Loader
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - อินทุศีตาลา

#82
เวลานี้ อากาศเริ่มเปลี่ยนแปลงแล้วนะคะ (แม้ว่าจะเปลี่ยนอยู่บ่อยๆจนคนชักมึนไปตามๆกันก็เถอะ) สัญญาณของการมาถึงแห่งคิมหันตฤดูก็มาถึงแล้ว ตามประเพณีฮินดู จะมีการจัดเทสกาลแห่งสีสันที่เรียกว่า Holy ค่ะ นอกจากการบำเพ็ญกุศลถวายพระผู้เป็นเจ้าเพื่อสิริมงคลแล้ว สิ่งที่เป็นเครื่องหมายของโฮลี่คือการสาดสีใส่กัน

ตามปรกติอินทุศีตาลาทราบมาว่าแถววัดพระศรีมหาอุมาเทวี ถนนสีลมยังมีเล่นกันบ้าง แต่ในปีนี้นอกจากที่นั่นแล้ว สมาคมฮินดูสมาสร่วมกับเทวสถานเทพมณเฑียร ได้จัดให้มีการเฉลิมฉลองเทศกาลโอลี่ขึ้นในระหว่างวันเสาร์ที่ 19 มีนาคม 2554 และวันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม 2554 ณ เทวสถานเทพมณเฑียรค่ะ

กำหนดการณ์คร่าวๆจะเริ่มจาก

คืนวันที่ 19 มีนาคม 2554 หลังจากอารตีเวลา 19.00 น.แล้ว จะมีการสวดสรรเสริญพระผู้เป้นเจ้าและก่อไฟเผาหุ่นของ 'ประหลาด(Prahlad)'และ 'โฮลิกา (Holika)' เพื่อความเป็นสิริมงคล (ท่ามกลางสมบูรณ์จันทร์ที่ว่ากันว่าใหญ่ที่สุดในรอบ 19 ปีค่ะ อิอิ ) คิดว่าคงทราบตำนานกันแล้ว จะเล่าอีกก็คงจะเสียเวลาทุกๆท่านโดยใช่เหตุ

จากนั้นวันที่ 20 มีนาคม 2554 เวลากลางวันจะเล่นสาดสีใส่กันค่ะ

จึงของเชิญศาสนิกชน ผู้ศรัทธาและผู้สนใจเข้าร่วมงานค่ะ





#83
ท่านบัณฑิตลลิต โมหัน วยาส เป็นประธานพราหมณืผู้ประกอบพิธี บรรดาปูชารีจะเข้าไปนั่งล้อมรอบกองกูณฑ์ค่ะ เริ่มต้นพิธีด้วยการที่บัณฑิตพราหม - มานัน ดวิเวดี ก่อกูณฑ์ด้วยไม้เชื้อไฟ











#84
ด้านทิศตะวันออกของดาดฟ้ามีบ่อซึ่งใช้ก่อกองกูณฑ์ในพิธีค่ะ มุงหลังคากว้างใหญ๋ อากาศสดชื่น ลมพัดเย็นสบาย เพราะระหว่างประกอบพิธีไฟดหมขึ้นจะร้อนมากจำเป็นต้องสร้างให้ถ่ายเทค่ะ  นี่รูปบ่อกูณฑ์นะคะ



ส่วนอันนี้เป็นเครื่องประกอบพิธี โดยปูชารีจะใช้โยนลงกองไฟค่ะ ดิฉํนลืมชื่อไปแล้วขอรบกวนท่านผู้รู้ทุกท่านมาเติมให้สมบูรณืด้วยค่ะ (555555) ส่วนประกอบมีมากมายเลยค่ะ ที่เห็นๆก็มีงาดำ, น้ำมันเนย, สมุนไพรเยอะแยะ

#85
ขอประทานอภัยที่ดองรูปเหล่านี้ไว้ชั่วนาตาปี อินทุศีตาลาเองช่วงนี้เวลาน้อยด้วยงานรัดซะจนหายใจหายคอไม่สะดวกค่ะ
อย่างไรก็ตามบัดนี้ก็ได้ฤกษ์เบิกดิถีแล้วค่ะ ขอนำภาพพิธีโหมกูณฑ์เนื่องในการสถาปนาพระนฤบเดศวรลึงค์ เทวสถานเทพมณเฑียรมาให้ชมกันค่ะ

พิธีนี้จัดขึ้น ณ ชั้นดาดฟ้าของเทวสถาน ซึ่งปรกติน้อยคนจะมีโอกาสได้ขึ้นไปชมค่ะ อินทุศีตาลาก็เพิ่งจะได้ขึ้นมาเป้ฯครั้งแรก ขออนุญาตนำภาพแรกมาให้ชมกันเป็นภาพทิวทัศน์ที่มองจากด้านบน



