Loader
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - ศรีเคารีปุตรายะ

#41
   นางโฮลิกา เป็นน้องสาวของหิรัณยกศิปุ อสูรที่พระนรสิงหาวตารทรงสังหารไปหน่ะครับ คือ ในช่วงที่หิรัณยกศิปุกำลังหาวิธีสังหารประหลาท โอรสของตนที่เป็นสาวกของพระวิษณุเจ้า นางโฮลิกาได้เสนอตัวเข้ามาช่วยทำการสังหารประหลาทด้วย โดยนางจะอุ้มประหลาทไว้บนตักแล้วไปนั่งบนกองจิตกาธาร(กองไฟ) จากนั้นให้จุดไฟเผาประหลาทให้สิ้น นางโฮลิกามั่นใจว่าจะไม่มอดไหม้ไปด้วย เพราะนางโฮลิกาได้รับพรจากพระพรหมา ให้มีอำนาจ ไม่ว่าไฟใดๆก็เผานางไม่ได้

   
   เมื่อถึงเวลานั้น นางอุ้มประหลาทขึ้นไปนั่งในกองไฟ แต่นางกลับโดนเผาจนตาย เนื่องด้วยพรของพระพรหมาที่ให้นางเสื่อมลงเพราะนางเอาอำนาจไปใช้ในทางที่ผิด แต่ประหลาทที่นั้งภาวนาว่า "โอม ศรีหริ" กลับไม่เป็นอะไรเลย
   ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นทีมาของเทศกาลโฮลี หรือโหลี หรือที่เรียกอีกอย่างว่า สงกรานต์อินเดีย นั่นเองครับ
#42
โอม สรัสวเตยะ จะ วิทมะฮี วาคิศวรี จะทีมะฮี ตันโน วาณี ประโจทะยาตึ

เนื่องในเทศกาลวสันต์ปัญจมีนี้ ขอพระพรอันประเสริฐแห่งพระแม่สรัสวตี พระแม่ผู้ทรงวิทยาการและความรู้อันยิ่งใหญ่ โปรดประทานพรแด่สมาชิกทุกท่านให้มีแต่ความสุขสวัสดีตลอดไปนะครับ
#43
ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัว HM นะครับ มีอะไรก็ปรึกษาได้ครับผม ^^
#44
ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆนะครับ ^^
#45
ศิวลึงค์แห่งที่ 7 เกฑาเรศวร หรือ เกฑานาถ ในเทือกเขาหิมาลัย





มีตำนานเล่าว่า ครั้งหนึ่งมีฤาษีสองตน นาม "นระ" และ "นารายณ์" (เป็นอวตารของพระนารายณ์ปางหนึ่ง) ได้ออกบำเพ็ญตบะบูชาพระศิวะ โดยสร้างศิวลึงค์ขึ้นจากหิมะบนเขาหิมาลัยนั้นเอง และกระทำพิธีบูชาจนพระศิวะพอพระทัย เมื่อพระศิวะทรงปรากฏให้ทั้งสองได้เห็น ทั้งสองขอพรให้ศิวลึงค์ปรากฏอยู่ ณ ที่นี่ เพื่อให้ผู้ที่ศรัทธาได้บูชาและขอพรจากพระองค์สืบไป พระศิวะจึงทรงประทาน"ชโยติลึงค์"(อำนาจของพระศิวะ)ไปสถิตในศิวลึงค์ที่ทั้งสองสร้างขึ้น และอวยพรว่า ต่อไปที่แห่งนี้จะเรียกว่า เกฑาเรศวร หรือเกฑานาถ และใครก็ตามที่มาขอพรก็จะได้สมประสงค์ทุกประการ และนอกจากนั้นยังได้ประทานพรให้ฤาษีนระ และฤาษีนารายณ์ด้วยว่า ทั้งสองจะบังเกิดอีกครั้งในสมัยทวาปรยุค โดยฤาษีนระ จะจุติเป็น "อรชุน" หนึ่งในพี่น้องปาณฑพ และฤาษีนารายณ์ จะจุติเป็น "พระกฤษณะ" กษัตริย์เชื่อสายยาฑพ อันเป็นปางที่ 8 ของพระนารายณ์นั่นเอง
#46
ศิวลึงค์แห่งที่ 6 ราเมศวร อยู่บนเกาะปัมบัน ทางใต้สุดระหว่างอินเดียกับศรีลังกา



