Loader
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - อินทุศีตาลา

#201
อิอิ

ว่าแต่ไม่ใช่องค์เดียวนะคะคุณบาสขา พระภิกษุณีในพระวิหารนี้มีตั้ง 52 องค์แน่ะค่ะ แต่ละองค์อยู่ในอากัปกิริยาต่างๆกัน โดยอาศัยเอากิริยาที่ท่านนั้นๆบรรลุโลกุตรธรรม บางองค์จึงนั่งอยู่ บางองค์กำลังสวดมนตร์ บางองค์เอนตัว เป็นต้น โดยมีประธานของพระภิกษุณีทั้งมวลคือพระปชาบดีโคตมีเถรีค่ะ

รูปหล่อเหล่านี้ทำจากดีบุก ขนาดหน้าตัก 11 นิ้ว สูง 21 นิ้ว ส่วนที่ทำรูปพระภิกษุณีเพราะวัดนี้เป็ฯวัดของผู้หญิงค่ะ ดังจะเห็ฯว่าศิลปกรรมในวัดแลดู ผู้หญิ๊ง ผู้หญิง

เห็นคุณบาสสนใจ (เพราะปรกติไม่ค่อยมีใครสนใจดิฉันเท่าไร) เลยหารูปมาฝากค่ะ


ในพระวิหาร


พระเถรี


พระโคตมีเถรี
#202
ส่วนดิฉันชอบฟังและชอบอ่านค่ะ คงต้องขอฝากตัวเช่นกัน
#203
พึ่งทราบครับว่าที่นี่มีรูปปั้นประเถรี น่าสนใจมากจริงๆครับ ผ่านอยู่บ่อยเหมือนกัน แต่ไม่เคยเข้า เดี๋ยวคงต้องหาวันว่างไปซะแล้ว จะได้ไปพิพิธภัณฑ์ทัณฑสถานแห่งชาติ ด้วย(ยังไม่เคยไปเลย)
[/quote]


อิอิ มีทำตัวหนาด้วย เหมือนถูกแซวเลยล่ะค่ะคุณบาส อิอิ (ล้อเล่นนะคะ)
จริงๆค่ะน่าสนใจมาก พระเถรีในพระวิหารนี้ คู่กับรูปปั้นพระเถระในพระอุโบสถวัดสุทัศน์ค่ะ เพียงแต่ที่วัดเทพธิดานี้มีขนาดย่อมกว่า

วัดในรัชกาลที่สามนั้นมีงามๆหลายวัด แต่มักไม่ค่อยได้รับการทำนุบำรุงด้วยพระราชนิยมในพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลต่อมาท่านไม่โปรด แต่หลายๆวัดมีของงามๆซ่อนอยู่ค่ะ

ว่าแต่ว่าเมื่อวันศุกร์ที่ 18 ที่ผ่านมา ดิฉันไปร่วมอารตีที่วัดเทพมณเฑียร เห็นมีหลายๆท่านคุ้นหน้าคุ้นตาชอบกล มีใครร่วมงานในวันนั้นบ้างหรือเปล่าคะ
#205
แหม คุณน้องเสือล่ะก็ ว่าแต่ช่วงหลังๆเราไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะคะ แต่พี่ก็ติดตามกระทู้ของคุณน้องตลอดเลยแหละ เพียงแต่พี่นิสัยเสียไม่ค่อยได้เข้าไปร่วมสนุกในกระทู้เท่าไร

ปรกติเข้าไปเวียนเทียนที่วัดพระแก้วนี่เข้าไปทำงานด้วยน่ะค่ะ เสร็จงานก็ช่วงค่ำๆ เลยแวบไปไหนไม่ค่อยได้ เอาไว้คราวหน้าจะหาช่องเหมาะแวบไปนะคะ

เห็นด้วยกับคุณโอม มหาบารมี เทวา โอมนะคะ ว่าวัดเทพธิดานั้น งามและเงียบสงบดีเหลือเกินค่ะ บางคนเข้าใจว่าโบสถ์ปิดเพราะประตูด้านหน้าของโบสถ์จะปิดประตูเหล็กดัดไว้ตลอดศก แต่ที่จริงประตูด้านหลังโบสถ์เปิดตลอดนะคะ ดิฉันชอบการตกแต่งโบสถ์มาก ตั้งแต่พระพุทธเทววิลาส พระประธาน บุษบกทรงพระประทาน พระพุทธรูปทรงเครื่องสององค์ด้านหน้าพระประธาน

ใครแวะไปก็อย่าลืมเข้าไปกราบพระในพระวิหารด้วยนะคะ ด้านหน้ามีรูปปั้นพระเถรี แห่งเดียวในประเทศไทย น่าสนใจมากค่ะ


#206
ปรกติไปวัดเทพมณฌฑียรค่ะ เพราะเดินทางจากบ้านสะดวก นอกจากวันดีคืนดีจึงจะไปวัดแขกสีลมและวัดวิษณุบ้าง

ส่วนวัดพุทธนั้น ตามปรกติดิฉันไปอยู่สองวัดคือ วัดราชาธิวาสเพราะชอบว่าสวยและวัดเทพธิดาราม เพราะเดินทางสะดวก

หากเป็นวันสำคัญทางศาสนา เช่นมาฆบูชา วิสาขบูชาหรืออาสาฬหบูชา ดิฉันจะเริ่มจากเวลาบ่ายโมงฟังเทศน์ที่วัดเทพธิดาแล้วเดินไปฟังสวดพระปาฏิโมกข์ที่วัดราชบพิตรตอนบ่ายสามโมง แล้วเลยไปงานเวียนเทียนที่วัดพระแก้ว แล้วจึงกลับบ้านค่ะ
#207
ทราบว่าวันเสาร์ที่ 26 และอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายนนี้ จะมีงานสมโภชเนื่องในโอกาสสถาปนาวัดวิษณุมณเฑียรมาครบ 9 ปี นับจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯมาทรงวางศิลาฤกษ์เมื่อปี 2544

