งอยุ่ด้านหน้าทางเข้าโรงเรียนภารตะวิทยา
เทวรูปพระสรัสวตี ประทับนั่งบนหงส์
เทวรูปประดิษฐานอยู่บนแท่นมีกระจกล้อมปิดทั้งสี่ด้าน
ที่มุมทั้งสี่ประดิษฐานเทวรูปองค์เล็กๆ ของ พระคเณศ  พระศิวะ  พระวิษณุ  และพระพรหม  หันเข้าหาเทวรูปพระสรัสวตี
มีเทวรูปพระพรหมองหนึ่งประดิษฐานอยู่ภายในเทวลัย ใกล้ๆกัน
         
           พี่น้องชาว  HM  ที่นับถือพระแม่เจ้าองค์นี้  ควรหาโอกาสมาสักการะท่านที่นี่สักครั้งนะครับ ^^
            
          อ่อ...  ไม่กี่วันก่อนไปงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ  ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตต์   ก็แวะไปสักการะเทวรูปพระสรัสวตีที่นั่นสมใจเช่นกัน  กะว่าจะเก็บรูปมาฝากชาว HM ซักหน่อย  แต่ต้องผิดหวังเพราะ  ร.ป.ภ.  เดินมาไล่   บอกว่าห้ามถ่ายรูป  อ้อนวอนก็แล้ว  ขอร้องก็แล้ว  .... ประเด็นคือ  ทะเลาะกับยาม แถมไม่ได้เก็บรูปอีก ToT!!  เอาไว้คราวหน้าแล้วกันนะครับ  พี่น้องชาว HM ......
#21
       พวงมาลัยที่ได้  พราห์มท่านมอบให้กลับมาเป็นศิริมงคลครับ  ... พระลักษมีประทับยืน  เป็นเทวรูปองค์ใหม่ซินะ คุณ aarti mata  ?? 
      ท่าทางคงจะได้ขยายโต๊ะเร็วๆนี้  5555+    ตั้งขนาบคู่กับพระคเณศองค์ยืนก็ได้นะครับ แล้วย้ายศิวลึงค์มาอยู่ตรงกลางระหว่าง พระคเณศกับพระลักษมีองค์ประทับยืน จะได้สมดุลกัน ^^
#22
ไม่เห็นน่าน้อยใจเลยครับ คุณเจ้าของกระทู้  !!

   อย่างน้อยคุณก็ได้เป็นคนที่สมบูรณ์แล้วไงครับ  คุณได้นับถือท่านก็แสดงว่าคุณเข้าใกล้ความดีอยู่เนืองๆ  อย่างน้อยคุณก็ต้องยั้งคิดบ้างถ้าจะทำบาป 

   ถ้าคุณยังคิดว่าเทพเจ้าไม่อยู่กับคุณ  ไม่ช่วยเหลือคุณ  นั่นจะทำให้คุณห่างเหินจากท่าน  มิใช่ท่านที่ห่างเหิรเรา !!
#23
Quote from: Jagadamba on March 27, 2010, 21:23:12
เรียกว่าเทววิทยา ใช่มั้นครับ สงสัยเพื่อนเราบอกมาผิด รู้แค่งูๆปลาๆ 5555 เขินจัง
ว่าแต่ ข้อมูลทางเทววิทยา สามารถ เชื่อได้มากน้อยแค่ไหนครับ
พี่ๆๆคนไหนรู้ช่วยตอบด้วย เพราะจากที่อ่านๆดู มันคนละฟากกับ ตำนานเทพฮินดูที่เรารู้กันเลย
แต่อ่านๆไปก็สนุกดีนะ 555


คุณ  Jagadamba  ครับ !!

        เทววิทยา  เป็นศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับเทพเจ้าของศาสนา และลัทธิต่างๆ ของโลก   ครอบคลุมหมวดความรู้  อันได้แก่  ปกรณศาสตร์  สถาปัตยกรรมศาสตร์  ปฏิมาณวิทยา  พิธีกรรม หรือ มายาศาสตร์  เทพพยากรณ์ และนาฎยศาสตร์  ทั้งหมดนี้จะเกี่ยวเนื่องกัน   อย่างเช่น  ตำนานเทพอินดูที่คุณถาม  ก็อยู่ในหมวด ปรกรณศาสตร์ หรือที่เราเรียกว่า Mythology  เมื่อผู้คนศรทธานับถือเทพองค์ไหนก็จะมีการสร้างเทวรูปขึ้น  ก็ต้องใช้ความรู้ของหมวดปฏิมาณวิทยา  หรือถ้าจะสร้างเทวาลัยก็ต้องเกี่ยวข้องกับหมวดสถาปัตยกรรม  เป็นต้นครับ

       ดังนั้นเทววิทยา  จึงไม่ได้มีแค่เรื่องของตำนานเทพเท่านั้น  แต่ครอบคลุมถึงหมวดความรู้ที่กล่าวไปทั้งหมดข้างต้นครับ ^ ^

( ขอบคุณที่มา  : http://www.aromamodaka.com/Theology.htm )
#24
พระพุทธเจ้า ทรงอะไร ?  คำตอบคือ ...

