Loader
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - พิษประจิม

#2
จริงๆจะถือเป็นยันต์พระแม่ลักษมีก็ได้นะครับ
เพราะยันต์นี้ชื่อว่า ศรี-ยันตระ ศรี คือ พระศรี
รวมกันแปลว่า ยันต์ของพระศรี
#4
Quote from: บุตรมาเตศวรีศรีมหาอุมาเทวี on July 20, 2010, 21:22:10
ผมอยากให้ผู้ที่มาอธิบายหรือให้ความรู้   
ใช้คำที่เรียบง่ายเข้าใจได้ง่ายครับ 

ถ้าให้เป็นแบบนี้ จะยอมรับความเห็นได้รึเปล่าครับ?

เหมือนคำ2คำ อธิบายให้คนบางกลุ่มฟัง เช่นคำว่า
เทพเจ้าท้องถิ่น กับคำว่า ผีพื้นเมือง

แค่2คำนี้ เวลาสื่อสารกับคนอื่น ก็สัมผัสได้ถึงfeelingของผู้พูดได้ดี แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าพูดให้คนกลุ่มไหนฟัง

แต่ในบางครั้ง ถ้าอธิบาย แล้วใช้คำแบบคำแรก
ถ้าเอาไปพูดคุยกับคนที่ยังไม่เข้าใจ เป็นมือใหม่ ส่วนใหญ่จะ"งง"มากกว่าเข้าใจ เวลาใช้คำที่ดูดี หรือใช้ศัพท์ทางศาสนา ภาษาวิชาการ.....แต่มันอาจจะเข้าใจยากหน่อย และบางทีก็ขอไม่กล่าวตรงๆ เพราะไม่อยากให้เกิดผลกระทบแรงๆ
และคิดต่อว่า"คนๆนี้พูดอะไรเนี่ย" "ไม่เข้าใจ?" "คนๆนี้พูดไม่รู้เรื่อง"

ถ้าอธิบายด้วยคำหลัง เช่น ผีพื้นเมือง
คราวนี้เขาอาจเข้าใจชัดเจน แต่อาจมองว่าพูดไม่รู้กาลเทศะ ไม่ให้ความเคารพยำเกรง.....แต่คนๆนั้นอาจไม่เข้าใจภาษาที่เป็นวิชาการ ไม่เข้าใจศัพท์ทางศาสนา คนที่พูดด้วยเขาอาจใช้ภาษาธรรมดา ที่คนฟังเข้าใจง่าย

บางทีผมก็อยากให้คนที่อ่านบอร์ด เข้าใจเจตนาของคนที่แสดงความเห็น รวมไปถึงผมด้วย ถึงแม้บางครั้งใช้ภาษาที่ดูห้วนๆ เพราะถ้าใช้คำสูงๆ คำที่ดูเป็นวิชาการ คนอาจไม่เข้าใจ 

เหมือนการที่ผมอธิบายเรื่องพระแม่ และใช้คำว่า"เทพารักษ์"เพราะต้องการให้คนอ่านเข้าใจง่าย อ่านแล้ว"เห็นภาพ"

เพิ่มเติม เพื่อความชัดเจนครับ
#5
ชอบทรงวิมาน กับมณฑปมากเลย
#7
สีขาวในความหมายคนอินเดีย คือการถือศีลด้วย
เทียนสีอะไรก็จุดๆไปเถอะครับ

แต่ระวัง คือเทียนส่วนใหญ่ มีส่วนผสมของไขมันสัตว์เอามาทำเทียน เช่นไขมันปลาวาฬ

แล้ววัฒนธรรมการจุดเทียนก็มีมายุคหลังๆ แล้วเทียนส่วนใหญ่ที่ใช่้กันก็มีส่วนผสมพวกนี้

แต่เทียนที่ใช้บูชาเทพหลังๆก็ทำขึ้นมา เป็นเทียนที่ทำขึ้นเพื่อบูชาเทพเท่านั้น........และเป็นของที่มีมายุคหลังๆด้วย

เพราะวัฒนธรรมอินเดียจะจุดตะเกียงน้ำมันโดยตรง มากกว่าจุดเทียน
#8
สวดภชัน คือการสวดโดยมีเครื่องดนตรีประกอบ พวกเพลงสรรเสริญต่างๆ คือสวดภชัน และต้องสวดให้เข้ากับทำนองดนตรี
#9
ลืมบอก