มองไปเห็นหลังคาพระวิหารและพระอุโบสถวัดสุทัศน์เทพวรารามด้วยค่ะ และหากขึ้นไปชมเองจะทราบว่ามองเห็นได้ไกลถึงวัดพระศรีรัตนศาสดารามและวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามเลยค่ะ
#86
แต่ผมก็ไม่เคยบอกนะว่าอ่านปุราณะ
เพราะรู้ดีว่าปุราณะมันเป็นแค่เทพนิยาย
แล้วถ้าไม่มีปุราณะ เทพคงไม่มีความขลัง
ฮินดูไม่ได้มีแค่อินเดีย ทมิฬ
แต่ยังมี บาหลี บังคลาเทศ เนปาล ทำไมไม่ค่อยพูดถึงละ???
บาหลีก็เป็นฮินดูทั้งเกาะ ก็ไม่ได้เชื่ออะไรแบบที่อินเดียเชื่อ
แต่โดนส่วนตัวคนบาหลีนับถือศาสนาฮินดู

อย่านะคะ อย่าพูดเช่นนั้น คุณโจมตีปุราณะเสมอ อ้างถึงเรื่องราวจากปุณาณะเสมอๆ วิพากษณ์อย่างนั้น วิพากษณ์อย่างนี้ แต่คุณกำลังจะบอกว่าการวิพากษ์วิจารณ์ของคุณเกิดจากพื้นฐานที่คุณไม่เคยศึกษาปุราณะเลยอย่างนั้นหรือ คุณกำลังพูดถึงการศึกษาศาสตร์ต่างๆโดยไม่เคยทำความเข้าใจหลักฐานเลยอย่างนั้นหรือ  แม่เจ้า

อินเดียคือต้นธารของศาสนาฮินดูและอีกหลายศาสนานะคะ แต่คุณกำลังบอกว่าคุณจะตีความศาสนาฮินดูโดยการศึกษาผ่าน 'กลางทาง' และ 'ปลายทาง' แต่เชิ่ดใส่ 'ต้นทาง' อย่างนั้นหรือคะ คุณพระคุณเจ้าช่วย

ดิฉันนึกว่ากำลังคุยกับผู้รู้ หรือผู้ใฝ่รู้คนหนึ่งอยู่ ถ้าเป้นอย่างนี้ เห็นทีจะต้องจรลีแล้วล่ะค่ะ

เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้

ป.ล. ถึงท่านทั้งหลายและคุณ chai ด้วยนะคะ ที่คุณ Chai บอกว่าคนไทยก่อนหน้ารัชกาลที่ 6 ไม่รู้จักพระกฤษณะนั้น เป็ฯความเข้าใจที่ผิดมหันตืและแสดงให้เห็นโลกทัศน์อันคับแคบของผู้พูดนะคะ คุณ Chai คงมัวแต่หลงไหลพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 6 มากไป จนละเลยตำราภาพเทวรูปและเทวดานพเคราะห์ซึ่งสันนิษฐานว่าเขียนขึ้นในรัชกาลที่ 4 และมีเค้าว่าอาจนำมาจากตำราอันเก่าแก่กว่านั้นก็เป็นได้ หรือคุณ chai คงมัวแต่อ่านลิลิตนารายณ์สิบปางเพลินจนไม่มีเวลาไปเยี่ยมชมจิตรกรรมในพระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาสเลยนะคะ

ถ้ามีเวลาลองหาดูนะคะจะได้เข้าใจอะไรๆได้กว้างขึ้นสักนิด

#87
ท่านว่าไว้ยังไงล่ะค่ะ หนังสือคุณเล่มเดียวกับดิฉันหรือเปล่า ท่านห้ามคนไทยบูชา ทรงสาปแช่งผู้บูหรือ หรือว่าท่านบังคับพสนกนิกรไม่ให้บูชา พระราชนิพนธ์เล่มนี้ทรงไว้ปีไหน แล้วก่อนหน้านี้คุณคิดว่าคนไทยคิดอย่างไรก็พระกฤษณะล่ะค่ะ

คุณคิดว่าเพราะอะไรรัชกาลที่ 6ถึง 'ไม่โปรด (ยังยืนยันคำนี้อยู่ค่ะ) ล่ะคะ ? เอ๊ะ....คุณวิเคราะห์เป็ฯไหมหนอ'
#88
และขออภัยถึงคุรเจ้าของกระทู้ด้วยนะคะที่มีส่วนทำให้กระทู้นี้กลายเป็ฯสนามรบไป

อันที่จริงเมื่อวานนี้จะตอบอะไรกับคุณเหมือนกันแต่ลืมไปเสียสนิท กราบขออภัยอีกรอบ

จะขออนุญาตแนะนำว่าคุณเล็งไว้ในใจหรือเปล่าคะว่าอาวุธที่ต้องการนี้ คุณอยากได้เป็ฯวัสดุอะไร ฝีมือปราณีตเพียงใด

