Loader
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - ศรีมหามารตี

#161
คุณพิมมี่หมายถึง  คุณพี่กีกี้ จิ้งจอกพันหน้า ปะค่ะ ....

#163
ต้องเรียนอย่างนี้นะค่ะ ...  ตอนแรกกะว่าจะไม่ยุ่ง  แต่พอได้อ่านแล้วมันปิ๊ดๆคะ .. อิอิ   

บอกตรงๆว่าจริงๆแล้วอิชั้นก็ไม่ได้เก่งกาจสามารถอะไรมาจากไหน  และมิได้ต้องการจะมาแย้งอะไรกับใคร

   แต่... อิชั้นก็กลัวว่าหลายๆท่านที่เพิ่งก้าวเท้าเข้ามาในวงการนี้   รวมทั้งมีความศรัทธาในองค์พระศิวะเป็นพิเศษจะเกิดการเข้าใจผิดกันไปได้

   ดั่งนั้นตัวหนังสือของอิชั้นทุกตัวในกระทู้นี้  จะถือว่าเป็นความปราถนาดีที่มีต่อเหล่าศิวะสาวกนะเจ้าค่ะ

   ขออนุญาติแสดงความเห็นบ้างในฐานะที่อิชั้นก็เป็นสาวกคนหนึ่งที่บูชาและมีความจงรักภักดีต่อพระปศุบดีศิวะเจ้าเหมือนกัน   ....

และถึงแม้ว่าจะเป็นแค่ปุถุชนคนธรรมดา  แต่ในที่นี้อิชั้นก็มีสิทธิ์มีโอกาสที่จะแสดงความเห็นส่วนตัวบ้าง .. ใช่ไหมคะ


   
น่าขำนะค่ะที่หลายๆความเห็นต่างก็พูดถึงพระบิดาแห่งจักรวาลในแง่มุมที่แตกต่างกันออกไป  อีกทั้งยังเอาความคิดความเห็นของตัวเองเป็นที่ตั้ง โดยปราศจากวิจารณญาณและหลงเชื่อใน

   เทพนิยายสะเต็มร้อยแบบไม่ยั้งคิด

   พร่ำพรรณาถึงอะไรเสียๆหายๆเกี่ยวกับพระองค์  สาดโคลนโยนสีใส่ท่านแบบสุดสวิงริงโก้อิโต้บั้ม   ประหนึ่งราวกับว่าครั้งหนึ่งตัวชั้นเคยอาศัยอยู่ ณ ตีนเขาไกรลาศ


จริงอยู่ว่าทั้งตัวอิชั้นและหลายๆท่านในที่นี้ไม่มีใครเคยไปถึงจุดนั้น   และไม่มีใครเคยได้สัมผัสถึงทิพยภาวะที่แท้จริงของพระองค์

   แต่ในส่วนของหลักฐานข้อเท็จจริง  ในแง่ของเทพนิยายหรือเทพปกรณัมมันก็มีอยู่ให้เห็นทงโท่แล้วนิค่ะ  ว่ามันจริงแค่ไหน  สักกี่เปอเซ็นต์ที่จริง

   แต่ละลัทธินิกายก็ต่างแต่งเรื่องกุเรื่องสร้างเรื่องเพื่อเอาดีเข้าใส่แด่พระเจ้าที่ตนเองนับถือมากเป็นพิเศษ 

แล้วถามหน่อยว่ากับปกรณ์พวกนี้จะเอาอะไรมาเป็นบรรทัดฐาน  ตัดสินว่าเรื่องที่คุณกำลังหลงเชื่ออยู่นั้นว่ามันจริง


แต่ในขณะเดียวกันนั้น  ในแวดวงวิชาการเทววิทยาที่ศึกษาในส่วนของเทพปกรณัมกันจริงๆ  ก็แนะว่า   

   ปกรณ์ส่วนใหญ่ที่แสดงถึงบุคลิกภาพของเทพต่างๆนั้นมุมหนึ่งก็เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงสภาพสังคม ความคิด  ตลอดจนความเชื่อของคนโบราณ

   ที่เล่าผ่านเทพปกรณัม   หาใช่ตัวตนที่แท้จริงไม่   


   ทั้งนี้เราก็ไม่ควรจะมองข้ามเทพปกรณัมไปสะทีเดียว  เพราะอย่างที่ก็ทราบกันดีว่าเรื่องราวต่างๆล้วนแล้วแฝงไปด้วยนัย ตลอดจนคำสอนดีๆ