มีวรรณกรรมอีกเล่มที่กล่าวถึงปางนี้ชัดเจน นั่นคือ ภาควัตปุราณะ หรือ ศรีมัทภาควตัม
อันนี้จะบอกละเอียดกว่าภควัทคีตา

วรรณกรรมที่มีเรื่องเกี่ยวกับพระกฤษณะ หลักๆมี
-เรื่องพระกฤษณะ เช่น พาลกฤษณะ กฤษณลีลา กฤษณาวตาร ฯลฯ อะไรประมาณนี้
-มหาภารตะ
-ภควัทคีตา
-ภาควัตปุราณะ
#10
ก็ใช่ไงครับ
อินเดียใต้บูชาเทพมานานแล้ว

แต่ที่แน่ๆ หลักฐานการบูชาเทพของอินเดียใต้ ส่วนใหญ่รับอิทธิพลมาจากอินเดียเหนือ
เพราะส่วนใหญ่อินเดียใต้นับถือเทพดิน เทพสตรี รวมไปถึงเทพที่เป็นอสูร อย่าง ท้าวกุเวร พิเภก ก็ถือเป็นกษัตริย์ลงกาองค์นึง

แต่ที่แน่ๆ เทพอารยันที่คนอินเดียใต้ส่วนใหญ่นับถือพระศิวะ พระแม่หลายๆองค์ของอินเดียใต้ ส่วนใหญ่มาจากเรื่องเกี่ยวกับพระศิวะทั้งนั้น
#11
บางทีเราเอาคำพูดคนๆเดียวมาตัดสินไม่ได้ อย่างคำพูดเจ้าของร้านเทวรูป โดยเฉพาะในอินเดียใต้
ไม่ได้พาดพิงใครนะครับ

เพราะเป็นที่รู้กันว่า แนวคิดเรื่องเทพเจ้าของอินเดียใต้ ไม่เหมือนกับทางอินเดียเหนือ และอินเดียใต้ก็ไม่ได้นับถือเหมือนกันหมด

ที่สิงคโปร์ มีวัด ศรีวิรามกาลีอัมมัน ก็ไม่รู้ว่าคือวัดพระแม่อัมมันหรือวัดพระแม่กาลีกันแน่ แต่ที่แน่ๆเป็นวัดอินเดียใต้.........ก็รู้ๆอยู่ว่าอินเดียใต้นับถือไม่เหมือนชาวบ้าน ไม่เหมือนคนอินเดียส่วนใหญ่

ทั้งที่ในอินเดียใต้เอง พระแม่มารีอัมมันก็ไม่ได้นับถือเยอะ
ส่วนใหญ่ก็เป็นพระศิวะ พระวิษณุ พระขันทกุมาร พระพิฆเนศ พระแม่ลักษมี พระแม่ทุรคา และเทพหรือพระแม่บางองค์ที่มีประวัติเกี่ยวกับมหาเทพโดยตรง เช่น พระอัยยัปปา พระแม่อาณฑาล พระแม่กามากษี พระแม่มีนากษี บางทีมีการนับถืองู

อย่างอินเดียเหนือ พระแม่กาลีคือพระแม่กาลี พระแม่สุรัสวดีคือพระแม่สุรัสวดี จะปนกันไม่ได้
#12
บาลายี เป็นพระนามเรียกในยุคหลัง
ชื่อจริงท่านคือ ศรีนิวาส อีกชื่อที่เรียกบ่อยๆคือ เวงกเฏศวร

พระแม่ตุลสี คนละองค์กับพระแม่ลักษมี
และเป็นตัวอย่างของความจงรักภักดีต่อสามี
#13
เรื่องของถวาย บางทีไม่จำเป็นต้องซื้อที่พาหุรัดหรอกครับ

ทธิ หรือนมเปรี้ยวอินเดีย
จะไปซื้อที่พาหุรัดก็จะดูยุ่งยาก บางทีซื้อโยเกิร์ตตามห้างก็ได้

นมเปรี้ยว ยังไงมันก็คือนมที่หมักด้วยจุลินทรีย์

.....