สถานที่มีตั้งแต่วัดราชนัดดาราม ไปจนถึงพาหุรัดเลยค่ะ เริ่มตั้งแต่เรซิ่นไปจนถึงสำริด ทั้งนี้ราคาและคุรภาพก็ต่างกัน

เข้าใจว่าบางร้านสามารถสั่งซื้อได้ แต่อาจต้องพิจารณาให้ถ้วนถี่เล้กน้อยค่ะ

ขอบพระคุณและกราบขออภัยอีกครั้ง
#89
อันที่จริงดิฉันไม่ได้ต้องการจะหาเรื่องนะคะ แต่กระทู้ที่ผ่านมานั้นอยากจะสะกิดเตือนเพื่อนๆในบอร์ดที่รักว่า การจะแนะนำหรือกล่าวถึงอะไรนั้น ควรอยู่บนพื้นฐานของการศึกษาอย่างมีเหตุมีผล ที่ผ่านมาปัญหามากมายเกิดขึ้นที่บ้านหลังนี้ก็เพราะเราขาดหลักนี้ไปค่ะ อย่างไรก็ตามหลักเหตุและผลนั้นก็ควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของมารยาทอันดีในการสื่อสารออนไลน์ด้วยค่ะ

ดิฉันเคยได้สนทนากับคุณ chai นี้หลายครั้งทั้งผ่านระบบออนไลน์และทางโทรศัพท์ เรียนตามตรงว่าโลกทัศน์คุณยังแคบไปสำหรับการฟันธงอะไรๆ และที่สำคัญที่สุดคุณออกจากเป็ฯคนประเภท 'มะนาวไม่มีน้ำ' ไปสักหน่อย ซึ่งนั่นเป็ฯผลเสียต่อตัวคุณเองและอาจจะส่งผลเสียถึงคนอื่นๆด้วยค่ะ

ยกตัวอย่างในกระทู้นี้ คุณแสดงความเห็นทุกเรื่องจากการคิดตีความเอาเอง โดยไม่มีหลักเหตุและผล หรือหลักฐานใดรองรับ ทราบมาแค่ไหนก็คิดว่านั่นคือทั้งหมดแล้ว ที่ดิฉันขอให้คุณแสดงเหตุผลและหลักฐานนั้นต้องการจะขอให้คุณแสดงว่าคุณมีความรู้กว้างไกลแค่ไหน แต่คุณทำไม่ได้เลย กลับแสดงให้เห็นว่าคุณมีความเข้าใจโลกนี้อย่างคับแคบ แต่พยายามจะใช้โลกแคบของคุณกำหนดโลกของคนอื่นตามไปด้วย

ดิฉันได้สนทนากับบัณฑิตผู้ใหญ่สองท่านเมื่อไม่นานมานี้ ท่านกล่าวไว้ประเด็นหนึ่งน่าสนใจว่า 'คนไม่รู้ไม่น่ากลัวเท่าคนไม่รู้ที่พยายามบอกคนอื่นว่าตัวรู้'

ประเด็นเรื่องพระกฤษณะนี้ คุณโจมตีท่านมาโดยตลอด โดยยกพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 6 มาอ้างทุกครั้ง แต่คุณก็ทราบเรื่องนี้ไกลที่สุดก้แค่รัชกาลที่ 6นี่แหละค่ะ ก่อนหน้านี้คุรไม่รู้เลย พระเจ้าอยู่หัวพระองค์นั้นท่านก็แสดงอย่างชัดเจนว่า 'โดยส่วนพระองค์' ท่านไม่โปรดพระอุปนิสัยบางอย่างของพระกฤษณะ ท่านก็ไม่ได้บอกว่าทุกคนต้องเกลียดตามท่าน

ก่อนที่คุณจะสรุปอะไรคุณรู้รอบแล้วหรือ ลึกแล้วหรือ ควรแล้วล่ะหรือที่คุณแนะนำคนอื่น

คุณแสดงตัวมาโดยตลอดว่าคุณอ่านปุณาณะมาเยอะ คุณอ่านฉบับไหนคะ ภาษาไหน คุณอ่านเอาจากเล่มจริง ภาษาจริงเลยหรือไม่ หรือได้แค่อ่านบทแปล แล้วคุณเชื่อได้อย่างไรว่าบทแปลนั้นถูกต้องตรงตามความในต้นฉบับ

ดิฉํนแนะนำด้วยความหวังดีว่าคุณควรกลับไปศึกษาวิชา มนุษยวิทยา ศาสนวิทยา สังคมศาสตร์ ประวัติศาสตร์ มาก่อนดีกว่านะคะ ก่อนจะมาพยายามทำความเข้าใจกับเทววิทยา