งานวันเสาร์เริ่ม 8 โมงเช้า วันอาทิตย์เริ่ม 10 โมง
อันที่จริงหากใครไปวัดวิษณุช่วงนี้ทางวัดมีเอกสารและกำหนดการแจกด้วยค่ะ แต่ดิฉํนทำหายไปเรียบร้อยแล้ว หากใครสนใจหรือมีข้อมูล นำมาแบ่งปันก็จะเป็ฯพระคุณมากค่ะ
#208
ยินดีต้อนรับค่ะ เห็ฯการแนะนำตัวแล้ว อยากคุยกันเหลือเกิน น่าเอ็นดูดีค่ะ
ขอต้อนรับสู่บ้านของเรา และขอพระผู้เป็นเจ้าทรงอำนวยพระพร
#209
สัวสดีค่ะคุณ Chaicharna ยินดีเหลือเกินที่ได้อ่านกระทู้จากคุณค่ะ เพราะปรกติเรื่องพวกนี้มีคนเข้ามาสนทนากันน้อยเหลือเกิน

คุณ Chaichana น่าจะหมายถึงเฉพาะกระบะมุกใช่ไหมคะที่เกิดขึ้นในรัชกาลที่ 3 เพราะเข้าใจว่าเครื่องมุกนี้คนไทยนิยมทำกันมาตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ดังเราเห็ฯบานประตูมุกบานงามๆอยู่ตามวัดสำคัญทั่วประเทศ แต่กระบะมุกที่ใช้สำหรับเครื่องนมัสการนี้ยังไม่พบที่เก่าแก่ไปกว่าต้นรัตนโกสินทร์เลย

ขออนุญาตเพิ่มเติมว่า ณ เวลานี้ เครื่องนมัสการอย่างจีนยังตั้งบูชาพระสยามเทวาธิราชในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ และบูชาพระป้ายในพระทั่นั่งเวหาสจำรูญอยู่ด้วยค่ะ

มีอันหนึ่งนึกขึ้นมาได้ อาจจะเกี่ยวข้องกับเครื่องนมัสการหรือไม่ก็ได้ คือถ้าใครเข้าไปในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม สังเกตดีดีจะเห็ฯว่าที่เบญจาหน้าพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกและพระพุทธเลิศหล้านภาลัย มีพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรทรงเครื่องอยู่ด้านละ 3 องค์ และที่เบญจาชั้นลดจากพระทั้ง 3นั้น มีจงกลอยู่ด้านละชิ้น จงกลนี้เป็นรูปนาค ตรงกลางลำตัวมีวชิระอยู่ ทำจากสำริด พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดฯให้หล่อถวายเป็ฯพุทธบูชา  เมื่อมีพระราชพิธีสำคัญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรือผู้แทนพระองค์พระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาเป็ฯประธาน เมื่อทรงจุดเครื่องนมัสการบูชาพระแก้วมรกตแล้ว จะเสด็จฯด้านหน้าเบญจาทั้งสอง เจ้าพนักงานถวายเทียนสีผึ่ง ด้านละ 2 เล่ม ทรงรับแล้วทรงต่อเทียนจากโคมไฟฟ้าที่เจ้าพนักงานเชิญอยู่ แล้วจึงทรงปักลงบนจงกล เป็นประเพณ๊ว่าจงกลนี้เฉพาะกษัตริย์หรือผู้แทนพระองคืเท่านั้นที่จะปักเทียนได้ เจ้าพนักงานจึงมิได้ปักเทียนรอไว้เช่นเดียวกับที่อื่นๆ

ไม่มีรูปนะคะ ถ้านึกไม่ออกต้องเดินทางไปดุที่วัดพระแก้วค่ะ
#210
ขออนุญาตตอบแบบโง่ๆ ตามประสาคนสมองน้อยแต่ดันเข้ามาเห็ฯคำถามนะคะ

อภิเษก แปลตามรูปศัพท์ว่าการรดน้ำค่ะ และกินความหมายถึงการรดน้ำเพื่อความเป็นมงคล บางครั้งเราจึงเรียกรูปพระลักษมีที่มีช้างชูงวงพ่นน้ำมาหาท่านว่า การอภิเษกพระศรี

ดังนั้นอะไรที่เกี่ยวข้องกับการรดน้ำเพื่อเป็ฯมงคลเราจึงเรียกว่าการอภิเษก เช่น อภิเษกสมรส (รดน้ำเพื่อแต่งงาน) บรมราชาภิเษก (รดน้ำเพื่อความเป็ฯราชาผู้ยิ่งใหญ๋) เป็นต้น ในกาลต่อมา คำ อภิเษก จึงกินความหมายกว้างไปถึงการเสก หรือการทำพิธีเพื่อสถาปนา หรือการทำพิธีเพื่อให้เกิดความเป็ฯมงคลต่อสิ่งสำคัญต่างๆ แม้จะไม่ด้รดน้ำก็ตาม เช่น พุทธาพิเษก เทวาภิเษก

ทั้งนี้บางพิธีการก็ยังใช้น้ำเป็นเครื่องหมายของพิธีนะคะ เช่นการหลั่งน้ำสังข์เพื่อบูชาเทวรูป หรือการนำวัตถุมงคลลงแช่ในน้ำศักิด์สิทธิ์นั่นเอง