    ผ่านตัวหนังสือ โดยอาศัยเทพเป็นตัวละคร  ดั่งนั้นอิชั้นก็คิดว่าเราควรเลือกเสพย์แต่สิ่งดีๆ   สิ่งที่เป็นสาระ
 

ความเห็นส่วนตัวนะค่ะ  ขึ้นชื่อว่าเทพ  ไม่ว่าจะชั้นพรหมชั้นสวรรค์ไหนๆ  ท่านก็ต้องดีกว่าเรา ประเสริฐกว่าเราเสมอ  ถ้าไม่ดีก็ไม่รู้ว่าจะมาก้มหน้าก้มตากราบไหว้กันไปทำไม

    เราเป็นแค่มนุษย์ปุถุชนธรรมดา  คงมิอาจเทียบเทียมทานกับพระองค์ได้หรอกคะ


    และยิ่งขึ้นชื่อว่าเป็นมหาโยคีแบบพระศิวะด้วยแล้ว   ก็เชื่อว่าพระองค์ต้องประเสริฐกว่าปุถุชนคนธรรมดาแน่นอนคะ

    อ้างอิงตามความหมายนะค่ะ โยคี = โยค + อีปัจจัย โยค = วิริยะ หรือความเพียร หรือประกอบ อี = มี

     ตามความหมายเลยคะโยคี คือ ผู้สละสู่ป่า  จะเป็นการสืบต่อหัวใจของวิถีทางแห่งการรู้แจ้งที่แท้ จริง


      ดั่งนั้นการเป็นโยคีบุคคล เป็นผู้ที่พัฒนาจิต วิญญาน เป็นลำดับคะ
   

       เป็นดั่งเนยที่ลอยอยู่เหนือน้ำ ไม่ว่าอยู่ฐานะใด ก็ไม่ผสมกลมกลืนกับน้ำ สามารถปฏิบัติหน้าที่ทางสังคม อย่างสมบูรณ์
      

       มีจิตเหนือสภาวะที่มากระทบทั้งมวล สามารถมีวิถีชีวิตที่บริสุทธิ์  ทำอารมณ์ให้ตัดขาดจากโลกภายนอก   

       แสวงหาแต่ความหลุดพ้นปราศจากความอยาก ความกลัว และความโกรธ ผู้ใด ฝึกได้เช่นนี้ ย่อมเป็นโยคีบุคคล และก็ทั้งชายกับหญิงอิชั้นว่าก็ไม่แตกต่างกัน ล้วนเป็นจิต วิญญาน อาศัย ร่าง เท่านั้น  ผู้ใดได้สภาวะ ความจริงย่อมบังเกิดเหนือมายาแห่งโลกและจักรวาลทั้งมวล



     กับอีกประเด็นนึงที่บอกว่าไหว้เพื่อขอดะ หรือเป็นมนุษย์ที่สักแต่ขอ  ตรงนี้เห็นว่าจะเป็นไปทุกคนนั้นก็หาไม่   บางคนเค้าก็เลือกบูชาเทพในแบบที่สร้างสรรค์

      และในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธ  ก็ควรที่จะบูชาเทพตามหลักพุทธธานุสติ  คือไหนๆก็เลือกที่จะเดินตามรอยท่านแล้ว

     ก็ยึดเอาแบบอย่างในความดีของท่าน   นำมาใช้นำมาปฎิบัติ  อิชั้นเชื่อคะ เชื่อว่าถ้าพระองค์ทรงมองดูเราปฎิบัติตัวดี เดินตามรอยทางท่าน ยึดเอาท่านเป็นแบบอย่าง

     พระองค์จะต้องทรงพอพระทัยแน่ๆ


      ที่อิชั้นพร่ำมาทั้งหมดนี้ก็เพื่อต้องการจะให้เหล่าศิวะสาวกพอจะเข้าใจอะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับพระองค์ท่านนะค่ะ  สำหรับสิ่งที่อิชั้นอธิบายมามันก็น้อยนิดเหลือเกิน

     เพราะก็ด้วยความรู้ที่มีจำกัด  แต่ถ้าไปเทียบกับความศรัทธาที่ตัวอิชั้นมีต่อเทพพระองค์นี้ และไม่ว่าจะเทพองค์ไหนใดๆในโลก มันมากมายสุดจะพรรณาได้คะ


     ฝากไว้เท่านี้คะ  อิชั้นทิ้งคลิปวีดีโอ หนึ่งร้อยแปดพระนามขององค์พระศิวะเจ้าเพื่อให้พวกเราสวดพระนามสรรเสริญแด่องค์มหาเทวโยคีผู้เป็นใหญ่ในจักรวาล     และเทพที่ทรงมีเมตตาต่อมนุษย์มาตลอด อย่างหาที่สุดไม่ได้คะ 



        http://www.youtube.com/v/OwrZ8aJBcyA




   
    ....  ขอพรและและบารมีแห่งองค์พระศิวะ คุ้มครองเหล่าสาวกผู้ภักดีนะค่ะ
         
   
   