ขอบคุณค่ะ
#90
ถวายขลุ่ยเป็นความเชื่อเฉพาะกลุ่ม เหมือนกับที่คนถวายน้ำแดงกับเทพต่างๆหรือถวายของดำกับพระราหู


ถ้าเช่นนั้นรบกวนคุณ chai บอกกับคนโง่อย่างดิฉันด้วยว่า คุณทราบได้อย่างไรว่าเป็นความเชื่อเฉพาะกลุ่ม กลุ่มไหน เริ่มต้นได้อย่างไร เมื่อไร และมีหลักฐานได้ยืนยัน

ขอบพระคุณค่ะ
#91
Quote from: chai on March 05, 2011, 23:03:05
ปกติไม่มีใครไหว้ขนาดนี้หรอกครับ
ถึงขนาดซื้อกระบองตรีเพชร ดูแปลกๆอยู่
ผมว่าบูชาแบบปกติดีกว่านะครับ
คนไหว้พระราม ก็ไม่ได้ซื้อธนู ลูกศร มาไหว้พระราม
คนไหว้พระกฤษณะ ก็ไม่ได้ซื้อขลุ่ยมาถวาย

ประเด็นที่ยกมาคุณแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจน คุณจะบอกว่าคุณไม่ได้ว่าผิดได้อย่างไรคะ คำว่า "ดูแปลกๆอยู่ ผมว่าบูชาแบบปกติดีกว่าครับ" น้ คิดว่าใครก็คงทราบดีว่าคุณหมายความว่าอย่างไร

การถวายข้าวของพวกนี้ไม่ได้แปลว่าเราต้องถวายท่านทุกวัน หรือถวายทุกครั้งที่บูชานะคะ หากคุณไม่เห็นด้วย คิดว่าเป็นสิ่งปรกติ คุณคิดอย่างไรกับการถวายเสื้อผ้า พัตราภรณ์ เครื่องสำอางค์ และข้าวของอื่นๆในพิบูชาซึ่งคณะพาหมณ์จัดขึ้น

ในเมื่อคุณไม่ได้ให้เชื่อแบบคนอื่น ไม่อยากให้เชื่อตามใคร แล้วเมื่อเขาเชื่อตามวิถีของเขา คุณโจมตีเขาเพื่ออะไร

และกรุณามอบวิทยาทานต่อพวกเราด้วยข้อมูลและหลักฐานที่น่าเชื่อถือด้วยนะคะว่าเทวรูปพระกฤษณะแบบทรงขลุ่ยนี้ มีทีหลังแบบอื่นๆนั้น ใครเป็นคนศึกษา และศึกษาจากอะไร และเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น

คุณนี่แปลกดีนะคะ เวลาเขาอยากเป็นอินเดียคุณบอกให้เป็นตัวเอง เวลาเขาเป็นตัวเองคุณบอกให้ดูคนอินเดีย ดิฉันชอบคุณจังค่ะ
#92
แปลกดีนะคะ ในกระทู้เรื่องใบกระเพรา เขาพูดถึงการถวายใบไม้แด่พระเป็นเจ้าซึ่งเป็นกิจที่คัมภีร์ต่างๆรับรอง มีตำนานบอกเล่าชัดเจน คุณบอกไม่ต้องไปใส่ใจ

แต่กระทู้นี้คุณถามว่าปุราณะไหนพูดถึง ตำนานไหนรับรอง ตอนเขาจะบูชาตามระบอบคุณบอกไม่ต้องไปใส่ใจ แต่เวลาอย่างนี้คุณบอกห้ามคิดเองเออเอง

เรื่องระบบระเบียบนี้ดิฉันไม่ทราบหรอกค่ะ ดิฉันคงจะโง่กว่าคุณ แต่ดิฉํนเชื่อว่าดิฉันมีจุดยืนมากกว่าคุณ ชัดเจนในความคิดมากกว่าคุณค่ะ

สำหรับเรื่องการหาเทพศาสตรามาถวายพระผู้เป็นเจ้านี้ ดิฉันจะหาคำตอบจากแหล่งที่เชื่อถือได้มาตอบคุณในเร็ววัน แต่ประเด็นที่ติดใจคือคุณรู้ได้อย่างไรว่าไม่มีการกระทำแบบนีกัน ดิฉันสนับสนุนให้คนในบอร์ดนี้ พูด ทำ และคิดอะไรอยู่บนหลักเหตุและผลค่ะ ดังนั้นขอเหตุผลจากคุณ chai ด้วยค่ะ ว่าคุณทราบได้อย่างไรว่าคนบูชาพระกฤษณะไม่ได้ซื้อขลุ่ยไปถวาย

จากประสบกาสรณือันน้อยนิด ดิฉํนได้เคยร่วมเหตุการณ์ซึ่งผู้บูชานำขลุ่ยมาถวายเทวรูปพระกฤษณะที่เทวสถานเทพมณเฑียร บัณฑิตท่านหนึ่งรับขลุ่ยนั้นแล้วเชิญไปใส่ไว้ในพระหัตถ์แทนขลุ่ยเลาเดิมของพระองค์ค่ะ