ตอบไปนี้คงมีผิดหลายแห่ง ขอให้อย่าเชื่อจริงจังนะคะ รอท่านผู้รู้ (จริง) มาบอกดีกว่าค่ะ
#211
ขออนุญาตเพิ่มเติมนะคะว่า สามัญชนจะสามารถใช้ได้เพียงเครื่องนมัสการกระบะมุก แต่อาจจะไม่สมควรหากจะใช้ในบ้านเรือนในวาระปรกติ นั่นเพราะในสมัยก่อนนั้นถือกันยิ่งนักเรื่องฐานานุศักดิ์ของข้าวของเครื่องใช้ซึ่งต้องให้เหมาะสมกับฐานะของบุคคล เครื่องมุกเป็นข้าวของเครื่องใช้ที่จัดว่าเป็นของค่อนข้างมีราคา จึงปรากฎว่าเป็นเครื่องปผระกอบยศของทั้งพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์และขุนนางผู้ใหญ่ จึงไม่นิยมใช้กันทั่วไป ต่อเมื่อมีบุญวาสนาได้ทำงานใหญ่ (คือมีบารมีระดับหนึ่งแล้ว) จึงจะใช้ได้ เครื่องมุกจึงตะขิดตะขวงด้วยปนะการฉะนี้

หากเราจะยักเยื้องด้วยฐานานุศักดิ์ของสิ่งของแล้ว หาพานน้อย 4 เชิง 5 มาจัดเรียงลงในกระบะไม้   งดงามตามแต่บารมีจะสรรหามาได้ (เช่นเดียวกับกะบะเลอค่าของสมาชิกบ้านเราท่านหนึ่ง) ใช้ในนมัสการในวาระต่างๆ ก็มิผิดนักค่ะ

ส่วนเครื่องทองน้อยนั้น เวลาไปไหนๆเห็นเขาตั้งขนาดจำลองไว้ตามบ้านเรือน อาคารสถานที่มากมาย แต่ไม่ได้จุด ก็ตามแต่ความนิยมค่ะ

ปล.เครื่องทรงธรรมสำรับใหญ่นั้น เชิงเทียนเคียงเป็นเครื่องทองที่สั่งทำจากฟาแบร์เชค่ะ งามหยดย้อยจริงๆ บางครั้งเครื่องประกอบเครื่องนมัสการเหล่านี้ก็ใช้ข้าวของที่แปลกออกไปจากแบบ ทำจากหินมีค่าบ้าง เช่น หินโมรา หยก เป็ฯต้น ส่วนมากมักสั่งจากฟาแบร์เช ตามแต่พระราชนิยมค่ะ สมัยนี้เห็นน้อยแล้วค่ะ
#212
ใช่ค่ะ คุณสยมภูวญาณ อันที่จริงแล้วการจัดเครื่องบูชาในเคหะสถานของสามัญชนนั้น ในสมัยโบราณไม่มี เพราะคนไทยไม่นิยมนำสิ่งสักการะมาไว้ในบ้านเรือน นักวิชาการสันนิษฐานกันว่า การจัดสถานที่สักการะในบ้านเพิ่งมีช่วงหลังๆ ไม่กี่ปีมานี้เอง บางท่านฟันธงว่าเป็ฯช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วนซ้ำ อันนี้ไม่ยืนยันนะคะ

ทว่าการจัดเครื่องนมัสการใส่กระบะ อาจจะมีมาก่อนหน้านั้น เช่นเมื่อจะเข้าไปบำเพ็ญกุศลในวัดวาอาราม ก็อาจนำกระบะใส่เครื่องนมัสการไปจุดบูชา ใส่กระบะก็เพื่อให้ขนย้ายสะดวก

เครื่องนมัสการที่ปัจจุบันสามัญชนสามารถใช้ได้ก็คือ เครื่องนมัสการกระบะมุกและเครื่องทองน้อยเครื่องสาม ส่วนเครื่องทองน้อยเครื่องห้านั้น เป็นของสำหรับกษัตริย์ค่ะ และที่ในปัจจุบันเห็นมีคนละลาบละล้วงมากก็คือการใช้ผ้าสุจหนี่ หรือผ้าเทียมสุจหนี เป็นเครื่องปูลาด หรือใช้ทำสิ่งของต่างๆเช่น หมอน ซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง ด้วยสุจหนี่เป็นของสำหรับเจ้าฟ้าขึ้นไปเท่านั้นค่ะ ทำนองเดียวกับกรวยดอกไม้ซึ่งถ้ามอบให้สามัญชนจะไม่เปิดกรวย ต่อเมื่อใช้ถวายเจ้านายชั้นหม่อมเจ้าขึ้นไปจึงจะเปิดกรวยดอกไม้ก่อนถวาย

พุ่มข้าวตอกนั้น สามัญชนไม่นิยมใช้กัน แม้ไม่มีกฎห้าม แต่เพราะความลำบากในการจัดทำ พุ่มข้าวตอกนี้ ถ้าเป็นทางเหนือบางครั้งใช้พุ่มสีผึ้งแทนก็มี
มีเกร็ดเล่าว่า พุ่มข้าวตอกที่ทำเป็นวงซ้อนสี่ชั้นอย่างที่ใช้กันอยู่นี้ ผู้ที่คิดทำและทำชำนาญมากคือพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพรรณราย พระสนมในรัชกาลที่ 4 แม้เมื่อเสด็จมาประทับอยู่กับพระโอรสที่วังท่าพระแล้ว ก็ยังทรงประดิษฐ์พุ่มสีผึ้ง พุ่มข้าวตอกขายเพื่อเลี้ยงพระชนม์ด้วย นัยว่าทรงพระปรีชางานนี้มาก
#213
เครื่องนัมสการทองทิศเครื่องแก้ว สำหรับสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงนมัสการพระพุทธรูป

#214
คอยกระทู้นี้มานานมากแล้วค่ะ นึกว่าจะไม่ได้เห็นเสียแล้ว

เครื่องนมัสการที่จัดลงกระบะ หรือทอดเหนือม้าที่เห็นเหล่านี้ ดิฉันเห็นว่าเป็นร่องรอยอันน่าสนใจของประเพณีการบูชาของคนไทยค่ะ