พระพุทธเจ้า ทรงไว้ซึ่งพระปัญญาคุณ  พระวิสุทธิคุณ  และพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่แก่มวลมนุษยชาติ  ครับ   ^ ^ !!
#25
ขอบคุณ  คุณ drugakali  ครับ !!

ประวัติพระแม่ไวษณริกาลี  น่าสนใจ และสนุกมากเลยครับ  ไม่ทราบมาก่อนเลยว่า พระแม่ลักษมีท่านทรงมีใบหน้าเป็นพระกาลีได้ด้วย .... แหม  !! น่าจะสร้างเป็นภาพยนตร์ 3D นะครับ คงทำรายได้เฉียด Avatar 

       ยังคงรอประวัติที่เหลือของพระแม่ทั้ง 4  นะครับ   อืม...ขอทราบเป็น  พระสรัสกาลีก่อนได้ไหมครับ  เพราะผมนับถือท่าน  อยากทราบประวัติที่แตกต่างของท่าน ของหลายๆ พื้นที่น่ะครับ  ^ ^
#26
Quote from: narada on March 26, 2010, 07:45:24
ผมว่า เราน่าจะลอง คอยให้คุณdurgakali มาให้คำชี้แนะดีมั๊ยครับ  เผื่อท่านจะมีข้อมูลดีดีและชัดเจน แม่นยำ เดี๋ยวท่านคงจะมาให้ความรู้ พวกเรา   อ่ะคร้าฟ..


        หมายความว่า ข้อมูลที่มาจากคุณ durgakali คือข้อมูลที่ชัดเจนถูกต้อง และแม่นยำ  กว่าข้อมูลของผู้รู้ท่านอื่นๆหรือครับ ?   งั้นผมจะตั้งหน้าตั้งตารอคำตอบนะครับ....  อยากจะรู้จักเทวาลัยพระแม่ปัญจมุขขี แห่งนี้ให้มากขึ้นจริงๆ
      
   
#27
       เรื่องตาที่สามนั้นผมพอเข้าใจ  แต่เรื่อง  ใช้เลือดเจิม...??? ...เท่าที่ทราบมาโดยตลอด  พระเป็นเจ้าไม่โปรดการเบียดเบียน แล้วจะใช้เลือดจากผู้บูชามาเจิมเทวรูปได้อย่างไร ?  ท่านรับแต่เครื่องสังเวยที่เป็นมังสวิรัติ ( ยกเว้นบางพระองค์ )  แล้วแบบนี้ ถ้าเราจะใช้เลือดเจิมเทวรูปไม่เป็นการล่วงเกินท่านหรอกหรือ ?

      คุณอ้างถึงเทวาลัยพระแม่ปัญจมุขขี เพชรบุรี  อยู่บ่อยๆ  ผมจึงเริ่มจะสนใจสถานที่แห่งนี้ขึ้นมาแล้วซิ   คุณ durgakali น่าจะแนะนำเทวาลัยแห่งนี้  ให้กับผมและพี่น้องชาว HM  ได้รู้จักมากกว่านี้นะครับ ..... โพสรูปเทวาลัยให้ได้ชมกันหน่อยนะครับ..
#28
Quote from: สหัสรูปา on March 25, 2010, 22:04:09
[HIGHLIGHT=#7030a0][HIGHLIGHT=#ffffff]แต่ถ้าเป็นประเพณีอินเดีย  สามารถตั่งบนพื้นได้ครับ  ให้เทวรุปสูงกว่าพื้นพอควร ของบูชาสามารถวางบนพื้นได้ครับ
เพราะพื้นดิน คือพระภูมิเทวี  อันเป็นรูปหนึ่งของพระเจ้าครับ
[/HIGHLIGHT]
[/HIGHLIGHT]

คุณ สหัสรูปา  ตอบคติอินเดียไปแล้ว  ผมเสริมคติไทยให้นะครับ .... 