 
#164
Quote from: Oam on June 18, 2010, 20:29:21
ความเป็นเทพนั้น ยังโกรธง่ายกว่าพรหม มากมายครับ
พอดี พระศิวะ เป็นเทวะกำเนิด... คือ ไม่จำเป็นต้องเคลื่อน
และเนื่องจากเป็นอธิบดีแห่งเทพทั้งปวง
เป็นพลังงานของจักรวาล (กาแล็กซี่ทางช้างเผือกนี้)
จึงต้องเป็นอยู่อย่างนี้ตลอดไป...

จะว่าไป ถึงพระศิวะจะเป็นโยคี ผู้ชอบดิ่งในสมาธิตบะ
แต่โดยส่วนตัว ผมเห็นว่า เป็นมหาเทวะผู้เอาใจยากมากผู้หนึ่ง
คือ ค่อนข้างเอาแต่ใจพอควร..ตามความเห็นผมนะ
ท่านไม่ได้ไม่โกรธหรอก อย่างมากแค่ข่มได้เร็ว
ดีก็ดีใจหาย ร้ายก็ร้ายผิดปกติไปเลย
เอาใจยากกว่าเทพองค์ใดๆ ทั้งสิ้น..

นั่นแสดงว่า สมาธิตบะ ไม่ได้ล้าง "โทสะ" ได้เลย
มันแค่เอาหินไปทับหญ้า..
กดไว้นานๆ เวลามันเด้งกลับ ยิ่งแรงกว่าปกติ


เหตุการณ์หลายครั้งที่ืืทรงกริ้ว...ก็กริ้วเกินความจำเป็น
เป็นผู้ใหญ่ ไม่ควรโกรธ...
เท่าที่อ่านหรือดูหนัง จะเห็นว่า ท่านโกรธง่ายมาก
ชอบการสรรเสริญเยินยอ...
ใครเอาใจเก่ง บูชาเลิศ ตบะเยี่ยม
ก็ประทานพรทั้งนั้น เพราะให้สัจจะเอาไว้

จะเห็นว่า ในปกรณ์ต่างๆ พระศิวะประทานพรทีไร
ก็มีแต่ความเดือดร้อนวุ่นวาย..ให้เทพองค์อื่นมาตามแก้อยู่ร่ำไป
ความดีที่ผมเห็นอย่างเดียว คือ การบรรดาลโครงสร้างของจักรวาล
นอกนั้น ก่อเรื่องยุ่งเหยิงตลอด..ก็เพราะการประทานพรนี่แหละ


ไม่รู้สิ.. โดยส่วนตัวแล้ว ผมว่า
ถ้าเป็นคน.. ผมคงคบลำบาก เพราะเอาใจยาก
และส่งผลดี ผลเสีย ได้ค่อนข้ารุนแรงง..ไม่เข้าใกล้จะดีกว่า
อย่างนี้กระมัง จึงเป็นตัวอย่าง
ให้มนุษย์ทุกยุคทุกสมัย รู้จักการ "ประจบสอพลอ"

โดยส่งตัว ผมบูชาท่านในฐานะมหาเทพ..
แต่ไม่ได้ขอพรอะไร..
เพราะไม่รู้ว่า วันไหนอารมณ์ดี วันไหนอารมณ์ไม่ดี
แล้วถ้าขอพรไป จะต้องแลกด้วยอะไรรึเปล่า...
ผมขอพรกับองค์ที่อารมณ์เป็นกลางจะสบายใจกว่า
ไม่ใช่ท่านไม่ดี แต่ผมรู้สึกว่า จริงๆ แล้วท่านเข้าถึงยาก

แต่ถ้าเป็นพวกขี้ขอ ขอดะ.. ก็อาจจะให้ก็ได้นะ..