ถ้าสังเกตให้ดีดีจะเห็นว่าเครื่องนมัสการของหลวงนั้น โดยปรกติจะจัดใส่ลงในภาชนะเช่นกระบะหรือพาน และทอดบนม้าแยกต่างหากจากสิ่งสักการะ น่าจะแสดงให้เห็ฯประเพณีการจัดเครื่องสักการะสมัยโบราณได้ดี

ในช่วงรัชกาลที่ 3 พระราชนิยมในเรื่องจีนคาบเกี่ยวเอาเครื่องนมัสการไปรวมอยู่ด้วย ดังพระราชนิยมเรื่องโต๊ะหมู่บูชาที่ต่อมาจัดกระบวนเป็นหมู่ 5, 7, 9 อย่างที่เราเห็นกันอยู่ปัจจุบัน ซึ่งเริ่มเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในรัชกาลนั้น และขยายออกไปอย่างกว้างขวางจนแทบทุกวัดหรือสักการะสถานต้องมีตั้งไว้ ที่น่าเสียดายคือ หลายครั้งที่โต๊ะหมู่บดบัง 'ของดี' ไปอย่างน่าเสียดาย โต๊ะหมู่บูชานี้ได้ยกเอากระบะใส่เครื่องนมัสการออกแล้วสั้งเครื่องนมัสการรายล้อมไว้ตามชั้นต่างๆ และลดจำนวนเครื่องนมัสการเหล่านั้นลง และในที่สุดก็ใช้โต๊ะที่สูงที่สุดเป็นที่ประดิษฐานสิ่งสักการะ ดังในปัจจุบัน

นอกจากวัดสำคัญๆเราจึงจะได้เห็นเบญจา ซึ่งเป็นแท่นวางเครื่องสักการะอย่างเก่าตั้งไว้ เช่น พระอุโบสถวัดพระแก้วและวัดโพธิ์ เป็นต้น

การทอดเครื่องนมัสการนั้น ตามปรกติเจ้าพนักงานจะทอดเหนือพรหมทอดที่ ด้านหน้าเครื่องนมัสการลาดพระสุจหนี่ (ในกรณีเจ้าฟ้าขึ้นไป) แล้วทอดพระแท่นทรงกราบเหนือพระสุจหนีด้านหน้าเครื่องนมัสการ และในกรณีผู้แทนพระองค์เสด็จฯมาปฏิบัติพระกรณ๊ยกิจแทนพระองค์ จะทอดเครื่องนมัสการตามพระราชอิสริยยศ หรือยศของผู้แทนพระองค์ไว้ทางด้านซ้ายของเครื่องนมัสการสำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่คลุมพระสุจหนี่ลงบนพระแท่นทรงกราบ

เมื่อผู้แทนพระองค์เสด็จฯหรือเดินทางมาถึงบริเวณพิธี จะทรงจุดหรือจุดเครื่องนมัสการสำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก่อน แล้วจึงกลับไปทรงจุดหรือจุดเครื่องนมัสการที่ทอดไว้สำหรับพระองค์หรือสำหรับตน

โดยปรกติแล้วผู้แทนพระองค์ในพิธีสำคัญจนถึงทอดเครื่องนมัสการนี้ มักเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ นานๆครั้งจึงจะเป็นพระอนุวงศ์หรือองคมนตรี ซึ่งจะทราบกันดีว่าหากได้รับพระมหากรุณานี้แล้ว จักไม่กราบลงบนแท่นกราบ



ภาพการทอดเครื่องนมัสการกระบะมุก สำหรับองคมนตรี  บูชาพระเสรฐฏมุนี พระประธานในศาลาการเปรียญ วัดสุทัศน์เทพวราราม
#215
กปาละ ตามรูปศัพท์ก็หมายถึง ถ้วย (ซึ่งทำจากกระโหลก) ค่ะ ใทงประติมาณวิทยาทำเป็ฯถ้วยเปล่าใบกลมๆ ตามปรกติถ้าพระอัมมันทรงมีสี่พระกร พระหัตถ์ซ้ายล่างจะทรงกปาละนี้ไว้ ถ้ามีหลายพระกร พระกรใดพระกรหนึ่งด้านซ้ายจะทรงกปาละไว้

ทั้งนี้ไม่ทราบว่าถูกผิดประการใดนะคะ เป็นแค่ความสังเกตของตัวดิฉันเอง เมื่อได้เทวรูปพระองค์นี้มาเห็นไม่มีกปาละจึงขอให้ทรงเป็นพระทุรคา

ภาพตัวอย่างเหล่านี้แอบขโมยมาจากกระทู้ของคุณ Kearnice ค่ะ ขออนุญาตไว้ที่นี้ด้วยและขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ





#216
งดงามและน่าเกรงขามมากเลยค่ะ ที่บ้านก็บูชามาองค์หนึ่ง แต่แบบดำล้วนไม่ได้ปิดทอง เห็นว่าศิลปะนี้งามจริงๆค่ะ
แต่นำไปอภิเษกเป็นพระทุรคาเพราะเห็ฯว่าท่านไม่ได้ถือกปาละ ซึ่งพระอัมมันทรงถือเป็นประจำค่ะ
#217
ไหนๆก็ไหนของนำภาพท้องพระโรงเล็ก พระตำหนักปลายเนินมาให้ชมค่ะ