คนไทยถือว่าพระพุทธรูป  และเทวรูป  เป็นของสูงครับ  ดังนั้นสมควรตั้งไว้ในที่สูง และเหมาะสม  ระดับที่ต้องเงยหน้าขึ้นมองเห็น  เช่น  หิ้งพระ  หรือชั้นบนสุดของบ้าน   หรือถ้าเป็นห้องพระ  เวลานั่งต่อเบื้องหน้าพระพุทธรูป  หรือเทวรูป  โต๊ะหมู่บูชาก็จะสูงระยะเงยมองพอดี....


..... ลองปรับใช้ให้เหมาะสมกับสถานที่นะครับ   ^ ^
#29
อ่านกระทู้น่าสนใจมากครับ ... ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพระแม่กาลีมีภาคต่างๆด้วย??

       คุณ  Jagadamba ครับ... เวบ www.aromamodaka.com  ที่คุณเข้าไปอ่านนั้นถือว่าเป็นเวบที่เกี่ยวข้องกับ  เทววิทยา และมายาศาสตร์ ครับ  ไม่ใช่  ไสยวิทยา  เป็นเวบให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับเทพเจ้าในศาสนาต่างๆ   โดย  ท่าน อ. กิตติ  วัฒนะมหาตม์  ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญโดยตรง  รวมทั้งทีมงานท่านอื่นๆ ของเวบก็เช่นกัน   อ. กิตติ  ท่านเป็นเจ้าของงานเขียนเกี่ยวกับเทววิทยาหลายเล่ม  เช่น  ตรีเทวปกรณ์  เทวาลัย ฯลฯ   เป็นต้น  ผมก็เป็นหนึ่งคนที่ เคารพและติดตามผลงานของท่านอยู่ตลอด  ^ ^

      

       กาลี 5 ภาค  ผมไม่เคยได้ยินเลย...  คุณเจ้าของกระทู้อาจจะเข้าใจผิด  ระหว่าง  พระแม่กาลี 5 ภาค  กับ  พระแม่กายตรี  หรือเปล่า ??

เท่าที่ทราบพระแม่กายตรี  เป็นพระแม่ที่เกิดจาก คายตรีมนตรา  ไม่มีรูปลักษณ์มาแต่เดิม เป็นบุคลาธิษฐาน  แล้วต่อมาก็แต่งปกรณ์เพิ่มเข้าไป   จึงนำพระแม่ทั้ง 5  ได้แก่  พระสรัสวตี  พระอุมา  พระคงคา  พระลักษมี และพระธรณี  มาสร้างเป็นตัวตนของพระกายตรี ในภายหลัง


       ส่วนที่คุณเจ้าของกระทู้บอกว่า  คติฮินดูบางแห่งให้พระแม่กาลีมีได้กับทุกเทวี  นั่นก็หมายความว่า  พระแม่กาลีมิใช่เทพทีมีตัวตน ?  แต่เป็น  ตำแหน่งของเทวี ?  คุณเจ้าของกระทู้หรือคติฮินดูบางแห่งนั้น  หมายความแบบนี้หรือเปล่า ??   ถ้าหมายความแบบนี้ก็เป็นข้อมูลที่น่าสนใจมากทีเดียว   
         งั้นที่เค้าบูชาพระแม่กาลี กันได้ผล  สมปราถนากันมากมายหล่ะ แปลว่าท่านไม่มีตัวตนหรอครับ ?  หรือว่าเราต้องเอ่ยชื่อว่าเป็นพระแม่กาลี  พระองค์ไหน ?

         
       เพราะเท่าที่ผมทราบ   อย่างพระแม่ลักษมีกับพระสรัสวตี  สมัยโบราณท่านก็มิได้มีปางมากมายเลย  ยิ่งพระสรัสวตีนี่ยิ่งนับปางได้  นอกเสียจากจะเป็นปางที่สร้างขึ้นมาใหม่  เพื่อหวังผลทางการค้าหรือธุรกิจอโคจรต่างๆ  ตัวอย่างก็รูปที่  คุณ Jagadamba  เอามาโพสนั้นแหละครับ  เป็นการนำพระแม่กาลีมารวมกับพระลักษมี  ซึ่งเป็นไปไม่ได้   