....
#165
ขอบคุณมากจ้า สำหรับความรู้ดีๆ  อิชั้นเชื่อว่าทั้งคอโลหะและสำริดต้องชอบบทความของคุณแน่

เพราะเราก็เป็นหนึ่งในนั้น เอิ้กๆ
#166
ก็คงเป็นอย่างที่คุณเจมส์ซิโนเข้าใจนั้นละคะ  ตามตำนานชาวฮินดูเชื่อกันว่าพระหนุมารคือรุทรอวตาร  ( ศิวะอวตาร )


นี่เคยได้ยินมานะค่ะ ผิดถูกอย่างไรก็กราบขออภัย  ว่าครั้งหนึ่งชายาของพญาวานรที่ชื่ออัญชนามีความปราถนาที่จะมีบุตรสักคน

นางจึงกราบไหว้บูชาพระศิวะจนพระองค์ทรงพอพระทัยเลยประทานบุตรให้  แต่นางก็มีประสงค์ว่าอยากให้บุตรของนางที่เกิดใหม่นี้

มีความแข็งแรงเฉกเช่นเดียวกับพระศิวะ


พระศิวะก็ทรงให้พรแก่นางทันที และตรัสบอกว่าการปรากฎเป็นองค์อวตารครั้งที่สิบเอ็ดของพระศิวะจะเกิดเป็นบุตรของเธอ


พระศรีหนุมานอุบัติขึ้นในวันพระจันทร์เต็มดวง  ในเดือนไจตระวันอังคาร โดยพระศิวะมีโองการให้พระยานเทพอาวุธ มีคฑา เพชร

ตรีและจักรแก้ว ไปซัดเข้าปากนางสวาหะ  และด้วยเหตุนี้พระพายจึงเป็นพระบิดาขององค์หนุมาน

คฑาเพชรกลายเป็นกระดูกสันหลัง ตรีกลายเป็นร่างแขน ขา และจักรแก้วกลายเป็นเศียร และหนุมานสามารถชักตรีออกจากตัวมาสู้กับศัตรูได้






#167
มาอีกครั้งคะ.. เห็นกระทู้นี้ขำๆ มันดี ไม่ซีเรียส

ย้ำว่าถ้าพวกเราชะตาต้องกันและด้วยพรแห่งพระแม่จริงๆ  คงจะได้เจอกันในงานนะค่ะ  อิชั้นบินกลับไปแน่นอนคะ ...

ยังไม่มีโอกาสได้ขอบคุณ คุณ Purple_Tulip เลย  ขอบคุณจริงๆ ที่ติดตามกันมาตลอด  ความจริงอิชั้นก็ไม่ได้เก่งกาจมาจากไหน

อาศัยว่าศึกษามาบ้างอะคะ  ต่อไป มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจก็ยินดีช่วยนะค่ะ มิต้องเกรงใจ ลูกพระแม่เหมือนกัน



ขอพระเป็นเจ้าคุ้มครอง เพื่อนและสมาชิกทุกท่านเลยคะ  ที่ผ่านมาหลายๆท่านอาจมีบาดหมางใจกันมาบ้าง แต่อิชั้นเชื่อเสมอว่าถึงอย่างไรเราก็ลูกพระเป็นเจ้าด้วยกัน  เดินกันมาทางเดียวกันแล้ว  น่าจะช่วยๆกัน เกาะๆกันไปให้ถึงฝั่งนะค่ะ อิอิ  ขอเหล่าทวยเทพประทานพรคะ ...













#168
ขำคุณ โอม เจ ...   ตัวแม่ทั้งหลายในบอร์ดต้องติดไฟกระพริบ  แล้วโยงหรือพันรอบตัว  วันงานนวราตรี ตัวแม่โดนไฟดูดตายก่อน

เห็นทีต้องซื้อฝาก คุณเกียไน้ และคุณจิ้งจอกพันหน้า ตามด้วยคุณพิมมี่คนละขด  พวกนี้ตัวแม่ของจริง .....  555555 

ย้ำว่าถ้าวันงานฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนัก  แล้วในขณะที่ยังมีไฟดิสโก้พันรอบตัวแม่  ผลจะออกมาดั่งรูปนี้คะ ให้นึกถึงหน้าเกียไน้คนแรก 55




หมดสิ้นกันทีตัวแม่งานนี้ 55
#169
โห สวยมากคะ  ขอองค์พระศรีคเณศคุ้มครองพี่เกีย  และอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของเหล่าน้องๆไปนาน...










#170













#171
เทวรูปหินอ่อนพระรามตอนเด็กนะค่ะ ...