บุษบกที่เห็นนี้ สมเด็จครูทรงได้มาจากวัดแห่งหนึ่งในอยุธยา ขณะพระกำลังจะหักทำฟืน ท่านทรงแลกกับตู้สมัยใหม่ใบหนึ่ง เพราะทรงเสียดายว่างามชั้นครู บุษบกนี้เป็นต้นแบบในจิตรกรรมฝีพระหัตถ์หลายต่อหลายภาพ ทรงถือว่าเป็นครูงานไม้  ด้านในประดิษฐานพระอิศวรดินเผา ศิลปะธิเบต อายุเกือบพันปี ถ้าใครได้เห็นใกล้ๆจะทราบว่าทำไมทรงยกให้เป็นครูเครื่องปั้น พระเนตรของพระอิศวรองค์นี้จะมองตามเราเวลาเราเดินไปมานะคะ และพระพักตร์ของท่านกับงูที่พันอยู่บนพระพาหาดุจมีชีวิต เวลามองใกล้ๆแล้วแทบจะได้ยินเสียงหัวเราะรื่นเริงของพระองคืเลยค่ะ

ด้านขวาของบุษบก เป็นเศียรพระพุทธรูปทรงเครื่อง ศิลปะอยุธยา ซึ่งเป็นที่มาของการไหว้ครูของสมเด็จครู คือวันหนึ่งเมื่อประทับอยู่ที่วังท่าพระ กำลังจะเสวย ก็ได้ยินเสียงเหมือนใครเคาะเครื่องโลหะดังมาจากห้องเก็บของที่ปิดล๊อกไว้ โปรดให้เปิดห้องดูและลองเคาะว่าดังมาจากไหน ก็ได้ความว่าเสียงดังเหมือนเคาะเศียรนี้ รับสั่งว่า "ครูแรงรึ ครูแรงจะได้ไหว้ครู" ก็เกิดเสียงดังขึ้นอีกครั้ง เป็ฯที่ประจักษ์ จึงโปรดให้จัดพระกระยาของพระองค์เซ่นสังเวยตั้งแต่คราวนั้น และโปรดให้จัดงานไหว้ครูขึ้นทุกปี ในวันประสูติ

ขอประทานโทษนะคะที่พาออกนอกเรื่อง พรุ่งนี้จะขอนำภาพศรีษะโขน 'นรสิงห์' ของกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ มาให้ชมกันค่ะ
#218
ขออนุญาตแจมด้วยคนนะคะ
ดิฉันไม่ค่อยมีความรู้อะไรมากนัก สำหรับเรื่องหัวโขนค่ะ ดังนั้นขอเล่าเฉพาะเรื่องที่เคยทราบมาค่ะ

อันแรกขออนุญาตเล่าถึง 'หัวครูดำ' ซึ่งปัจจุบันถูกเก็บรักษาไว้ ณ ท้องพระโรง พระตำหนักปลายเนิน นะคะ




ศรีษะด้านขวามือของทุกท่านคือศรีษะที่กำลังพูดถึงกันนี้นะคะ หม่อมราชวงศ์จักรรถ จิตรพงศ์ กรุณาเล่าว่า ตามปรกติแล้วช่างทำหัวโขน มักจะขึ้นแบบ ลงสีและตกแต่งลวดลาย ประดับกระจกจนเสร็จแล้ว จึงจะติดเขี้ยวเป็นอันดับสุดท้าย (ในกรณ๊ที่เป็นทศกัณฐ์) แต่ศรีษะนี้เมื่อช่างลงรักแล้วก็ติดเขี้ยวเลย นัยว่าเห็ฯว่างามแล้ว สมเด็จครูน่าจะทรงชื่นชมในความกล้าและความเป็นศิลปินของช่าง จึงทรงนำศรีษะนี้มาเก็บรักษาไว้แล้วใช้เป็ฯครูหัวโขนเมื่องทรงไว้ครูประจำปี

งามไหมคะ

ที่พระตำหนักปลายเนินมีศรีษะโขนเก่าๆแปลกๆเก็บไว้เยอะมาก คุณชายจักรเล่าว่า คงเป็นทำนองของสะสม เพราะบางศรีษะเล็กเกินกว่าจะสวมได้
#219
ขอบพระคุณคุณนพมากค่ะ ได้รับคำตอบรวดเร็วจริงๆ

วางแผนไว้ว่าจะรอลากรถทรงเทวรูปสักช่วงหนึ่งด้วยศรัทธาปสาทะ จากนั้นจะออกมานั่งรถไปรอบูชาเทวรูปที่วัดเทพมณเฑียรค่ะ

หากมีอะไรติดขัดสงสัยไว้ใกล้ๆวันงานจะโทรไปรบกวนขอข้อมูลนะคะ

ขอพระผู้เป็นเจ้าทรงคุ้มครองค่ะ
#220
ขอบพระคุณอย่างยิ่งสำหรับข้อมูลค่ะ ดิฉันไม่พลาดงานดีดีเช่นนี้แน่ แต่อยากเรียนถามคุณนพว่า หากประสงค์จากลากรถทรงเทวรูปควรทำอย่างไรบ้าง และควรจะไปรอตรงจุดไหนสะดวกที่สุดค่ะ
#221
พระพักตร์ด้านหน้าของเทวรูปงามและสงบมากเลยค่ะ
#222
รบกวนช่วยบอกวิธีเดินทางไปพระประแดงและศาลหลักเมืองหน่อยได้ไหมคะ อยากไปมากค่ะ แต่ไม่อยากขับรถไปเอง
#224
เนื่องในโอกาสวันวิสาขบูชาโลกที่กำลังจะเวียนมาถึงอีกครั้งในวันที่ 28 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้

ดิฉันขอเชิญชวนเพื่อนๆทุกท่าน โดยเฉพาะผู้พิสมัยหินดำเป็นพิเศษ เข้านมัสการพระพุทธรูปแกะสลักจากหินดำซึ่งอันเชิญมาจากเมืองนาลันทา ประเทศอินเดีย นับเป็นครั้งแรกที่นำพระพุทธรุปหินดำขนาดใหญ๋จากประเทศอินเดียมาประดิษฐานในประเทศไทย

โดยสามารถนมัสการได้ที่ เดอะมอลล์บางแค ระหว่างวันนี้ถึงสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ค่ะ