หากเป็นเช่นนั้น คุณ Chai คิดว่าบัณฑิตท่านนั้นทำผิดปุณาณะใด คัมภีร์ใด โปรดชี้แจง

ขอบพระคุณค่ะ
#93
ประทานโทษนะคะ คุณ chai ทราบได้ยังไงคะว่าคนบูชาพระกฤษณะไม่ได้ซื้อขลุ่ยไปถวาย
#94












แล้วพบกันใหม่ในโอกาสหน้านะคะ

ขอบพระคุณและสวัสดีค่ะ
#95
หลังจากนั้นท่านบัณฑิตพรหม - มานัน ดวิเวดี จากเทวสถานเทพมณเฑียร ได้เดินทางมาประกอบพิธีบูชาพระศิวลึงค์ตามประเพณีอินเดีย โดยพระครูญาณสยมภูว์ เป็นประธานในการประกอบพิธีสำหรับขั้นตอนพิธีนั้น มีทั้งหมด 16 ขั้นตอน อธิบายคร่าวๆก็คือการบูชาเทพเจ้าทั้งหลายอาทิ พระคเณศ พระอุมา พระวรุณ พระธรณี เทวดาเจ้าที่ เทวดาประจำประทีป เทวดาสังข์ จากนั้นบูชาพระศิวลึงค์ด้วยพิธีต่างๆ อาทิ การสรงด้วยปัญจามฤต การสรงพระศวลึงค์ด้วยน้ำนมพร้อมกับสาธยายพระเวทไปด้วย การลูบไล้สุวคนธบูชา การหมผ้าพระศิวลึงค์พร้อมดอกไม้และมาลัย ถวายอาหารและผลไม้ ถวายเงินทักษิณา เป็นต้น ทั้งนี้รายละเอียดในการบูชาทั้ง 16 ขั้นตอนนั้นได้มีผู้เข้ามาอธิบายกันมากแล้ว จะป่วยการที่คนสมองกลวงอย่างดิฉันจะกล่าวซ้ำ จึงขอนำแต่ภาพมาให่ชมกันนะคะ











#96
เอ่อ ดิฉํนเข้าใจแล้วค่ะ ว่าอะไรผิดไป คือดิฉันเรียงลำดับภาพผิดพลาดไม่ตรงกับการอ่านค่าของระบบน่ะค่ะ กระทู้เมื่อกี้นี้เรียงลำดับภาพดังนี้นะคะ
ภาพที่ 2 แกว่งคันชีพ
ภาพที่ 4 หลั่งน้ำเทพมนตร์
ภาพที่ 3 เจิม
และภาพที่ 1 เจิมเทวรูปที่นำมาร่วมพิธี

ในการนี้ทางมูลนิธิพระพิฆเนศวรได้กรุณาให้อินทุศีตาลาเชิญเทวรูปพระอุมาสหิตามูรติมาประดิษฐานร่วมบนโต๊ะบูชา นับเป็นเกียรติและเป็นพระคุณอย่างสูงค่ะ ขอกราบขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วย





เป็นอันสิ้นพิธีทางไทยเพียงเท่านี้นะคะ จากนั้นจะเริ่มพิธีแบบอินเดียค่ะ ซึ่งดิฉันขอติดไว้เป้ฯคราวหน้าค่ะ วันนี้ไม่ไหวแล้ว
#97
เอ่อ ขอประทานอภัยอีกครั้งค่ะ ลำดับภาพผิดไป พระครูญาณสยมภูว์ท่านจุดเทียนในรูปสุดท้ายนั่น ก่อนที่จะทำพิธีอื่นๆนะคะ เชื่อหรือยังคะว่าดิฉันแก่แล้ว

ต่อเลยนะคะ







#98
เริ่มต้นด้วยการบูชาแบบไทย ซึ่งมีขั้นตอนพิธีดังที่ได้เคยนำเรียนแล้วในการประกอบพิธีทีปาวลีค่ะ ดังนั้นจะขอนำเสนอแต่ภาพเฉยๆนะคะ หากสงสัยขั้นตอนคงต้องเปิดไปชมในกระทู้ดังกล่าว (เพราะบัดนี้อินทุศีตาลาแก่มากแล้ว ทนแสบตาไม่ไหวคะ)