ถ้าถวายของที่พื้น ต้องใช้"ใบตอง"มารองของที่ถวายครับ
#15
ของเดิมทรงสิงห์ครับ สิงห์คือสัตว์ในเทพนิยายอะ

สิงโตที่เป็นสัตว์มีมาทีหลัง
#16
ประวัติพระแม่องค์นี้ มีไม่เยอะหรอกครับ
แล้วที่ดังเพราะเรื่องฝีดาษระบาด

ประวัติคือผู้หญิงคนนึงเกิดในวรรณะกษัตริย์แล้วเป็นเมียของพรหมฤษีตนนึง แล้ววึงนึกเห็นคนพลอดรักเกิดกิเลศทำให้ตบะมัวหมอง ฤษีสั่งให้ลูกชายตนเองตัดหัวนางคนนั้น ภายหลังลูกขอพรให้ชุบชีวิตแม่ใหม่และมีความบริสุทธิ์........ประวัติมีอยู่แค่นี้

แล้วแนวคิดบางอย่าง ที่ว่าดีเลิศ หรือดูแล้วลึกซึ้ง เป็นแนวคิดสมัยหลังๆ

เพราะของเดิมจริงๆคือการเซ่นสรวงเทพเจ้าด้วยเหล้ามีการบูชาไฟรวมไปถึงการฆ่าสัตว์บูชายัญ.......ไม่มีแนวคิดลึกซึ้งอย่างที่เข้าใจหรอกครับ

ส่วนที่คุณข้างบน บอกว่าคนอินเดียใต้สมัยเก่าบูชาพระแม่กาลีในรูปของมารีอัมมัน
อินเดียใต้บูชาพระแม่กาลียังไงผมไม่ทราบ แต่เรื่องราวเทพนิยาย เทพนิยายแบบพระเวท หรือปุราณะ ส่วนใหญ่มาจากอินเดียเหนือ
ภายหลังแนวคิดแบบอารยันก็เข้ามาผสมกับแนวคิดคนพื้นเมือง โยงเรื่องราวเพิ่ม แต่งให้พิศดาร เช่น พระแม่กาลีคือพระแม่มารีอัมมัน......เป็นแนวคิดของคนที่นับถือพระแม่มารีอัมมันเท่านั้น

แล้วอินเดียใต้ ส่วนใหญ่บูชาเทพบนดิน เทพสตรี เทพอสูร หรือบุคคลในตำนาน บุคคลในประวัติศาสตร์ หรือพวกเทพนักรบต่างๆ
ถ้าพูดภาษาชาวบ้าน พระแม่มารีอัมมัน คือ"เทพารักษ์ประจำเมือง"ในอินเดียใต้ และพระแม่มารีอัมมัน บางทีเขาเรียก พระแม่สมยปุรัม คือ พระแม่แห่งเมืองสมยปุรัม

เพราะในอินเดียใต้เอง พระแม่มารีอัมมัน คือเทพท้องถิ่นที่คนนับถือมากเท่านั้น
#17
ออกตัวก่อนนะครับ ว่าไม่ได้ลบหลู่ แต่อยากรู้จริงๆ

สงสัยว่าเทพบางองค์ ประวัติไม่มีอะไร แต่งขึ้นเพื่อรองรับความเชื่อบางอย่าง ซึ่งของเดิมอาจไม่จริง

อย่างประแม่บางองค์
ประวัติที่ว่าแต่ก่อน เป็นลูกสาวกษัตริย์องค์นึง ภายหลังแต่งงานกับฤๅษีชมทัคนี มีลูกชื่อราม(เรียกเต็มๆปรศุราม คนไทยรู้จักในชื่อ รามสูร) แล้วอยู่ๆนางเบื่อ เห็นหนุ่มสาวพลอดรักริมน้ำทำให้นางเกิดอารมณ์ แล้วนางกลับมาที่อาศรม ฤๅษีชมทัคนี(ท่านเป็นพรหมฤๅษี)ทราบด้วยญาณว่านางไม่บริสุทธิ์และมีใจอกุศล ภายหลังให้ปรศุรามตัดหัวนางเรณุกาเพื่อลงโทษ ภายปรศุรามขอพรว่าขอให้แม่คืนชีพ แล้วก็ฤๅษีก็ให้นางคืนชีพและอยู่ด้วยกันที่อาศรมกับฤๅษีชมทัคนี.....ของเดิมมีอยู่แค่นี้ ไม่มีกล่าวถึงไปหลบบ้างนางจัณฑาล ตกใจกอดกัน แล้วต่อหัวสลับกัน แล้วฤๅษีท่านให้นางไปอยู่ที่อื่น เพราะมีร่างกายบางส่วนเป็นจัณฑาล

