Loader
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Naga

#1
          ส่วนตัวผมนับถึอพระสรัสวตี   ตั้งใจไว้ว่าอยากจะไปสักการะพระสรัสวตีเทวาลัย 2 แห่ง  คือ  เทวลัยพระสรัสวตีที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตต์  กับ เทวาลัยพระสรัสวตีที่วัดเทพมณเทฑียร  วันก่อนได้มีโอกาสไปทำบุญวันเกิดที่วัดสุทัศน์ฯ  เลยแวะสักการะท่านที่หน้าประตูทางเข้า วัดเทพมณเฑียร  ที่สำคัญไม่ลืมเก็บภาพมาฝาก  พี่น้องชาว HM  ด้วยครับ...   

         
  วัดเทพมณเฑียร
  หลายคนที่ไปวัดเทพมณเฑียรบ่อยๆก็จะคุ้นเคยกับเทวาลัยแห่งนี้อยู่แล้ว
เทวาลัยตั้งอยุ่ด้านหน้าทางเข้าโรงเรียนภารตะวิทยา
เทวรูปพระสรัสวตี ประทับนั่งบนหงส์
เทวรูปประดิษฐานอยู่บนแท่นมีกระจกล้อมปิดทั้งสี่ด้าน
ที่มุมทั้งสี่ประดิษฐานเทวรูปองค์เล็กๆ ของ พระคเณศ  พระศิวะ  พระวิษณุ  และพระพรหม  หันเข้าหาเทวรูปพระสรัสวตี
มีเทวรูปพระพรหมองหนึ่งประดิษฐานอยู่ภายในเทวลัย ใกล้ๆกัน
         
           พี่น้องชาว  HM  ที่นับถือพระแม่เจ้าองค์นี้  ควรหาโอกาสมาสักการะท่านที่นี่สักครั้งนะครับ ^^
            
          อ่อ...  ไม่กี่วันก่อนไปงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ  ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตต์   ก็แวะไปสักการะเทวรูปพระสรัสวตีที่นั่นสมใจเช่นกัน  กะว่าจะเก็บรูปมาฝากชาว HM ซักหน่อย  แต่ต้องผิดหวังเพราะ  ร.ป.ภ.  เดินมาไล่   บอกว่าห้ามถ่ายรูป  อ้อนวอนก็แล้ว  ขอร้องก็แล้ว  .... ประเด็นคือ  ทะเลาะกับยาม แถมไม่ได้เก็บรูปอีก ToT!!  เอาไว้คราวหน้าแล้วกันนะครับ  พี่น้องชาว HM ......
#2
      ผมได้มีโอกาสไปกราบพระแก้วมรกต  ที่วัดพระแก้ว  จึงไม่ลืมที่จะแวะไปสักการะ  พระแม่ธรณีที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดอันดับต้นๆของเมืองไทย  นั่นคือศาลพระแธรณีบีบมวยผม  ริมถนนราชดำเนิน  สนามหลวง  ก็นึกขึ้นได้ว่าควรเก็บภาพความสวยงาม และความเป็นสิริมงคล  มาฝากครอบครัวชาว HM ด้วย  จึงฉวยกล้องตัวน้อยเก็บภาพมาฝากพี่น้อง HM ครับ


เทวมณฑลโดยรอบ




ประวัติความเป็นมา

     เทวาลัยพระศรีวสุนธรา หรือ  ศาลพระแม่ธรณีบีบมวยผม  เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่กับสนามหลวงมายาวนาน  พระแม่ธรณีบีบมวยผม เป็นศาลตั้งอยู่ถนนราชดำเนินใน ใกล้โรงแรมรัตนโกสินทร์และสะพานผ่านพิภพลีลา สร้างขึ้นในสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นปูนปั้น รูปพระแม่ธรณีกำลังบีบมวยผม มีน้ำสะอาดไหลออกมาจากปลายมวยผม สามารถใช้ดื่มกินได้

         พระแม่ธรณีบีบมวยผม สร้างจากพระราชดำริของ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ เพื่อแจกจ่ายน้ำดื่มบริสุทธิ์ให้ผู้คนทั่วไป โดย พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะที่กำลังทรงพระยศเป็นเจ้าฟ้าวชิราวุธฯ อยู่นั้น พระราชทานคำแนะนำให้สร้าง อุทกทาน เป็นรูปพระแม่ธรณีบีบมวยผม ปั้นขึ้นด้วยฝีพระหัตถ์ของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ ร่วมกับ พระยาจินดารังสรรค์ แล้วเสร็จทำพิธีเปิดในวันที่ 27 ธ.ค.2460 อันเป็นวันเฉลิมพระชนม์พรรษาของ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ

        ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นยุคที่ข้าวยากหมากแพง อุทกทานนี้ถูกชาวบ้านเข้ามาขโมยเอาอุปกรณ์ท่อน้ำต่างๆไปจนทำให้ใช้การไม่ได้ และได้รับการซ่อมแซมให้ใช้ได้เหมือนเดิมในรัฐบาล จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ แต่สถานที่นี้ก็ไม่ได้ใช้เป็นที่แจกจ่ายน้ำสะอาดอีกต่อไป คงเหลือแต่ศาลศักดิสิทธิ์ ที่ให้ผู้คนมาสักการะเท่านั้น รูปพระแม่ธรณีบีบมวยผมแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ จึงถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของหลายหน่วยงาน รวมทั้งเป็นเครื่องหมายของ พรรคประชาธิปัตย์ด้วย

ที่มา  :   http://www.guidescenter.com/message_board.php?msg_type=2&msg_id=8845






หอเทวาลัย



องค์เทวรูป (เป็นเนื้อสำริดรมดำ)



พระพักตร์ที่งดงาม







หม้อน้ำทิพย์   รองรับน้ำที่ไหลจากพระเกศา


มีเทวรูปองค์เล็กๆให้ผู้ศรัทธาได้ถวายน้ำสรง
------------------------------------------------
         บรรยากาศโดยรอบ ศาลพระแม่ธรณีบีบมวยผม  มีผู้ศรัทธาแวะเวียนมาสักการะอย่างต่อเนื่อง  แต่น่าเสียดายที่มีคนถวายผ้าหลากสีห่มองค์เทวรูปจนมิดองค์   ทำให้ไม่สามารถเห็นรายละเอียดของเทวรูปได้อย่างชัดเจน  เพราะผมเคยเห็นองค์เทวรูปแบบเต็มๆ  แบบที่ไร้ผ้าหลากสีห่มคลุม จากนิตยสารเล่นนึง  เห็นว่าเป็นเทวรูปที่สวยงามมากๆ   แต่น่าเสียดายจริงๆ  ที่คราวนี้ไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง
         
          อีกเรื่องหนึ่งที่น่าหดหูไม่แพ้กัน  ก็คือผู้ดูแลศาล (คาดว่าน่าจะเป็นชาวบ้านแถวนั้น)  ปีนขึ้นเทวาลัยเป็นว่าเล่น  เพียงเพื่อนำของถวายไปวาง  นำดอกไม้ไปคล้ององค์  และนำผ้าหลากสีไปห่มคลุมเทวรูป  ดูแล้วไม่เหมาะสมเลย
         พี่น้องชาว HM  หากแวะเวียนไปแถวสนามหลวง  ก็แวะขอพรท่านเพื่อเป็นศิริมงคล  อ่อ...แล้วก็อย่าลืมขอพลีน้ำมนต์จากหม้อน้ำทิพย์กลับบ้านไปเป็นมงคลด้วยนะครับ  ที่สำคัญในฐานะที่พระองค์เป็น พระแม่แห่งแผ่นดิน  เป็นเทพผู้คุ้มครองประเทศชาติ  ก็ช่วยกันขอพรให้ท่านทรงคุ้มครองประเทศไทย  อย่าให้คนบาปที่ไหนคิดทำลายประเทศไทยได้สำเร็จ .....  ขอพระองค์ทรงคุ้มครองชาวไทย  และประเทศไทยด้วยเทอญ  !!!
#3
         สำหรับหลายๆคนคงสงสัยว่า  ทำไมเวลาเราไหว้พระ หรือบูชาเทพ  เราต้องจุดธูปเที่ยน ?  สวดมนต์อย่างเดียวไม่ได้หรือ ?

         การจุดกำยาน ธูป และประทีป  เป็นการถวายกลิ่นหอม  และแสงสว่างเป็นเครื่องบูชาแก่เทพเจ้า  ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่า  แทบทุกศาสนา  ทุกลัทธิ  ให้ความสำคัญกับกำยาน ธูป และประทีปมากพอสมควร

         กำยานและธูป   ควันกำยาน และควันธูป มีอานุภาพในการชำระกระแสพลังอัปมงคลบริเวณแท่นบูชา  หรือเทวลัยให้บริสุทธ์อยู่เสมอ  และช่วยรักษาพลังที่แผ่ออกมาจากเทวรูปให้คงที่อีกด้วย  กลิ่นหอมจากกำยานทำให้จิตใจสงบ มีสมาธิ  มีผลในด้านของการบำบัดสุขภาพ ( กรณีเป็นกำยาน  และน้ำมันหอมระเหย ที่มีส่วนผสมของธรรมชาติแท้ๆ หรือที่เรียกว่า ธรรมชาติบำบัด - Aromatherapy)  และควันมีสภาวะธาตุ เป็นธาตุลม  นำมนต์และคำอธิฐานของเราไปสู่เทพเจ้าได้เร็วขึ้น   