#99
คืนวันที่ 2 มีนาคม 2554 ที่ผ่านมา หลายท่านคงได้มีโอกาสไปร่วมงานมหาศิวราตรีบูชาซึ่งจัดขึ้นในหลายๆที่
หลังจากตัดสินใจอยู่หลายวัน ที่สุดดิฉันเดินทางไปร่วมงานบูชาที่มูลนิธิพระพิฆเนศวร ซึ่งมีพระครูญาณสยมภูว์ (ขจร นาคะเวทิน) เป็นประธานจัดขึ้น
ความน่าสนใจของงานที่นี่คือมีทั้งพิธีบูชาแบบไทยและแบบอินเดียค่ะ และจำนวนคนร่วมงานไม่มากนัก สถานที่กว้างขวางสะดวกสบาย ทำให้เราสามารถเห็ฯพิธีสำคัญได้อย่างใกล้ชิด ศึกษาได้อย่างสะดวก และที่สำคัญท่านผู้ประกอบพิธีเมตตาให้ผู้ร่วมงานทุกท่านได้ปฏิบัติบูชาตามขั้นตอนต่างๆได้ด้วยตนเองอย่างใกล้ชิดค่ะ

ทั้งนี้อินทุศีตาลาขออนุญาตนำภาพมาฝากกันนะคะ ตามเคยว่าภาพไม่สวยหรูนะคะ เพราะคนถ่ายภาพก็ไม่สวยด้วยค่ะ (555555)

เริ่มต้นด้วยเทวรูปพระอิศวรซึ่งประดิษฐานเป็นประธานในพิธีบูชาแบบไทย

#100
เป็ฯอันเสร็จพิธีค่ะ จากนั้นท่านบัณฑิตมอบของที่ระลึกและเจิมให้กับผู้ร่วมงาน แล้วรับประทานอาหารเจร่วมกัน พร้อมรับของเทวประสาทกลับบ้านค่ะ

http://www.upchill.com/direct/c6f527d776c12aabe3f4ee72cc6e5f0e.jpg[/img][/url[/URL]]







สุดท้ายนี้ต้องขอบพระคุณทางผู้จัดงานอีกครั้งนะคะ ที่กรุณาอนุญาตให้อินทุศีตาลาเข้าไปเก็บภาพบรรยากาศในงานประวัติศาสตร์ครั้งนี้ค่ะ
#102
ประทานโทษนะคะ ภาพสุดท้ายกระทู้ที่แล้วคลิกพลาดค่ะ เป็นภาพในห้องท้ายสำเภาวัดยานนาวาค่ะ

ต่อนะคะ



#103






ผู้ร่วมงานเข้าไปบูชาพระศิวลึงค์ด้วยดอกไม้
#104
ทั้งนี้ ต้องขออภัยทุกท่านที่เก็บภาพมาได้ด้วยคุณภาพเท่านี้ แรกทีเดียวไม่คิดว่าจะเผยแพร่ภาพเหล่านี้นะคะ เพราะถ่ายมาด้วยฝีมือระดับล่างสุดเท่าที่มีการบันทึกภาพมาในประวัติศาสตร์ก็ว่าได้ นอกจากฝีมือของดิฉันจะแย่แล้ว วันที่ได้รับความกรุณาจากเทวสถานให้เข้าไปบันทึกภาพนี้เป็ฯเวลาที่เพิ่งเสร็จสิ้นจากการสถาปนาพระนฤบเดศวรลึงค์ ดังนั้นมหาชนจึงล้นหลาม

บัณฑิตสองท่านซึ่งดูแลมณฑปประดิษฐานพระศิวลึงค์ ต้องช่วยกันพื้นที่เพื่อให้ดิฉันสามารถเก็บภาพได้ในมุมที่ดีที่สุดแล้วที่สามารถทำได้ในขณะนั้น กราบขอบพระคุณบัณฑิตทั้งสองท่านมา ณที่นี้ด้วยค่ะ

ทั้งนี้เทวสถานเทพมณเฑียรได้มอบหมายให้แจ้งข่าวดังต่อไปนี้แด่ศาสนิกชนค่ะ

1. ศาสนิกชนที่ปรารถนาจะอภิเษกพระศิวลึงค์ด้วยตนเอง สามารถกระทำได้ในช่วงเวลาเช้า - เที่ยงทุกวัน นอกนั้นงดอภิเษก นอกจากการประกอบยัชญะพิธีโดยมีพราหมณืเป็นผู้นำในการประกอบพิธีเท่านั้น

2.นับแต่บัดนี้ เทวสถานเทพมณเฑียรขอความร่วมมือศาสนิกชนทุกท่านอย่าถ่ายภาพใดใดภายในเทวสถาน โดยเฉพาะภาพระเทวรูปทุกๆองค์ นอกจากได้รับอนุญาตเท่านั้น

ขอบพระคุณค่ะ
#105
นอกจากนี้เทวสถานยังได้สั่งทำเครื่องประดับพิเศษถวายพระนฤบเดศวรลึงค์ด้วย คือ