ผมยังแปลกใจว่า เทพบางองค์ที่คนนับถือมาก เพราะดังในเรื่องบางเรื่อง เช่น รักษาโรคระบาด

เพราะบางคนนับถือเป็นแฟชั่น นับถือเป็นว่าเล่น เขาบอกว่าบูชาแล้วดีก็ว่าดี......ไม่สงสัยบ้างหรอ ว่าท่านเป็นใคร? มาจากไหน? หรือสงสัยว่า"ทำไมมีรูปร่างแบบนี้"

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้กล่าวไว้ว่า"คำว่า"ทำไม"คำเดียว จะช่วยให้เรามีปัญญา"

ทำไมคนที่บูชา ไม่ค่อยสงสัยอะไรในสิ่งที่บูชา
ทั้งที่การสงสัย หรือหาข้อมูล เป็นสิ่งที่ดีและควรทำ
#18

ปางนี้ชื่อ ปางมหาเทพแห่งศิลปะของแผ่นดิน ว่ากันว่าหมอหยองคิดปางนี้ขึ้น
คาดว่าหมอหยองคงประทับใจอะไรบางอย่าง แล้วเอามาเป็นแรงบันดาลใจ หุหุ
#19
ขอบคุณสำหรับคำชี้แจงครับ

---

คำว่า วิศเว ในโศลก คือ ทั้งหมด หมายถึง วิศวเทพ
#20
ภควัทคีตา ครับ

...

http://www.electron.rmutphysics.com/news/index.php?option=com_content&task=view&id=259&Itemid=5&limit=1&limitstart=70

ผมไม่ทราบว่าคุณลบลิงค์ทำไม

กลุ่มเทวดาวสุ หรือ วสุคณะ มี8องค์ ภายหลังมาเกิดเป็นลูกพระแม่คงคา เพราะฤษีวสิษฐ์สาปให้มาเกิด และมีเทวดาองค์นึงมาเกิดและใช้ชีวิตบนโลกจนแก่ องค์นี้มาเกิดเป็น ภีษมะ

กลุ่มเทวดามรุต หรือ มรุตคณะ ภายหลังกลายเป็นชื่อของพระพายหรือวายุ
#21
รุทฺราทิตฺยา วสาโว เย จ สาธฺยา
วิศฺเว อสฺวิเนา มรุตศฺโฉษฺมปาศฺฉ
คนฺธรฺวยกฺษาสุรสิทฺธสงฺฆา
วีกฺษนฺเต ตฺวำ วิสฺมิตาศฺไฉ

http://www.asitis.com/11/22.html

The different manifestations of Lord Siva, the Adityas, the Vasus, the Sadhyas, the Visvedevas, the two Asvins, the Maruts, the forefathers and the Gandharvas, the Yaksas, Asuras, and all perfected demigods are beholding You in wonder.
#22
ในมหาภารตะบอกว่าพระกฤษณะแสดง"วิศวรูป"2ครั้ง ครั้งแรกอยู่ในอุโทฺยคบรรพ์ ทุรโยทน์จะเข้าใช้กำลังจับตัวพระกฤษณะ เพราะต้องการตัดกำลังของฝ่ายปาณฑพ แต่จับไม่ได้
http://www.youtube.com/v/3otGxd9sfIY

แสดงวิศวรูปครั้งที่2 ในสงครามกุรุเกษตร อยู่ในภีษมบรรพ์ แสดงแก่อรชุน
http://www.youtube.com/v/OgKBcwXNrqQ

...