        อย่างพระลักษมีปางที่ดุหรือปางปราบ  เคยได้ยินแค่  วีระลักษมี  แต่พระองค์ก็มิได้มีรูปลักษณ์อย่างพระกาลีไม่  ยังคงสวยงามตามแบบฉบับของเทวีแห่งความงาม ยังคงประทับบนดอกบัว  เพียงแต่มีพระกรมากขึ้น และทรงอาวุธครบมือ  หรือ พระไวษณวี  พระนารายณี  ที่ทรงอาวุธอย่างพระวิษณุ  ก็ยังคงรูปลักษณ์เป็นเทวีที่งดงาม


       แต่ถ้า  คุณเจ้าของกระทู้  มีคติเกี่ยวกับพระแม่กาลี 5 ภาคที่มากกว่านี้  ก็น่าจะหาข้อมูลมาลงไว้เป็นวิทยาทานให้กับพี่น้องชาว HM  จะเป็นพระคุณอย่างมากครับ !!
#30
Quote from: phorn456 on March 16, 2010, 13:51:52
คุณพี่ค่ะ ถ้ามีโอกาส ช่วยกรุณาเดินเลยไปทางศาลหลักเมืองด้วย ซิค่ะ แล้วเก็บรูปที่ศาลหลักเมืองมาฝาก ให้ชมบ้างนะค่ะ  ขอขอบคุณนะค่ะ


ถ้าผมมีโอกาสได้ไปศาลหลักเมือง จะเก็บภาพมาฝาก  คุณ phorn456 และพี่น้องชาว HM นะครับ ^ ^
#31
      ผมได้มีโอกาสไปกราบพระแก้วมรกต  ที่วัดพระแก้ว  จึงไม่ลืมที่จะแวะไปสักการะ  พระแม่ธรณีที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดอันดับต้นๆของเมืองไทย  นั่นคือศาลพระแธรณีบีบมวยผม  ริมถนนราชดำเนิน  สนามหลวง  ก็นึกขึ้นได้ว่าควรเก็บภาพความสวยงาม และความเป็นสิริมงคล  มาฝากครอบครัวชาว HM ด้วย  จึงฉวยกล้องตัวน้อยเก็บภาพมาฝากพี่น้อง HM ครับ


เทวมณฑลโดยรอบ




ประวัติความเป็นมา

     เทวาลัยพระศรีวสุนธรา หรือ  ศาลพระแม่ธรณีบีบมวยผม  เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่กับสนามหลวงมายาวนาน  พระแม่ธรณีบีบมวยผม เป็นศาลตั้งอยู่ถนนราชดำเนินใน ใกล้โรงแรมรัตนโกสินทร์และสะพานผ่านพิภพลีลา สร้างขึ้นในสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นปูนปั้น รูปพระแม่ธรณีกำลังบีบมวยผม มีน้ำสะอาดไหลออกมาจากปลายมวยผม สามารถใช้ดื่มกินได้

         พระแม่ธรณีบีบมวยผม สร้างจากพระราชดำริของ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ เพื่อแจกจ่ายน้ำดื่มบริสุทธิ์ให้ผู้คนทั่วไป โดย พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะที่กำลังทรงพระยศเป็นเจ้าฟ้าวชิราวุธฯ อยู่นั้น พระราชทานคำแนะนำให้สร้าง อุทกทาน เป็นรูปพระแม่ธรณีบีบมวยผม ปั้นขึ้นด้วยฝีพระหัตถ์ของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ ร่วมกับ พระยาจินดารังสรรค์ แล้วเสร็จทำพิธีเปิดในวันที่ 27 ธ.ค.2460 อันเป็นวันเฉลิมพระชนม์พรรษาของ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ

        ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นยุคที่ข้าวยากหมากแพง อุทกทานนี้ถูกชาวบ้านเข้ามาขโมยเอาอุปกรณ์ท่อน้ำต่างๆไปจนทำให้ใช้การไม่ได้ และได้รับการซ่อมแซมให้ใช้ได้เหมือนเดิมในรัฐบาล จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ แต่สถานที่นี้ก็ไม่ได้ใช้เป็นที่แจกจ่ายน้ำสะอาดอีกต่อไป คงเหลือแต่ศาลศักดิสิทธิ์ ที่ให้ผู้คนมาสักการะเท่านั้น รูปพระแม่ธรณีบีบมวยผมแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ จึงถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของหลายหน่วยงาน รวมทั้งเป็นเครื่องหมายของ พรรคประชาธิปัตย์ด้วย

ที่มา  :   http://www.guidescenter.com/message_board.php?msg_type=2&msg_id=8845






หอเทวาลัย



องค์เทวรูป (เป็นเนื้อสำริดรมดำ)