ขอประทานโทษด้วยที่หารูปพระพุทธรูปมาให้ชมกันไม่ได้ แต่สำหรับคนที่เคยเห็นเมืองนาลันทา คงจะเคยเห็นพระพุทธรุปหินดำซึ่งชาวบ้านศรัทธากันมาก พระพุทธรุปที่จะนำมานี้มีรูปแบบใกล้เคียงกันค่ะ

ใครไปมาแล้วมีภาพมาให้ชมจะขอบพระคุณมากเลยค่ะ


#225
อีกหนึ่งประจักษ์พยานของความศรัทธาจากคุณเสือร้องไห้นะคะ

ซึ่งดิฉันยืนยันอีกครั้งว่าดิฉันเองคงไม่วันทำได้อย่างคุณเขา

สาธุด้วยค่ะ
#226
แหม ชอบชื่อคุณข้างในของคุณอักษรชนนีจริงๆค่ะ สำหรับดิฉันน่าจะในกรงหรือในกะลามากกว่า

ว่าแต่ขอรับรองว่าข้อความที่กล่าวไปเป็ฯความจริงนะคะ ชอบของเขาจริงๆ คราวหน้าคราวหลังจพต้องรบกวนอาราธนาคุณอักษรชนนีและคุณ TiTle ช่วยตั้งกระทู้ว่าด้วยเครื่องสักการะขึ้นมาสักคราวหนึ่งเพื่อเป็นการประดับความรู้ของเพื่อนๆในบอร์ด

เข้าใจว่าเรื่องนี้มีพุดถึงโดยรวมน้อยกว่าเรื่องอื่นๆหรือแม้แต่เรื่องชี้เฉพาะ เช่น เรื่องบายศรี นะคะแม้ว่าความเป็นจริงแล้วเครื่องบูชาหรือนมัสการมีมากกว่าบายศรี น่าจะเป็นประโยชน์หากมีการให้ข้อมูลเรื่องนี้นะคะ
#227
แนะนำคุรเจ้าของกระทู้สองทางนะคะ
คือถ้าจากอนุสาวรีย์ก็นั่งสาย 8 จากฝั่งหน้าโรงพยาบาลราชวิถีแล้วไปลงที่โบ๊เบ๊ จากนั้นนั่งรถสายไหนก้ได้ที่ไปสนามหลวงค่ะ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

หรือจากกอนุสาวรย์ก็เดินหรือนั่งรถต่อไปอีกนิดไปหน้าโรงพยาบาลรามาธิบดี แล้วนั่งสาย 44 ผ่านหน้าวัดราชนัดดาเลยค่ะ ใช้เวลาประมาณเดียวกัน

ขอให้สนุกได้ได้พบเทวรูปที่ถูกใจนะคะ
#228
ขอบพระคุณ คุณสยมภูวญาณนะคะ ความรู้ใหม่อีกแล้ว นี่คือเหตุผลที่ดิฉันรัก HM ค่ะ มีความรู้เพียบเลย แอบไปเอารูปรำประเลงมาฝากค่ะ



อันนี้เป็นภาพที่ใช้ประชาสัมพันธ์การแสดงโขนชุดพรหมาสต์

#229
เรียนตามตรงนะคะว่า หิ้งบูชาที่เห็นในกระทู้นี้ งดงามถูกใจดิฉันที่สุดเท่าที่เคยพบเห็นมาเลยค่ะ ชอบมากๆ ขอชื่นชมคุณเจ้าของที่บรรจงจัดสรรได้อย่างงดงามและปราณีตที่สุด เป็นหิ้งบูชาในฝันดิฉันเลยค่ะ

อันที่จริงจะมาชวนคุยเรื่องเครื่องบูชาแต่ปรากฎว่าได้คุยกันจนจบไปแล้ว

ถ้าเป็นไปได้ อยากเป็นเข้าของกระบะไม้สลักอย่างนี้บ้างจังค่ะ ไม่ทราบคุณเจ้าของกระทู้แนะนำแหล่งบ้างได้หรือเปล่า ส่วนกระบะมุกนั้น ดิฉันเคยคิดหลายรอบแล้ว แต่ติดที่ว่าเห้ฯเป็นของทำจากสัตว์ และเป็นสีดำ ไม่ชอบเป็นการส่วนตัวค่ะ พยายามหากระบะงามมานานมากแล้ว

เมื่อนานมาแล้ว ได้พบคุณพนักงานกลุ่มหนึ่งกำลังเตรียมเครื่องนมัสการบูชายิ่งสำรับหนึ่งอยู่ ชอบและฝังใจมากเลยค่ะ

เห็นหิ้งบูชาของคุณ กระบะบูชา หรือแม้แต่พานกลีบมะเฟืองแล้ว สรุปได้ว่าคุณเจ้าของกระทู้มีรสนิยมดีจริงๆ

#230
ได้อ่านกระทู้นี้แล้วชื่นใจจริงค่ะ ขอบพระคุณคุณสยมภูวญาณมากที่นำเรื่องดีดีเหล่านี้มาแบ่งปันกัน

สมัยเรียนมัธยม เพื่อนสนิทคนหนึ่งของดิฉันเป็นครอบครัวนาฏศิลป์ มีบ้านพักอยู่ในวิทยาลัยนาฏศิลป์ ดิฉันก็พลอยได้รู้ได้เห็นอะไรๆเหล่านี้มาด้วยตลอด จนกลายเป็นชื่นชอบไปไนที่สุด และมีโอกาสได้ร่วมพิธีครอบครัวมาตั้งแต่เวลานั้น

แต่เมื่อมหาวิทยาลัยนี่เองที่ได้มีโอกาสครอบครูอย่างเป็นทางการกบเขาเสียที ตื่นเต้นและยินดีมากเลยค่ะ