#172










#173










#174
อย่างงี้ต้องรออาจารย์ตุล หริทาสอย่างเดียวแล้วละคะ ... เอิ้กๆ

มานั่งรอคำตอบด้วยคนเคยสงสัยเหมือนกัน  เราไม่กล้าตอบเพราะยังไม่ชัวร์

#175
พระแม่สีดาคะ





#176
ต่อคะ .... ภาพแรกพระแม่สีดา
































#177














#178

















#179
มาช่วยนิดๆหน่อยๆนะค่ะ ไม่ค่อยมีใครเอามาลงเลย  พอดีอิชั้นพอมีรูปท่านอยู่บ้าง แต่ก็นิดๆหน่อยๆ  หวังว่าคงจะถูกใจเจ้าของกระทู้นะค่ะ   เอิ้กๆ  ขอองค์ศรีรามจันทร์คุ้มครองคุณคะ ... เจ ศรีราม
























#180
จริงๆเห็นกระทู้นี่มาสักพักละ   เลยลองไปค้นที่ห้องสมุดมา  ผลปรากฏว่าก็พอได้ข้อมูลมานิดหน่อย  เกี่ยวกับท่าน  शुक  ศุกะ

ที่ในภาษาสันสกฤตแปลว่านกแก้ว 

อิชั้นเห็นว่าจริงๆแล้วท่านน่าจะเป็นบุตรหนึ่งในสี่คนของท่านมหาฤษีวยาสนะค่ะ   ได้แก่ ธฤตราษฎร์  ปาณฑุ  มหามติวิทูร และศุกเทพ

แต่ในที่นี้จะไม่ขอกล่าวถึงบุตรของท่านวยาสท่านอื่นละกัน    เกรงว่าสามวันจะไม่จบ  และอีกอย่างก็ไม่ตรงประเด็นกับสิ่งที่เจ้าของกระทู้ต้องการจะทราบด้วย

จริงๆประวัติของท่าศุกะองค์นี้ในหนังสือมีกล่าวไว้มากมายหลายทางเหลือเกิน เช่น บางปุราณะกล่าวว่าท่านเกิดแต่ไฟศักสิทธิ์ในการกระทำยัญญะ  ตอนที่ฤาษีวยาส มีจิตเสน่หาต่อนางอัปสรชื่อ ฆฤตจี อัปสรชื่อ ฆฤตจี ที่บินผ่านไปในร่างของนกแก้ว

แต่มีนักวิชาการหลายท่านออกมาให้ความเห็นว่า   การที่ฤษีองค์นี้มีศีรษะเป็นนกแก้วนั่น ก็เพราะเหตุที่ว่าสมัยที่ท่านศึกษาวิชาการต่างๆกับท่านฤษี  ท่านเป็นเลิศในด้านการฟัง  จึงใช้สัญลักษณ์เป็นรูปหัวนกแก้ว


ข้อมูลตรงนี้น่าสนใจมากคะ  เพราะในบรรดาเทพปกรณัมของทุกๆลัทธิศาสนา  เทพที่มีหัวเป็นนกแก้ว  ก็มีนัยแบบนี้แอบแฝงอยู่ด้วยเหมือนกัน
นี่เป็นความเห็นในเชิงวิชาการและมานุษยวิทยาที่เหล่าบรรดาคณาจารย์ทั้งหลายในวงการเทววิทยาออกมาแสดงความเห็นและทรรศนะที่มีต่อมุนีองค์นี้กันนะค่ะ  ส่วนความจริงนั้นจะเป็นอย่างไรเราก็มิอาจทราบได้

แต่.... ก็มีอีกความเชื่อนึงของชาวฮินดู  ที่เชื่อกันว่ามารดาของท่านศุกะ มิใช่ ผู้หญิงที่มาจากเผ่าศุกะ 
แต่เป็นศุกะที่มาจากนกแก้วจริงๆ  ความหมายตามภาษาสันสกฤตที่บอกไปว่าศุกะแปลว่านกแก้วอะคะ










#181
อยากได้บ้างสักองค์ งามดีแท้คะ อิอิ ...
#183
โดยส่วนตัวแล้วอิชั้นมีโอกาสได้อ่านคัมภีร์อุปนิษัทซึ่งในนั้นก็ได้มีการบรรยาย  รวมถึงได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับเหล่าบรรดาสัตว์ทั้งหลาย  อาทิเช่น  ม้า  รวมทั้งโคกระบือไว้ด้วยคะ    อีกทั้งในครุฑปุราณะก็ได้มีการกล่าวถึงวิถีชีวิตของปลาและเต่าไว้ด้วยเช่นกัน  ทั้งยังพบหลักฐานอะไรอีกมากมายหลายอย่างเกี่ยวกับลัทธิการบูชาปลาและเต่า ก่อนที่จะมาถูกจับผนวกรวมเข้ากับทฤษฎีนารายณ์อวตาร