ในมหาภารตะ ไม่ได้บอกว่าปางวิศวรูปมีกี่หน้าๆ
บอกแค่ว่าพระกฤษณะแสดงสภาวะของพระผู้เป็นเจ้าให้อรชุนเห็น.........วิศวรูป หรือปางเปิดโลกอะไรนั่น มีแต่ข้อความปรากฏเท่านั้น
เพราะเรื่องเกี่ยวกับพระกฤษณะที่เห็นชัดเจน ก็มี3เรื่อง
-พวกประวัติแบบพิสดาร ว่าด้วยเรื่องพระกฤษณะล้วนๆ อยู่ในปุราณะ และพวกเทพนิยายสมัยหลังๆ
-มหาภารตะ ว่าด้วยเรื่องสงคราม
-ภควัทคีตา เป็นคำสอนล้วนๆ ภาาาสละสลวยเกิน อ่านยาก
เป็นเรื่องแต่งสมัยหลังทั้งนั้น หลังมากๆ

อย่างที่เห็นในภาพวาด เป็นหน้าๆ มีหน้าลิง หน้ายักษ์ อีกสารพัดหน้า เป็น"ศิลปะ"เฉยๆ แค่วาดให้ดูพิสดาร อลังการงานสร้าง

พระศิวะเอง ปางใหญ่ที่สุดคือปางสทาศิวะ มีแค่5หน้าเท่านั้น

พระวิษณุหรือพระนารายณ์ปางเปิดโลก อาจสร้างมาเพื่อให้ดูใหญ่กว่าสทาศิวะ
และเป็นเรื่องที่สาวกลัทธิภักติสร้างปางนี้เพื่อโปรโมทลัทธิตนเอง
#23
พระแม่นาคกันยา

ในพระสัทธรรมปุณฑรีกสูตร ปริวรรตที่11 มีกล่าวถึงพระแม่นาคกันยา แต่ไม่ได้เรียกพระนามนาคกันยา
แต่เรียกว่า ธิดาสาครนาคราช สาครนาคราช ก็ไม่รู้ว่าคือนาคราชตนไหน จีนเรียก หลงหนี่ว์龍女(คำนี้แปลมาจากคำว่า นาคกันยา)

นางฟังธรรมจากพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ และภายหลังเป็นพระโพธิสัตว์ มีร่างเป็นมหาบุรุษครับ




#25
เพิ่มเติมครับ
17. มุนีกปิละ
คือ ฤๅษีกบิล เป็นเจ้าของปรัชญาสางขยะ เป็นปรัชญานึงของศาสนาพราหมณ์ ภายหลังคนเชื่อว่าคือพระวิษณุอวตาร

และเรื่องแม่น้ำคงคาไหลจากสวรรค์ ก็มาจากเรื่องฤๅษีกบิลนี่แหละครับ
ครั้งนึงลูกชายหกหมื่นองค์ของท้าวสัคฺระตามหาม้าเพื่อมาทำพิธีอัศวเมธ แล้วพระอินทร์แกล้งเอาม้าไปไว้ที่อาศรมฤๅษีกบิล แล้วกุมารหกหมื่นองค์เห็นม้าอยู่ที่อาศรมฤๅษีกบิล กุมารทั้งก็แสดงกิริยาไม่สุภาพ และต่อว่าฤๅษีกบิล หาว่าท่านขโมยม้าไป ฤๅษีท่านโกรธ ลืมตามองกุมาร6องค์ด้วยความโกรธ ผลคือกุมารหกหมื่นกลายเป็นขี้เถ้า

แต่ปัญหาคือกุมารทั้งหกหมื่นตายด้วยอำนาจตบะและความโกรธของฤษี ดวงวิญญาณขึ้นสวรรค์ไม่ได้ และเอาน้ำธรรมดามาชำระอัฐิไม่ได้ ต้องใช้น้ำจากสวรรค์ นั่นคือพระแม่คงคามาชำระ