          ประทีป  อาจจะเป็นเทียน  หรือน้ำมันตะเกียงก็ได้  เป็นตัวแทนของแสงสว่าง  และความรู้แจ้ง  มีสภาวะธาตุ เป็น ธาตุไฟ  โดยปกติจะจุด 2 ดวง  ขนาบซ้ายขวา  ไม่นิยมจุดดวงเดียว   เนื่องจากการจุดประทีปดวงเดียว ใช้ในงานอวมงคล  หากใช้ตะกียงน้ำมันควรใช้น้ำมันที่ทำจากพืชเป็นเชื้อเพลิง  เช่น  น้ำมันดอกทานตะวัน  น้ำมันถั่วเหลือง  เป็นต้น  (เหมือนผมจะเคยอ่านเจอ ว่ามีน้ำมันสำหรับใช้เติมตะเกียงไฟโดยเฉพาะเรียกว่าอะไรไม่ทราบ ? ... รบกวนข้อมูลจากผู้รู้ท่านอื่นๆ หน่อยนะครับ)
...
          ข้อแนะแนะนำในการบูชาประจำวัน  ควรจุดประทีปและกำยานทุกวัน  อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง (หรือกำยาน 1 ดอก/วัน) หรือตามความเหมาะสม   เพื่อเป็นการชำระบริเวณแท่นบูชาให้บริสุทธ์  และเป็นการสร้างมณฑลให้กับแท่นบูชา  ส่วนธูปนั้นไม่จำเป็นต้องจุดทุกวัน (ถ้าคุณมีทั้งธูปและกำยาน) แต่ใช้จุดในวันที่มีการถวายเครื่องสังเวย  ก็จุดธูปเพิ่มเติมจากกำยานได้

        ส่วนประทีปนั้น  ถ้าใช้เทียนก็สามารถดับเทียนกรณีที่กำยานหมดดอก  และสามารถจุดเทียนเล่มเดิมใช้ได้จนหมด  ถ้าเป็นตะเกียงน้ำมันต้องหมั่นตรวจปริมาณน้ำมัน ให้เพียงพอในการจุดแต่ละครั้งด้วย

.....ปัจจุบันมีการการใช้เตาน้ำมันหอมระเหย (แบบที่ใช้เทียนชาทรงเตี้ย  ต้มน้ำในเตาเล็ก  แล้วหยดหัวน้ำหอมลงไปต้มให้กลิ่นระเหยขึ้นมา ) มาใช้ในการบูชาเทพด้วย  ซึ่งช่วยให้จิตใจสงบ  และมีผลดีต่อสุขภาพด้วยครับ .....
อ้างอิงจาก  :  งานเขียนของ  อาจารย์กิตติ  วัฒนะมหาตม์  และ www.aromamodaka.com

[/SIZE][/FONT]
รูป  เตาน้ำมันหอมระเหย
#4
หากใครได้ผ่านไปย่านสี่แยกราชประสงค์ ย่อมต้องคุ้ยเคยกับควันธูป กลิ่นเทียน  จากศาลเทพเจ้าศักดิ์ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย  ตรงหัวมุมถนนด้านโรงแรม แกรนด์ ไฮแอท เอราวัน นั่นคือ   ศาลพระพรหมเอราวัณ

ความศักสิทธิ์ของศาลพระพรหมเอราวัณแห่งนี้เป็นที่เลื่องลือไปทั้วโลก   พลังศรัทธาของคนจากทั่วสารทิศ  ถึงขนาดชาวต่างชาติต้องข้ามน้ำข้ามทะเล  เพื่อมากันเลยทีเดียว  ผู้ึคนแวะเวียนมาสักกการะตลอดทั้งวันไม่ขาดสาย  ตั้งแต่เปิดจนถึงปิดศาล  แต่จะมีซักกี่คนที่รู้ว่า  ศาลพระพรหมอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เป็นพระพรหมใน  คติพุทธ


รูป : พระพรหมเอราวัณองค์ใหม่ (คติพุทธ)

ความคิดในการสถาปนาเทวาลัยพระพรหมเอรวัณแห่งนี้เป็นการแนะนำ ของ  คุณหลวงสุวิชาญแพทย์  ผู้เชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุคนั้น  เพื่อขจัดอาถรรพ์บริเวณพื้นที่ดังกล่าว  โดยคุณหลวงสุวิชาญแพทย์นั้น  ท่านได้ติดต่อทางจิตกับท่านท้าวมหาพรหมโดยตรง

.....
พรหมโลกมีทั้งหมด 20 ชั้น แบ่งเป็น รูปพรหม 16 ชั้น และ อรูปพรหม 4 ชั้น   บุคคลได้กระทำความดีมีผลบุญสูงจะได้เกิด เป็นพรหม  พระพรหมในคติของพุทธ  มีอยู่มากมายหลายองค์  เช่น  ท้าวสหับดีพรหม  ท้าวผกาพรหม  เป็นต้น... 