น่าแปลกนะค่ะว่าทั้งๆที่หนังสือเหล่านี้ก็ล้วนแล้วแต่เป็นคัมภีร์ทางศาสนา  แต่กลับมีการกล่าวถึงสัตว์ต่างๆไว้มากมายเช่นกัน   ถ้าหันกลับมามองกันในแง่ของคติชนวิทยา ( Folklore ) แล้วจะพบว่าไม่แปลกเลยคะที่ขนบธรรมเนียมประเพณีพิธีกรรมตลอดจนวัฒนธรรมความเชื่อจะปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์ทางศาสนา

เหล่าบรรดาคณาจารย์ตลอดจนนักวิชาการหลายท่านได้ลงความเห็นว่า   สาเหตุที่มีการกล่าวถึงการปศุสัตว์ไว้ในพระคัมภีร์เช่นนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดาคะ  เพราะส่วนใหญ่ก็มักจะมีสอดแทรกไว้ในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของทุกๆลัทธิศาสนาต่างๆทั่วโลกอยู่แล้ว

ปกรณัมปรัมปราทั้งหลายถูกบันทึกลงในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์    ด้วยวิธีการใช้ตัวหนังสือทั้งในแง่ของโศลก  กาพย์กลอน ตลอดจน โคลง ฉันท์  ผ่านงานกวีนิพนธ์เยอะแยะมากมายคะ

เหล่านี้ล้วนเป็นการแสดงถึงวิถีชีวิต  ตลอดจนภูมิปัญญาโบราณที่มักจะเกี่ยวข้องกับการเกษตรกรรม  การปศุสัตว์ 
โดยเราจะสามารถพบเห็นเทพที่มีศีรษะเป็นสัตว์พื้นเมืองหรือสัตว์ที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของเหล่าบรรดาผู้คนในสมัยนั้นสะเป็นส่วนใหญ่  ทั้งที่อยู่ในรูปของบุคลาธิษฐาน  ตัวอย่างเช่นพระมาติรูกี  ที่มีศีรษะเป็นเสือทั้งด้านหน้าและหลัง   มีปรากฏอยู่ในคัมภีร์เก่าแก่ของอินเดียตอนใต้  ที่รัฐเกรละ  คะ





















वाहन   คำว่า วาหน  หรือที่ในภาษาไทยออกเสียงว่าพาหนะ  มักมีความหมายถึงการขนส่ง  หรือการบรรทุกไป

ตามตำนานว่ากันว่าเวลาที่องค์เทพจะเสด็จไปไหนมาไหนก็มักจะมีสัตว์พาหนะคอยนำทางไปด้วยเสมอ   เช่นเสด็จไปทรงงาน  หรือไปเพื่อปฎิบัติภารกิจบางอย่างเป็นต้น

ทั้งนี้เหล่าบรรดาเทพหนะมิได้มีหน้าที่แค่การขนส่งอย่าวเดียว  แต่ยังสะท้อนถึงอัตลักษณ์ตลอดจนบุคลิกภาพขององค์เทพนั้นๆที่ทรงเป็นอยู่ด้วย...







เช่น   พระโคนันทิพาหนะของพระศิวะ    เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงซึ่งกำลังอำนาจความเข้มแข็ง ตลอดจนความแข็งแกร่งและพละกำลังที่มากมายมหาศาล  ทั้งนี้ครอบคลุมไปถึงความแข็งแกร่งแห่งความบุรุษเพศด้วย









































หงษ์หรือบางครั้งถูกแทนด้วยนกยูง  พาหนะของพระแม่สรัสวตี   เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงซึ่งสติปัญญาตลอดจนความบริสุทธิ์









นกยูง    พาหนะของพระขันธกุมาร  แสดงถึงซึ่งความซื่อสัตย์จงรักภักดี  ตลอดจนความสง่างามแลดูน่าเกรงขามตามแบบของชาตินักรบ



































ครุฑ  พาหนะของพระนารายณ์  แสดงถึงซึ่งพละกำลังตลอดจนความสามารถมากมายมหาศาลคะ

























นกฮูก สัญลักษณ์ของพระธัญลักษมี   เนื่องจากสังคมชาวนาและในแถบเบงกอลให้ความเคราพนับถือพระศรีลักษมีในปางนี้มาก

จากนัยทั้งหลายที่แอบแฝงมากับพาหนะของพระแม่ที่เป็นนกฮูก  ว่ากันว่าในการทำนานั้นมีศัตรูตัวฉกรรณ์คือพวกหนูนา  แต่นกฮูกจะออกมาหากินหนูในตอนกลางคืน  และเมื่อครั้งที่พระนารายณ์ประทานนกฮูกให้แก่พระธัญลักษมียังแสดงถึงช่วงเวลากลางคืนที่พระแม่จะเสด็จออกมาด้วย