นาฏศิลป์และดนตรีเป็นเครื่องหมายของความเจริญของวัฒนธรรมที่เห็นภาพชัดเจนที่สุด ดังนั้นจึงน่าภูมิใจไม่ใช่น้อยที่เรามีนาฏศิลป์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตน และมีคนอีกมากมายยกตัวอย่างเช่นคุณสยมภูวญาณ ทำหน้าที่รักษาและถ่ายทอดสมบัติอันล้ำค่านี้ต่อไป

ความรู้ด้านนี้ดิฉันน้อยนักนะคะ แต่รู้สึกว่าหัวโขนศรีษะโล้น หน้าทองที่ตั้งอยู่บนโต๊ะคราวงานพรมมาสนั้น ผู้สวมจะแสดงเป็ฯเทวดาในเรื่องและใช้สวมในการรำประเลงซึ่งเป็นรำหน้าม่านค่ะ

เดาเอาแบบคนโง่ (มากๆ) ว่าน่าจะใช้เป็นศรีษะเทวดาโดยทั่วไปค่ะ

ผิดถูกอย่างไรคงต้องรอท่านผู้รู้ท่านอื่น
#231
อ่านแล้วรู้สึกเห็นใจคุณจริงๆค่ะ เรื่องถูกหลอกหรือไม่นั้นดิฉันไม่ขอออกความเห้ฯ รอท่านอื่นๆดีกว่า หรือคุณเองก็คงจะทราบสถานการณืดีอยู่แล้ว
แต่จะเข้ามาให้กำลังใจค่ะ เดาว่าเวลานี้คุณคงรู้สึกไม่ดี จิตตก (แต่อาการหนักขนาดไหนไม่อาจทราบได้)

เรื่องทั้งหมดเกิดจากความศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้าของคุณ แม้ว่าจะทำให้เกิดความทุกข์ใจก็ขออย่าให้ท้อนะคะ เชื่อว่าอีกไม่นานพระองค์จะทรงปัดเป่าทุกข์ร้อนไปได้แน่นอน

ในบอร์ดนี้มีผู้รู้หลายท่านน่าจะให้คำปรึกษาคุณได้ค่ะ
#232
ขอบพระคุณคุณอักษรชนีสำหรับข้อมูลดีดีนี้ค่ะ

เป็นเรื่องน่าภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่เรายังมีขนบวัฒนธรรมเช่นนี้เหลืออยู่

เคยได้ชมพระราชพิธีแรกนาขวัญในกัมพูชา เห็นมีผู้ประกอบพิธีจำนวนหนึ่งนุ่งห่มคล้ายพราหมณืพระราชพิธีของบ้านเรามาก แต่ไม่ทราบว่าเป็นพราหมณ์แบบเดียวกับบ้านเราหรือไม่ ถามใครก็ไม่มีใครตอบได้เลยค่ะเพราะบรรดาที่ไปด้วยกันนั้นโลกแคบเท่าๆกัน แต่รู้สึกเขาก็เรียกว่าเจ้าหน้าที่นะคะ ไม่ทราบอย่างไร แต่สังเกตุดูอะไรๆไม่งามเท่าไรนะคะ

สิ่งที่อยากให้ทุกๆท่านสังเกตุดูก็คือบายศรีที่ใช้ในพระราชพิธีของไทยค่ะ บายศรีทอง แก้ว เงินนั้น เจ้าพนักงานใช้พานเรียงซ้อนกัน ข้างในใส่ของกินเอาไว้ งามดีค่ะ

เห้ฯแล้วอดปลื้มใจไม่ได้



#233
!!!!!?????

ดิฉันขอถอนตัวจากกระทู้นี้ค่ะ
#234
แหม อาการเดียวกับคุณบาสเลยค่ะ ส่วนเรื่องคุณภาพนั้นดิฉันไม่ขออกความเห้ฯดีกว่าค่ะ เอาไว้ไปชมเองดีกว่า
#235
ขอบพระคุณคุณอักษรชนนีและคุณ pvsnak ค่ะ ที่กรุณาร่วมสนุกด้วยกัน (ในกระทู้ของคนอื่น - ขอประทานโทษคุณ phorn456 ด้วยนะคะที่มาทำเลอะเทอะในนี้)

ขออนุญาตเฉลยนะคะ (นี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่เคยเม้าท์ในบอร์ดนี้เรื่องการจำลองนะคะ ไม่ทราบว่าเป็นพระราชนิยมหรือช่างทำเองกันแน่)

1. อุณาโลมระหว่างพระขนงค่ะ ที่พิษณุโลกมี แต่ที่กรุงเทพไม่มี

2. เรือนแก้ว ต่างกันสองจุดค่ะ คือ
           2.1. วัสดุ ที่กรุงเทพเป็นสำริดเช่นเดียวกับองคืพระ เพราะสร้างพร้อมกัน แต่ที่พิษณุโลกองคืพระทำจากสำริด เรือนแก้วทำจากไม้
                  แกะสลักลงรักปิดทองค่ะ เรือนแก้วนี้สมเด็จพระชัยราชาทรงสร้างถวายเมื่อเสด็จไปนมัสการ เป็นลายพุดตายใบเทศในซุ้มแบบที่เรียกในภาษาช่างว่า ซุ้มขนนก ทีบริเวณใกล้กับพระพาหา (ไหล่) ขององค์พระสลักเป็นลายมกรคายลายพันธุ์พฤกษาอย่างเทศ งามละเอียดมากค่ะ
           2.2. ฐานเรือนแก้ว ที่กรุงเทพเป็นสิงห์แบกค่ะ สิงห์นี้เป็นสิงห์แบบนครวัดซึ่งถ่ายแบบมาบันไดทางขึ้นพระอุโบสถวัดพระแก้ว
                  สิงห์แบบเดียวกันนี้ยังหล่อปูนแล้วตั้งไว้ด้านหลังพระอุโบสถด้วยค่ะ ส่วนที่พิษณุโลกเป็นพญายักษ์สองตนคือ
                  อาฬวกยักษ์ ซึ่งฤทธิ์อยู่ที่ผ้าโพกศรีษะ จึงเอามือจับศรีษะไว้อยู่ด้านขวาขององคืพระ และ
                  ท้าวเวสสุวรรณ ผู้มีฤทธิ์ที่ตะบอง จึงเอามือกุมตะบองไว้ อยู่ทางด้านซ้าย