เนื่องจากในสมัยนั้นไม่มีการสร้างเทวรูปพระพรหมในคติพุทธมาก่อน  ช่างศิลปินในสมัยนั้น จึงมีการยืมเทวลักษณะพระพรหมฮินดูมาประยุกต์จนออกมาเป็น  เทวรูปเทวดาที่มี 4 พระพักตร์   มีพระกร  8  พระกร ประทับนั่งบนบัลลังก์สง่างามมาก  หล่อจากปูนปาสเตอร์ปิดทอง

ส่วนเทวาลัยก็เช่นกันช่างศิลปินในสมัยนั้น  ออกแบบเห็นหอจตุรมุขเปิด 4 ด้าน  ประดับลวดลายอย่างงดงามอลังการ  และกลายมาเป็นต้นแบบของศาลพระพรหมในปัจจุบัน

....อาจจะกล่าวได้ว่าศาลพระพรหมจตุรมุขเปิดสี่ด้าน  กับเทวรูปพระพรหมองค์ดังกล่าว   เป็นต้นแบบของศาลพระพรหมทั่วเมืองไทย  หรืออาจจะเป็นทั่วโลกเลยก็ว่าได้ ....

เมื่อตัวศาลจตุรมุขสร้างเสร็จ  คุณหลวงสุวิชาญแพทย์  ก็รับเป็นเจ้าพิธี  อัญเชิญเทวรูปท่านท้าวมหาพรหมประดิษฐานบนหอจตุรมุข  ซึ่งเป็นพระพรหมในคติพุทธ  องค์แรกของเมืองไทย  แต่ทิพย์ภาวะที่แท้จริงของพระพรหมองค์นี้ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ถึงปัจจุบันว่า  เป็นพระพรหมองค์ใด


และเมื่อไม่นานมานี้....คนไทยก็ต้องสลดใจกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน  เมื่อมีชายวิกลจริตบุกทุบทำลายเทวรูปพระพรหมองค์เดิมจนเสียหาย  แต่ชายคนนั้นก็ได้รับผลกรรมที่บังอาจล่วงละเมิด  มหาเทพที่ศักดิ์สิืทิธิ์ที่สุด ทรงเทวานุภาพที่สุดของเมืองไทย  อย่างสาสมที่สุดเช่นกัน

ซึ่งก็ได้มีการรีบเร่งบูรณะองค์เทวรูปองค์ใหม่ให้กลับมาประดิษฐาน เพื่อเป็นมิ่งขวัญของชาวไทยและชาวต่างชาติให้เร็วที่สุด  โดยใช้ชิ้นส่วนเดิมของเทวรูปองค์เก่าผสมลงไปด้วย

และในที่สุดคนไทยก็ได้เทวรูปพระพรหมองค์ใหม่ที่สวยงามกว่า กลับมาประดิษฐานในเทวาลัย  เป็นที่พึงทางจิตใจของคนไทย และชาวต่างชาติเหมือนเิดิม....

จึงอาจสรุปได้ว่า...ท่านท้าวมหาพรหมเอราวัณ ทรงเป็น พระพรหมในคติพุทธ  นั่นเอง




.....ส่วนคนที่อยากไปสักการะเทวาลัยพระพรหมแบบฮินดู  ในประเทศไทย ก็มีอยู่เพียงที่เดียว  ที่มีการสร้างเทวาลัยถวายเป็นการเฉพาะ  นั่นคือ  ที่วัดพระศรีมหาอุมาเทวี หรือ วัดแขก สีลม นั่นเอง





รูป
เทวาลัยพระพรหมฮินดู  วัดแขก สีลม

ที่มา : www.siamganesh.com/lordbrahma.html

ที่มาข้อมูล    :   http://th.wikipedia.org/wiki/ศาลท่านท้าวมหาพรหม_โรงแรมเอราวัณ
#5
สวัสดีครับ !! เพื่อน พี่ น้อง ชาว hindumeeting  ทุกคนครับ  ผมนาย Naga  รายงานตัวครับ ...ยังไงต้องขอให้ เพื่อนๆ พี่ น้องท่านอื่นๆ แนะนำด้วยนะครับ  ขอบคุณครับ

( ขอสารภาพผิดนิดนึง.....จริงๆ แอบมาตอบกระทู้ไป 3-4 กระทู้แล้ว  แต่เพิ่งมาแนะนำตัวอย่างเป็นทางการก็วันนี้เองครับ - - ' อิอิ )