พระพักตร์ที่งดงาม







หม้อน้ำทิพย์   รองรับน้ำที่ไหลจากพระเกศา


มีเทวรูปองค์เล็กๆให้ผู้ศรัทธาได้ถวายน้ำสรง
------------------------------------------------
         บรรยากาศโดยรอบ ศาลพระแม่ธรณีบีบมวยผม  มีผู้ศรัทธาแวะเวียนมาสักการะอย่างต่อเนื่อง  แต่น่าเสียดายที่มีคนถวายผ้าหลากสีห่มองค์เทวรูปจนมิดองค์   ทำให้ไม่สามารถเห็นรายละเอียดของเทวรูปได้อย่างชัดเจน  เพราะผมเคยเห็นองค์เทวรูปแบบเต็มๆ  แบบที่ไร้ผ้าหลากสีห่มคลุม จากนิตยสารเล่นนึง  เห็นว่าเป็นเทวรูปที่สวยงามมากๆ   แต่น่าเสียดายจริงๆ  ที่คราวนี้ไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง
         
          อีกเรื่องหนึ่งที่น่าหดหูไม่แพ้กัน  ก็คือผู้ดูแลศาล (คาดว่าน่าจะเป็นชาวบ้านแถวนั้น)  ปีนขึ้นเทวาลัยเป็นว่าเล่น  เพียงเพื่อนำของถวายไปวาง  นำดอกไม้ไปคล้ององค์  และนำผ้าหลากสีไปห่มคลุมเทวรูป  ดูแล้วไม่เหมาะสมเลย
         พี่น้องชาว HM  หากแวะเวียนไปแถวสนามหลวง  ก็แวะขอพรท่านเพื่อเป็นศิริมงคล  อ่อ...แล้วก็อย่าลืมขอพลีน้ำมนต์จากหม้อน้ำทิพย์กลับบ้านไปเป็นมงคลด้วยนะครับ  ที่สำคัญในฐานะที่พระองค์เป็น พระแม่แห่งแผ่นดิน  เป็นเทพผู้คุ้มครองประเทศชาติ  ก็ช่วยกันขอพรให้ท่านทรงคุ้มครองประเทศไทย  อย่าให้คนบาปที่ไหนคิดทำลายประเทศไทยได้สำเร็จ .....  ขอพระองค์ทรงคุ้มครองชาวไทย  และประเทศไทยด้วยเทอญ  !!!
#32
จัดแท่นบูชาใหม่  สวยงามอลังการ  กว่าเดิม...ม  !!!  และมาพร้อมกับพระแม่องค์ใหม่

จึงขอเสียงปรบมือให้  คุณ  aarti_mata  ครับ !!!   เย้ๆ  วี๊ดวิ้ว ๆ  ( เสียง Sound ปรบมือ  แปะ ๆ)  
#33
เรื่องของปางต่างๆนี่  ผมไม่มีความรู้เลย  ^^ !!   ต้องรบกวนท่านอื่นๆ แล้วครับ ... 


...แต่มีข้อมมูลเรื่องลักษณะการยืน  การนั่ง ของเทวรูป  ให้คุณเจ้าของกระทู้ไว้พิจารณา  ครับ

เรื่องของการประทับนั่ง  หรือประทับยืน ของเทวรูปนั้นเป็นเรื่องของศิลปะครับ แล้วแต่วิจารณญาณของศิลปินที่สร้างเทวรูปองค์นั้นว่าควรเป็นลักษณะแบบใด  ไม่ได้กำหนดไว้เป็นกฎเกณฑ์ตายตัวว่า  คนนี้ควรรบูชาแบบนี้  คนนี้ควรบูชาแบบนั้น 

แต่สิ่งที่สำคัญกว่า  ก็คือเรื่องของ  เทวลักษณะที่ถูกต้อง และความชอบของผู้บูชา มากกว่าครับ

หมายความว่า  การที่คุณจะเลือกเทวรูปสักองค์  คุณควรต้องชอบเทวรูปองค์นั้นเสียก่อน  ถ้าชอบแล้วรู้สึกดีกับทวรูปองค์นั้น  ก็มาพิจารณาเทวลักษณะว่าถูกต้องถูกสัดส่วนหรือไม่  แล้วก็พิจารณาเรื่องอื่นๆต่อไป  เช่น  เรื่องงบประมาณ  สถานที่ตั้งเทวรูป ฯลฯ  ถ้าทุกอย่างลงตัว  และคุณไม่ขัดข้องเดือดร้อน  เทวรูปองค์นั้นก็เหมาะกับคุณ ... แบบนี้เป็นต้นครับ