แล้วรุ่นต่อๆมาไม่มีใครทำสำเร็จ พอมาถึงรุ่นลูก หลาน เหลน มาถึงรุ่นท้าวภคีรถ ท่านอยากให้ดวงวิญญาณบรรพบุรุษของท่านทั้งหกหมื่นได้ขึ้นสวรรค์ เลยบำเพ็ญตนเองเชิญพระศิวะมารองรับแม่น้ำจากสวรรค์ ถ้าไม่รองรับผลคือโลกจะแตก เพราะแม่น้ำคงคาไหลแรง ต้องให้พระศิวะมายืนรองรับน้ำไว้ในมวยผม

http://www.youtube.com/v/BzSolcA8-_o
นาทีที่ 4.30
http://www.youtube.com/v/8rJPo4VOgvk
#26
ที่เห็นชัดๆนะครับ

คือในทศาวตาร หรือนารายณ์10ปาง
มัตสยะ(อวตารเป็นปลา)
กูรมะ(อวตารเป็นเต่า)
วราหะ(อวตารเป็นหมูป่า)
นรสิงห์(อวตารเป็นนรสิงห์)
นักบวชเตี้ย หรือ วามนะ
ปรศุราม(ชื่อ ราม ถือขวาน เลยเรียก ปรศุราม คนไทยเรียก รามสูร)
รามาวตาร พระราม
พระกฤษณะ
พระพลราม(แต่ของเดิมว่าเป็นพญาเศษนาคอวตารลงมา)
พระพุทธเจ้า(ตำนานแต่งทีหลัง)
พระกัลกี
พระหัยครีพ
นระ-นารายณ์
พระหริหระ
นางโมหินี คนไทยเรียก อัปสราวตาร
พระธันวันตรี เทพองค์ที่ถือหม้อน้ำอมฤตจากการกวนเกษียรสมุทร
ฤๅษีวยาส(คนเขาเชื่อว่าคือพระวิษณุอวตาร)
ฤๅษีทัตตเตรยะ

ที่ทราบข้อมูลนะครับ
#27
โดยพระศิวะมีโองการให้พระยานเทพอาวุธ มีคฑา เพชร

ตรีและจักรแก้ว ไปซัดเข้าปากนางสวาหะ

^
^
ท่อนนี้ของไทยแต่งครับ

ของเดิมไม่มีครีคทาจักรสังข์

...

แม่ของหนุมานโดนสาปเป็นลิง
http://www.youtube.com/v/uTg2WECfXDM
http://www.youtube.com/v/eXniq640Jsc
http://www.youtube.com/v/JnjU5ZODUPc
#28
เทพแต่ละองค์มีลักษณะไม่เหมือนกันครับ

ถ้าทำพลาดก็เจอเรื่องแย่ๆ ถ้าเรื่องดีๆก็ไม่มีปัญหาอะไร
#29
 
Quote from: คุณ บาส on June 12, 2010, 23:43:56
ท่านไม่พิโรธหรอกครับ เทพต้องประกอบด้วย พรมวิหาร 4 ถึงจะเป็นเทพได้
ส่วนที่ว่าเป็นเทวรูปพระศิวะนั้น ผมไม่ทราบข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร


แต่หลายครั้งพระศิวะท่านก็พิโรธนะครับ

-ตอนที่พระกามเทพยิงธนูแห่งความรักใส่พระศิวะ แล้วท่านโมโห เผลอลืมตาที่3ทำให้พระกามเทพกลายเป็นขี้เถ้า
-ตอนพ่อนางสตีทำพิธี แล้วพูดจาดูถูกพระศิวะทำให้นางสตีรับไม่ได้ เลยเผาตัวเองตาย ความทราบถึงพระศิวะ........เลยเสกอสูรจากปอยผมตนเอง ให้ลงไปทำลายพิธี และอสูรตนนั้นก็ตัดหัวพระทักษะลงกองไฟ
-ตอนที่ทศกัณฐ์ไปถึงเขาไกรลาศ แล้วขย่มภูเขาไกรลาส พระศิวะท่านพิโรธ เลยใช้พระบาทกดทับทศกัณฐ์จนออกมาไม่ได้ ภายหลังทศกัณฐ์ก็สวดบูชาพระศิวะจนท่านหายพิโรธ
ฯลฯ
#30
สวัสดีคับ คุณราธามัธวะ

อ่อออ คนเดียวกันกับปริกษิต

...