มีตำนานเล่ากันมาว่า สมัยตอนที่พระรามทรงออกตามหาพระเทวีสีดาที่โดยราวัณ(ทศกัณฐ์)ลักพาตัวไปไว้ยัง ณ เกาะลังกา(เมืองลงกา) ซึ่งหลังจากที่หนุมานไปสืบข่าวจนรู้ว่าเกาะลังกาอยู่ในมหาสมุทรทางทิศทักษิณ พระรามจึงทรงยกพลวานรไปยังทิศใต้ แต่ด้วยความที่ว่าเกาะลังกาอยู่ไกลจากชายฝั่งมหาสมุทรค่อนข้างมาก พระรามจึงทรงกระทำพิธีบูชาพระศิวะ โดยทรงสร้างศิวลึงค์ขึ้นมาจากทรายริมทะเลนั้นเอง แล้วกระทำพิธีบูชาจนกระทั่ง พระศิวะทรงปรากฏพระองค์ และทรงประทานคำแนะนำว่า ให้วานรทั้งสองในกองทัพ คือ นล และ นิล ซึ่งชำนาญในการจองถนน(สร้างถนน)สร้างถนนข้ามไปยังเกาะลังกาโดยให้สลักบนหินด้วยอักษรว่า"ราม"อันเป็นพระนามของพระรามนั่นเอง ซึ่งหินนั้นจะลอยน้ำและจะสามารถสร้างถนนข้ามไปยังเกาะลังกาได้ และได้ทรงประทานพรอีกด้วยว่า ต่อไปในภายหน้าที่แห่งนี้และศิวลึงค์ที่พระรามทรงสร้างขึ้นนั้น จะถูกเรียกขานตามนามของพระรามว่า "ศรีราเมศวร" และใครก็ตามที่มาสักการะบูชา ก็จะได้พรสมปรารถนาทุกประการสืบไป


ส่วนสะพานพระรามหรือเสตุบันนัั้น มีการค้นพบว่ามีอยู่จริง โดยจะเห็นได้จากภาพถ่ายทางอากาศและทางดาวเทียม แต่ยังไม่ปรากฏแน่ชัดว่าสร้างในสมัยใด

#47
Quote from: เปรุมาล on January 02, 2013, 21:28:31
ผมว่า "ปางจินตนาการ" ของผู้สร้างครับ


ผมก็ว่างั้นครับ อาจจะเป็นจินตนาการของช่างที่สร้างขึ้นหนะครับ
#48
ใต้คางผมไม่แน่ใจนะ แต่น่าจะเกี่ยวข้องกับการป้องกันนัยน์ตาปีศาจหน่ะครับ ตามนี้


"นัยน์ตาปีศาจ" ที่เรียกว่า "drishtidosham" (แปลตรงตัวว่า "ตาแช่ง") หรือ "nazar" เป็นตาที่ถอดจาก "Aarti" กระบวนการถอดก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์แล้วแต่ผู้ถูกถอด ถ้าเป็นการถอด "นัยน์ตาปีศาจ" ของมนุษย์ก็จะมีการทำพิธีไฟศักดิ์สิทธิ์บนถาดตามประเพณีฮินดู โดยการวนถาดหน้าผู้นั้นเพื่อดึงความชั่วร้ายที่เกิดขึ้นออกจากผู้นั้น บางครั้งผู้ถูกแก้มนต์ก็อาจจะต้องถ่มน้ำลายลงบนกองพริกบนถาด แล้วเอาไปโยนเข้ากองไฟ ถ้ามีควันขึ้นมามากผู้นั้นก็จะถูกเย้ยหยันและจะไม่มีใครจ้องด้วยนัยน์ตาปีศาจได้ แต่ถ้าไม่มีควัน ผู้นั้นก็จะปลอดจาก "นัยน์ตาปีศาจ" แต่ถ้าเป็นยานพาหนะก็จะใช้มะนาวแทนพริก โดยให้รถแล่นทับมะนาวจนแตกเละ แล้วเอามะนาวลูกใหม่แขวนไว้กับพริกเพื่อกัน "นัยน์ตาปีศาจ" ที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต การแขวนดังกล่าวอาจจะพบในร้านค้าหรือบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ที่มักจะแขวนกันตรงประตู เจ้าของร้านชาวอินเดียบางคนก็อาจจะเผากระดาษหนังสือพิมพ์แล้วโบกเวียนก่อนที่จะปิดร้านกลับบ้าน