เดี๋ยวมาต่อนะค่ะ ....
#184
ขออนุญาตตอบละกันนะค่ะ    แต่จะเป็นไปแบบคร่าวๆ   ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากว่าถ้าจะมาสืบค้นข้อมูลในเรื่องของเทพพาหนะนี่ว่ากันสามวันไม่จบจริงๆ    เพราะในส่วนของรายละเอียดมีระบุไว้ค่อนข้างมาก

ย้ำอีกนิดว่าตอบตามเท่าที่ทราบ เท่าที่รู้จริงๆ  เพราะคิดว่าข้อความของอิชั้นก็อาจจะพอเป็นประโยชน์ได้บ้าง  ไม่มากก็น้อย   ถ้าตรงไหนไม่ถูกต้องหรือบิดเบือนไปจากข้อเท็จจริงหรือตำราที่อ้างอิงมาอย่างไร   ก็รบกวนท่านผู้รู้ได้โปรดมาชี้แจงแถลงไขด้วยเจ้าคะ....
















จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษร  ตลอดจนภาพวาดภาพเขียนต่างๆ  ที่แสดงผ่านตำนานเทพนิยาย หรือเทพปกรณัม  ( Mythology ) หรือแม้แต่ในส่วนของเรื่องเล่าหรือมุขปาฐะ ( Oral literature )    ต่างก็กล่าวถึงความสัมพันธ์และความใกล้ชิดระหว่างสัตว์พาหนะกับเหล่าบรรดาองค์เทพและองค์มหาเทวีในคติฮินดูไว้เสียมากมาย  ซึ่งถ้าจะว่ากันจริงๆก็มีปรากฏมาตั้งแต่ยุคอริยกะ ( บรรพบุรุษของชาวอารยันดั้งเดิมที่อาศัยอยู่ในประเทศอิหร่าน ) และนี่ก็เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญอีกชิ้นหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่าศาสนานี้เป็นระบบพหุเทวนิยม ( Polytheism )   กล่าวคือ...นับถือบูชาเทพหลายองค์  รวมถึงมีลัทธิบูชาสัตว์พาหนะด้วย  ( Totem )





หรือแม้แต่ประติมากรรมรูปเคราพ   ตลอดจนภาพสลักภาพนูนสูงของเหล่าเทพเจ้าในชั้นเดิมของศาสนาพราหมณ์   ไล่มาเรื่อยถึงยุคพระเวท และฮินดูอุปนิษัท    ก็ขาดเสียไม่ได้ซึ่งเหล่าเทพพาหนะ   




































เหล่าบรรดาภาพวาดโบราณทั้งหลายที่องค์เทพทรงประทับร่วมกันกับสัตว์พาหนะ  ก็มีให้พบเห็นกันได้อยู่บ่อยครั้งไป   จะต่างกันหน่อยก็ตรงที่พระองค์นั้นจะทรงแสดงลักษณะอากัปกิริยาที่แตกต่างกันออกไปบ้าง  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น  อาทิ เช่นทรงประทับนั่งบ้าง   ยืนบ้าง  หรือแม้แต่ทรงบรรทมเอกเขนกบ้างก็มีให้เห็นกัน



























#185
เข้ามาขอบพระคุณ คุณนพท่านเจ้าของกระทู้ที่นำข่าวสารดีๆมาบอกกัน

อิชั้นยังไม่เคยมีโอกาสได้ไปสัมผัสงานนี้เลยคะ  น่าเสียดายที่อยู่ไกลกัน  ไม่เช่นนั้นก็จะหาโอกาสไปกับเค้าสักครั้ง

ขอองค์พระชคัทนาถคุ้มครองนะค่ะ ..








#188
อยากมีโอกาสไปบ้างจังคะ ....  ไปกราบพระศรีลักษมี


#189
รู้สึกว่าในช่วงสุดท้ายของชีวิต   ท่านต้องจบชีวิตลงด้วยโศกนาฎกรรมแห่งความรักคะ   ทราบมาว่าท่านได้ไปรักกับหญิงงามต่างวรรณะนางหนึ่งแห่งรัฐทมิฬ  แต่อิชั้นจำชื่อไม่ได้คะ ....555

เพราะเหตุที่ว่าท่านถือกำเนิดขึ้นมาในวรรณะจัณฑาล  คือจะแต่งงานข้ามวรรณะก็คงมิได้  ดังนั้นเมื่อท่านฝ่าฝืน
ก็ย่อมจะต้องได้รับการลงโทษคะ  วิธีการก็คือเจ้าเมืองจับท่านไปตัดแขนตัดขา  แล้วเหลือไว้แต่ร่างเปล่าเปลือยคะหลังจากนั้นก็ปล่อยให้สิ้นใจไปเอง