ฉัตรเงิน


แส้จามรีด้ามเงิน


นาคราชเงิน


ซึ่งจะประกอบในพิธีสำคัญ
#106
นอกจากนี้ยังมีซุ้มประดิษฐานเทวรูปอีก 4 องค์และพระนนทิ ตามหลักปัญจายตนะเทวตา ของนิกายสมารตะ อันเป็นนิกายของเทวสถานแห่งนี้

พระคเณศ


พระวิษณุ


พระเทวี ในที่นี้คือพระปารวตี



พระสุริยาทิตย์


พระนนทิ


#107
สงสัยต้องรบกวนท่านผู้ดุแลบอร์ดท่านใดท่านหนึ่ง พิจารณาด้วยค่ะว่ารูปดิฉันใหญ่ไปหรือเปล่า หากเป็นเช่นนั้นรบกวนช่วยแก้ไข จะย่อ ใส่ลายน้ำหรืออย่างไรก็สุดแท้แต่ค่ะ เรียนตามตรงว่าดิฉันทำไม่เป็น 5555555555555
ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ
#108
พระนฤบเดศวรลึงค์ คือศิวลึงค์ซึ่งสร้างจากหินในแม่น้ำนรฺมทา ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นหินศักดิ์สิทธิ์ นิยมใช้ในการแกะเป็นศิวลึงค์ซึ่งจะเชื่อกันว่าเป็นศิวลึงค์ที่บริสุทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ พระนฤบเดศวรลึงค์แห่งเทวสถานเทพมณเฑียรนี้คณะพราหมณืและกรรมการเทวสถานอัญเชิญมาจากประเทศอินเดีย มีน้ำหนักเฉพาะองค์พระศิวลึงค์มากกว่า 100 กิโลกรัม

สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ด้านหนึ่งขององค์ศิวลึงค์ปรากฎลายหินตามธรรมชาติเป็นสีแดง ลากยาวพาดผ่านมองดูคล้ายตรีบูร ซึ่งผู้บูชาพระศิวะมักเขียนไว้บนหน้าผาก บัณฑิตแห่งวัดเทพมณเฑียรเล่าให้ฟังว่าหินบางก้อนก็มีลาย แต่ส่วนใหญ่ไม่มี และก้อนที่มีลายอยู่ตรงบริเวณที่พอเหมาะเช่นนี้ หายากมาก นับเป็นความอัศจรรย์ยอดยิ่ง




#109
ตามที่ทุกท่านคงได้ทราบข่าวการสถาปนาพระศิวลึงค์พระองค์ใหม่ของเทวสถานเทพมณเฑียรไปแล้ว ในระหว่างวันที่ 26 กุมภาพันธ์ - 2 มีนาคม 2554 ที่ผ่านมา และเชื่อว่าคงมีเพื่อนๆหลายท่านมีโอกาสไปร่วมพิธีบูชาและชื่นชมพระศิวลึงค์กันแล้วไม่มากก็น้อย

จากการสอบถามเพื่อนฝูง 2 - 3 คนได้ทราบว่าพวกเขายังหาได้ยลโฉมและความพิเศษของพระศิสลึงค์องค์นี้ไม่ อินทุศีตาลาจึงขออนุญาตนำภาพพระนฤบเดศวรลึงค์แห่งเทวสถานเทพมณเฑียรมาให้ชมกันค่ะ

#111










พราหมณ์อภิเษกพระศิวลึงก์ด้วยของเหลวมงคลต่างๆ เช่น นม นมเปรี้ยว เนยใส น้ำผึ้ง น้ำอ้อย และปัญจมฤต เป้ฯต้น จากนั้นไล้ศิวลึงก์ด้วยสุคนธบูชา แล้วแต้มผัสมะ เขียนดิลก แล้วตกแต่งด้วยพัสตาภรณ์และมาลัย



#112












ทั้งนี้ด้วยข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ ทำให้พราหมณ์ไม่สามารถส่งข้าวของประกอบพิธีให้กับทุกคนได้ ทางออกที่อินทุศีตาลาชอบใจมากก็คือ พราหมณ์จะแนะนำว่าขั้นตอนเหล่านี้คืออะไรบ้าง และต้องทำอะไรอย่างไร จากนั้นพราหมณ์จะปฏิบัติเป็นตัวอย่าง แล้วผู้ประกอบพิธีปฏิบัติตาม เช่น ในขั้นตอนที่เรียกว่า สังกัลปนา คือการอธิษฐานต่อเทพเจ้า พราหมณ์ได้แนะนำให้ใช้ดอกกุหลาบซ้อนกับดาวเรือง โรยข้าวสารแล้วพราหมณ์เยาะน้ำลงบนนั้นทีละคน จากนั้นวางดอกไม้บนมือขวา ซ้อนบนมือซ้าย ยกขึ้น ประคองไว้และอธิษฐาน ทำให้ผู้ร่วมพิธีได้ลองปฏิบัติด้วยตนเอง ทั้งที่โดยปรกติแล้ว พราหมณืจะประกอบดอกไม้นั้นแล้วส่งให้ผู้ทำพิธีเลยทีเดียว