ซึ่งบางครั้งความชอบอย่างเดียว  แต่เทวลักษณะไม่ถูกต้องก็ไม่ดีเหมือนกัน...
#34
ขอ แนะนำคุณ  aarti_mata  เล็กน้อยนะครับ   

1. แท่นบูชาโดยรวมยังดูไม่สมดุล  เพราะทางซ้ายมือของเทวรูปองค์ประธาน  มีเทวรูปพระลักษมี 2 องค์  แต่ทางขวามีพระสรัสวดี 1 องค์  เลยทำให้ดูหนักๆไปทางซ้าย  อาจจะหาเทวรูปมาเพิ่ม  หรือย้ายพระคเณศองค์สีขาวไปก็ได้ครับ

2. เห็นมีแจกันดอกไม้  ควรหาดอกไม้มาใส่เอาไว้ครับ  แท่นบูชาไม่ควรแห้งแล้ง  เพราะจะทำให้ชีวิตเราแห้งเหี่ยว  เพราะแท่นบูชาคือพลังที่คุ้มครองผู้บูชาครับ

3. แก้วน้ำเยอะไปครับ  ให้นับว่ามีเทพกี่องค์  ก็ถวายตามจำนวน  ไม่ใช่นับตามจำนวนเทวรูปที่มีครับ  เช่นมีพระลักษมี 3 องค์ พระคเนศ 2 องค์  พระสรัสวตี 1 องค์  ก็ถวายแค่  3  ถ้วยก็พอครับ  และควรมีถ้วยน้ำอยู่บนแท่นบูชาเสมอนะครับ

4. ส่วนผ้าปู  ( ไม่ทราบว่าซื้อมาหรือยัง ^^ )  แนะนำเป็นผ้าสีพื้นๆ  ไม่ควรมีลวดลายเยอะเกินไป


นี่เป็นคำแนะนำของท่าน อ. กิตติ  ที่เคยตอบจดหมายเรื่องวิธีการจัดแท่นบูชา นะครับ  เอามาแบ่งปันกัน  หลักง่ายๆที่ อ. กิตติ ท่านแนะนำ  ก็คือจัดแท่นบูชาให้ดูสมดุล  ก็จะเกิดมณฑลพลังที่สมดุลกับบริเวณแท่นบูชา  พลังมงคลต่างๆก็จะเกิดกับผู้บูชาครับ

อยู่คอนโดไม่ทราบว่ามีปัญหาเรื่องการจุดธูปหรือกำยานหรือเปล่า ?  เพราะ  อ. กิตติ ท่านก็แนะนำให้จุดกำยานถวายประทีปบ่อยๆ  สำหรับเทวรูปที่มีขนาดหน้าตัก 3 นิ้ว ขึ้นไปครับ..
#35
ง่า.... !!  ข้าน้อยหาได้มีเจตนาแอบแฝงโฆษณาไม่ ครับ ท่านกาลิทัส  ...พอดีไปเดินสวนฯ มาแล้วเคยเห็น  จึงมาบอกเฉยๆนะขอรับ  ^ ^  !!
#36
คุณบาสครับ !!   ผมเคยเห็นที่สวนจตุจักรด้วยครับ  โซนตรงธนาคารกรุงเทพ  ใกล้ๆ กองอำนวยการตลาดนัด  ตรงที่มี ธนาคารเยอะๆอ่ะครับ แถวนั้น  แถวๆตรงที่ขายพวกถ้วยชามเซรามิกเยอะๆอ่ะครับ ( อธิบายไม่ถูกอ่ะ - - )  .... ใน JJ Mall  ก็มีร้านนึงครับ งานคล้ายแบบนี้เลย  ถ้าจำไม่ผิดอยู่ชั้นใต้ดินอ่ะครับ   .....
#37
เห็นมีพระพุทธรูปด้วย...น่าจะจัดที่สำหรับตั้ง  พระพุทธรูปโดยเฉพาะ ต่างหากนะครับ ^^
#38
คุณเสือ สู้ๆ นะครับ !!  ศิลปะไม่มีถูกมีผิดหรอก  ส่วนคำติชมก็ถือซะว่าเป็นแรงฮึดสู้  เอาไว้ปรับปรุง และฝึกฝนฝีมือให้เก่งขึ้นไงครับ ^^
#40
ยินดีๆ  ยินดีด้วยคร้าบ..บบ !!