3. พระบาทและฐานบัวขององค์พระ ที่พิษณุโลกช่างจะแกะให้เห็นร่องลึกลายละเอียด ส่วนที่กรุงเทพจะหล่อจนตันไปหมด

พระพุทธชินราชนี้แต่แรกเป็นเพียงพระปางมารวัชยดุจเดียวกับ 'น้องทั้งสอง' ของพระองค์ คือ พระชินสีห์และพระศาสดา แต่มาหล่อเรือนแก้วเต้มทีหลังจึงเพิ่ม Perspective ให้เราเห็นเส้นนอกของพระชัดเจนขึ้น ขับให้ดูงามหมดจด ทั้งองคืพระพุทธรูปมีแต่เส้นโค้งอ่อนช้อย ยกเว้นจุดเดียวที่เป็นเส้นเกือบตรงคือบริเวณฐานบัวติดกับพระบาทและพระเพลา คือโค้งน้อยมากจนเกือบตรงแต่ไม่ตรง แต่ฐานบัวทั้งชุดก็ยังโค้งแอ่นอยู่ เพราะช่างต้องการให้พระดูหนักแน่น ในขระที่พระประสิทธิปฏิมาปั้นจำลองมาที่กรุงเทพให้เป็นเส้นตรง แม้แต่ฐานก็ตรงแหน่ว ตันและทึบทำให้พระชินราชองค์นี้ดู หนาหนักกว่าต้นแบบ

ดิฉันมีพระชินราชองค์เล็กๆรอมอบให้คุณทั้งสอง เป็นมิตรพลีที่ได้ร่วมสนุกกันค่ะ เมื่อใดพบกันจะนำไปมอบให้

#236
ไม่ใช่ศิลปะไทยหรอกค่ะ มีเค้าศิลปะโจฬะอยู่บ้าง แต่ช่างที่ปั้นแบบองค์นี้เป็นช่างไทยเรานี่เอง ดังนั้นเราก็อาจจะบอกว่าศิลปะไทยที่ได้รับอิทธิพลอินเดียใต้หรือไม่ก็ศิลปะแบบอินเดียใต้โดยช่างท้องถิ่น ไรงี้ค่ะ อิอิ ที่ห้องก็มีอยู่องคืหนึ่งค่ะ สวยดี
#237
ใช่ค่ะ คุณบาส ที่มูลนิธิพระพิฆเณศในตรอกโบสถ์พราหมณ์มีเทวรูปแบบไทยให้เช่า สวยงามดีมากเลยค่ะ ทว่าราคาค่อนข้างสูงถึงสูงมาก รายได้ที่ได้รับมูลนิธิก็นำไปใช้ในการกุศล ได้บุญหลายต่อค่ะ พิธีก็จัดทำอย่างมีแบบแผนและต่อเนื่อง เทวรูปแบบไทยที่วัดราชนัดดาก็พอมีอยู่บ้างนะคะ ลองหาดูค่ะ
#238
อันที่สองคือ พระพุทธรูปที่ได้รับการยอมรับว่างามที่สุดองค์หนึ่งของไทย

พระพุทธชินราช จ.พิษณุโลก ด้วยความลงตัวของเส้นนอกของพระพุธรูปที่ล้อมรัอบด้วยเรือนแก้ว (ซึ่งสร้างคนละสมัยกัน)

เรือนแก้วสลักจากไม้ชิ้นนี้มีลวดลายแบบอยุธยาตอนต้นค่อนมาตอนกลางที่ละเอียดงดงามหาที่เปรียบไม่ได้เลยค่ะ



คำถามคือ พระพุทธชินราชที่วัดเบญจฯนั้น รัชกาลที่ 5 ดปรดให้พระประสิทธิปฏิมาหล่อจำลองแบบมาจากพิษณุโลก แต่พระทั้งสององค์นี้ต่างกันอยู่สามจุด ตรงไหนบ้าง ใครตอบได้มีรางวัลค่ะ


#239
ขอร่วมสนุกด้วยนะคะ คุณ Phorn456
ในฐานะที่เราต่างก็คอเดียวกัน

อันแรกขอแนะนำ สุดยอดแห่งลายรดน้ำของไทยค่ะ ตู้พระธรรมวัดเชิงหวาย ได้รับการขนานนามว่าลายรดน้ำบนตู้นี้งามหาที่ใดเปรียบมิได้ กนกเปลวเพลิงที่พลุ่งเหมือนหมู่เพลิงโหม สิงสาราสัตว์ที่ดุจดังมีชีวิตและลายละเอียดที่สุดยอดของการผูกลาย

ในด้านสุนทรียศาสตร์ว่ากันว่านี่คือศิลปะโรโกโกของสยามค่ะ คือลายละเอียดมากจนไม่มีที่ว่าง





#240
ดิฉันก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบเทวรูปศิลปะไทยมากเลยค่ะ

สำหรับภาพเทวรุปสำริดพระปารวตีนั้น จะรีบกลับไปถ่ายภาพมาให้ชมกันค่ะ แต่ถ้าทนไม่ไหว แนะนำให้ไปชมของจริงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครค่ะ นอกจากเทวรูปองค์นี้แล้ว เดาว่าคุณบาสต้องชอบแว่นเวียนแท่นรูปเทวดานพเคราะห์แน่นอนค่ะ งามมากเลยเชียว