#113








ขณะพิธีบูชากำลังดำเนินไปนี้ เรือได้พาเราล่องไปตามลำน้ำเจ้าพระยาจนถึงสะพานกรุงเทพและวกกลับขึ้นไปจนถึงสะพานพระราม 8 สองฝั่งน้ำเต็มไปด้วยแสงสีจากดวงไฟของอาคารต่างๆระยิบระยับ

#114


ในการนี้ท่านอาจารย์ศรีหริทาสแห่งภาคิวิชาปรัชญา มหาวิทยาลัยศิลปากร ปราชญ์ท่านสำคัญของบอร์ดเรา ได้กรุณาอธิบายความหมาย ปรัชญา รวมไปถึงเกร็ดความรู้ดีดีเกี่ยวกับศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู และเทศกาลศิวราตรีให้ผู้ร่วมงานได้ฟัง ล้วนเป้ฯองค์๕วามรู้ที่น่าสนใจมาก ทั้งนี้ท่านบัณฑิตลลิตได้กรุณากล่าวอนุสาสน์แก่ผู้ร่วมงานโดยมีอาจารย์ศีหริทาสช่วยแปลเป้ฯภาษาไทยให้ด้วย




จากนั้นจึงเริ่มพิธีบูชา ซึ่งประกอบไปด้วยการบูชา 16 ขั้นตอน การบูชาด้วย 108 พระนาม และการอภิเษกพระศิวลึงก์
#115


เครื่องบูชาที่จัดเตรียมไว้



บัณฑิตลลิต โหน วยาส แห่งเทวสถานเทพมณเฑียรกรุณาเดินทางมาเป็นผู้นำในการประกอบพิธี พร้อมบัณฑิตพราหม-มานัน ดวิเวดี และเหล่าบัณฑิตจากเทวถานเทพมณเฑียร


#116


เรือเทียบท่าที่ท่าน้ำวัดยานนาวา



ผู้ร่วมพิธีสนทนากันเพื่อรอเวลาสมควร

[
#117
อินทุศีตาลา ได้รับความกรุณาจากกลุ่มปินากิน ผู้จัดพิธีบูชาพระศิวลึงก์ท่ามกลางสายน้ำเจ้าพระยา เนื่องในเทศกาลศิวราตรีประจำปี พ.ศ.2554 จึงเก็บภาพบรรยากาศการบูชาที่เข้าใจว่าจะเป็ฯครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทยครั้งนี้มาให้ชมกันค่ะ



นฤบเดศวรลึงค์ ประดิษฐานบนเรือ ซึ่งจะจัดให้มีการบูชากันในครั้งนี้
#118
สำหรับขั้นตอนในการประกอบพิธี โดยคร่าวๆนั้น เริ่มต้นจากการสถาปนากาลัศ บูชาเทพยดาทั้งหลาย และสถาปนาสรวโตภัทรปิฐตะ แต่ขั้นตอนโดยละเอียดนั้นขออนุญาตเรียนตามตรงว่าไม่กล้าอธิบายค่ะ เพราะทุกขั้นตอนเป็ฯภาษาฮินดีล้วนๆ (555555555) ขอนำแต่ภาพมาฝากนะคะ















ทั้งนี้ยังมีพิธีสำคัญทุกวันตลอดจนถึงวันที่ 2 มีนาคม 2554 ค่ะ แล้วจะนำภาพมาให้ชมอีกครั้ง

ขอบพระคุณค่ะ
#119
เมื่อได้เวลาอันสมควรแล้ว ท่านบัณฑิตลลิต โมหัน วยาส ประธานพราหมณาจารย์เทวสถานเทพมณเฑียร ได้เป็นผู้นำในการประกอบพิธี โดยมีบัณฑิตพราหม-มานัน ดวิเวดี พร้อมเหล่าบัณฑิตเป็นประกอบผู้พิธีต่างๆ


ผู้ร่วมพิธีในวันนี้นอกจากคุณมหาบีร์ โกลเดอร์ ประธานคณะกรรมการสมาคมฮินดูสมาสแล้ว ยังมีกรรมการสมาคมและชาวอินเดียที่มีถิ่นพำนักในกรุงเทพมหานคร พร้อมคณะศรัทธาเทวสถานเทพมณเฑียรร่วมพิธี โดยส่วนใหญ่เป็นชาวอินเดียค่ะ

#120
ตามกำหนดการของเทวสถานเทพมณเฑียรซึ่งทุกท่านได้ทราบแล้วนะคะ อินทุศีตาลาได้นำภาพบางส่วนของพิธีบูชาในวันแรกของงานคือ 26 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 09.00 - 13.00 น. มาให้ชมค่ะ



การตั้งแต่ง และประดับประดาในพิธี