ฤๅษีที่ให้พรนางคือฤๅษีทุรวาส แกเดินทางมาเยี่ยมถึงเมืองหลวง นางกุนตีดูแลปรนนิบัติเป็นอย่างดี เพราะแกอารมณ์ร้าย แล้วนางปรนนิบัติเป็นที่พอใจ ฤๅษีเลยให้พรนางกุนตี สอนมนต์เชิญเทพให้มาประทานบุตร

ส่วนนางอุตตรา เป็นลูกท้าววิราฏ
อรชุนเป็นครูสอนนาฏศิลป์นางอุตตรา เพราะตอนนั้นอรชุนถูกสาปเป็นกะเทย พอครบกำหนด13ปี ความจริงเปิดเผย ท้าววิราฏแกขอให้อรชุนแต่งงานกับลูกสาวตัวคือนางอุตตรา แต่อรชุนขอให้นางแต่งงานกับลูกชายตัวเองคือ อภิมันยุ ลูกอรชุนกับนางเทราปที

ตอนที่อภิมันยุตาย นางอุตตราแกตั้งท้อง เด็กในท้องคือปริกษิต
ตอนที่เกิดมาไม่มีชีวิต แต่ก็มีชีวิตเพราะพระกฤษณะประทานพรไว้ตั้งแต่นางอุตตราตั้งท้อง
#31
ปะริกชิท มหาราช

คือ กษัตริย์ปรีกษิต หลานอรชุน ในมหาภารตะเปล่าครับ
#32




ไม่ทราบจริงๆนะครับ

ได้ยินว่าชื่อศุกมุนี แต่ไม่แน่ใจว่าองค์เดียวกับที่ชื่อ ศุกเทพ ที่เป็นลูกของฤษีวยาสรึเปล่าอะครับ

เคยเห็นองค์ที่เป็นหัวนกแก้ว ในเรื่องศรีนิวาสด้วยอะครับ เรียกท่านว่า ศุกมุนี เพราะ ศุกะ แปลว่า นกแก้ว

ผมสงสัยว่า เป็นองค์เดียวกันกับฤๅษีศุกเทพ ที่เป็นลูกชายฤๅษีวยาสรึเปล่า

ขอบคุณครับ
#33


เจอ เอามาลงค์ประกอบคับ

ใครทราบบอกหน่อย

ขอบคุณคับ
#34
ที่เกาะบาหลี คนก็นับถือฮินดูทั้งเกาะ
วิธีปฏิบัติก็ไม่เหมือนกับอินเดีย แสดงว่าสิ่งที่คนบาหลีปฏิบัติมานานก้ไม่ถูกสิครับ???



http://www.flickr.com/photos/21484776@N00/2389014847/



#36
แต่ละท้องที่ แต่ละความเชื่อ วิธีปฏิบัติไม่เหมือนกัน

ลองคิดเอาเองนะครับ
#37
พระศนิ หรือพระเสาร์ และพระศุกร์ หายไปครับ


พระศุกร์


พระเสาร์
#38
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/a/a9/Mahavidyas.jpg
ภาพแรกคือ พระแม่ไภรวีหรือกาลี
ภาพที่2คือพระแม่ตารา
#39
พระแม่ตาราครับ
เป็น1ในพระแม่10องค์ที่เรียกว่า ทศมหาวิทยา

องค์ในรูป อยู่ที่เมืองตาราปิฐ เบงกอล
#40
สวัสดีคุณสมภพ คุณมาตาฯ คุณอักษรฯ

เมื่อหลายวันก่อนได้คุยเรื่องเทพหลักเมืองกับ รศ.แสงอรุณ กนกพงศ์ชัย

ตรงนี้เป็นความเห็นของอ.ท่านนะครับ

ท่านบอกว่า เป็นเรื่องของบุคลาธิษฐาน

พระเสื้อเมือง
เสื้อ-เชื้อ-社
หมายถึง อำนาจทหาร กลาโหม เกี่ยวกับการปกป้องบ้านเมืองจากอริราชศัตรู

พระทรงเมือง
หมายถึง อำนาจเกี่ยวกับพลเรือน กระทรวงมหาดไทย เกี่ยวกับการดูแลความเรียบร้อยภายในบ้านเมือง

พระสยามเทวาธิราช
หมายถึง พระมหากษัตริย์

หลักเมือง
หมายถึง ศาลต่างๆ อำนาจตุลาการ