ว่ากันว่าตามตำนานมีการกล่าวถึงความอาธรรพ์ในช่วงนี้ว่ามือเพชฆาตรที่สังหารท่านมาดูไรจมน้ำตาย

จากนั้นชาวบ้านทั้งหลายจึงมาบูชาท่าน  และได้รับการยกย่องให้เป็นทหารศักดิ์สิทธ์คอยดูแลหมู่บ้าน

คนส่วนใหญ่นิยมไปขอพรท่านในเรื่องของการขึ้นลงขึ้นศาล  หรือการโดนใส่ร้ายป้ายสีคะ

สาเหตุก็เพราะว่าท่านทรงเกลียดเรื่องพวกนี้มากๆ   เพราะเหตุว่าท่านก็เคยประสบปัญหาแบบนี้มาก่อนในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่

......   มเหสีอีกสององค์อิชั้นไม่แน่ใจนะค่ะ ว่าจะสะกดชื่อถูกหรือเปล่า  เพราส่วนตัวแล้วไม่ถนัดอินเดียใต้หรือภาษาทมิฬสักเท่าไหร่

อีกสององค์น่าจะชื่อบูมี และเวไลยัมมัลนะค่ะ  และรู้สึกว่าจะมีเทวรูปพระมาดูรัยวีรั่นประดิษฐานอยู่ที่วัดแขกสีลม  อยู่ข้างๆพระกัตวรายันด้วยอะคะ  ลองสังเกตดูกันดีๆ   เดาว่าน่าจะใช่องค์เดียวกับที่เราพูดถึงกันอยู่ในกระทู้นี้นะค่ะ

เพราะตั้งแต่อ่านตำราเทพองค์นี้มาก็มีหลายที่มาหลายตำนานหลายพระนามสะเหลือเกิน



อิชั้นทิ้งคลิปไว้ละกันนะค่ะ  ...

http://www.youtube.com/v/aCigsik5eqs

http://www.youtube.com/v/I0VVogsZJVs
















#190
โห ทั้งสวยและน่ารักอะ  พระคเณศท่านอ้วนจ่ำม้ำมากจริงๆ  อิอิ


แล้วเค้าวาดองค์อื่นได้ไหมค่ะ  คุณทิพย์
#191
อิชั้นสับสนเรื่องพระนามของพระมาดูไร วีรั่น 

ยังไงขออินเดียใต้ตัวแม่ทั้งหลายมาแนะนำด้วยนะค่ะ  คือมันหลายชื่อเหลือเกิน เยอะจัด ทำให้จำสับสน ...

ขอบพระคุณคะ ....
#192
ท่านเจ้าของกระทู้ชอบพระมาดูไร วีรั่นเหรอค่ะ ... ช่วยลงรูปละกัน













#193
55555  สงสัยคุณ pet ติดใจในพระแม่กาลีกัต ( กาลีลิ้นทองของน้องพิมมี่เรา ) แต่ก็สวยจริงๆคะ และพระแม่ที่วัดนี้ท่านก็ศักสิทธิ์เหลือเกิน































#194
ว้าย ตัวแม่มือขัดมาแนะนำด้วยตนเอง 5555

ลองให้เพื่อนๆไปเลือกใช้กันได้ตามสบายเลย ว่าสะดวกใช้อันไหนขัด

เมื่อก่อนอิชั้นก็ขี้เกียจ แต่ขัดไปขัดมาแล้วเงาจริงๆคะ ......  ขัดจนร้อนมาก ถูๆๆๆ  แบบคุณจิ้งจอกแนะนำ อิอิ

#195
โห .. อ่านแล้วก็เห็นใจท่านเจ้าของกระทู้เลยคะ   ถ้าเราเป็นคนดีสักอย่างอิชั้นเชื่อว่าพระเป็นเจ้าต้องทรงรับรู้ค

ไม่มีทางไหนที่จะรอดพ้นจากสายพระเนตรแห่งพระองค์ไปได้  พระองค์จะไม่ทรงละทิ้ง  รวมถึงจะคุ้มครองเหล่าสาวกผู้ภักดีและลูกๆทุกคนคะ  อิชั้นเชื่ออย่างนั้น

#196
วีนอลที่เป็นหลอดๆก็เงานะค่ะ  กับงานทองเหลืองอะคะ

ขัดง่ายด้วย

#198


รูปนี้พระศิวะปรากฎในรูปของพระทักสินามูรติ นะค่ะ