นอกจากนั้นก็อาจจะมีการใช้ แป้งสีคุมคุม บนแก้คู่บ่าวสาวหรือเด็กก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการขจัดอำนาจของ "นัยน์ตาปีศาจ" ทารกหรือเด็กโดยทั่วไปจะถือว่ามีความบริสุทธิ์และจะดึงดูด "นัยน์ตาปีศาจ" แม่จึงมักแต้มจุดบนแก้มหรือหน้าผากของเด็กเพื่อให้เป็นตำหนิที่กันจาก "นัยน์ตาปีศาจ" หรืออาจจะผูกสายด้ายสีดำรอบเอวเด็กเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน บางครั้งก็อาจจะแขวนห้อยหรือเครื่องรางบนสายคาดเอ็วด้วยก็ได้

ที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%88#.E0.B8.AD.E0.B8.B4.E0.B8.99.E0.B9.80.E0.B8.94.E0.B8.B5.E0.B8.A2

ปล.รอผู้รู้มาเพิ่มเติมนะครับ ^^
#49
Quote from: อักษรชนนี on December 30, 2012, 22:35:08
ขอบคุณสำหรับมิตรไมตรีที่มีมาให้กันตลอดทั้งปีนะครับ คุณศรีเคารีปุตรายะ


เช่นกันครับพี่อักษรชนนี ผมไม่ทิ้งบอร์ดนี้ไปไหนแน่นอนครับ จะแวะเวียนมาเรื่อยๆ ^^
#50
น้อมรับพระพรขององค์พระคเณศ ครับผม ขอให้พรนั้นกลับไปหาพี่ๆทีมงานHMทุกท่าน และขอให้ทุกคนมีแต่ความสุขครับผม ^^


...สดาสุขีระโฮ ภวะตุ...  = ขอให้มีความสุขตลอดไป
...วิชัยภวะ... = ขอให้มีชัยชนะ
...โสภาคะวตีภวะ.... = ขอห้มีความสุขในชีวิตครอบครับ
...กัลยาณภวะ.... = ขอให้มีแต่ความสุขสวัสดี

...โอม ศรีเคารีปุตรายะ นะมะ...
#51
องค์เทวรูปสีทองเกือบทั้งหิ้งเลย งดงามมากๆครับผม ^^
#52
น้อมรับพรนะครับ ขอให้พระคเณศและพระเป็นเจ้าทั้งมวลอวยพรให้ทุกท่านมีความสุขมากๆนะครับ

โอม ศรีเคารีปุตรายะ นะมะ
#53
เจ้าของกระทู้เค้าสามารถบูชาพระแม่ได้แล้ว ดีใจด้วยนะครับ ยังไงก็บูชาพระแม่ท่านให้สม่ำเสมอด้วยละกันนะ

ขอพระแม่อวยพรนะ โอม ศรี มหาลักษมี มาตา นะมะ
#54
ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัว HM นะครับ ^^
#55
ครับผม ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับ ^^
#57
พระแม่มารีอัมมัน กับพระแม่ภูวเนศวรี ผมไม่ทราบประวัติที่แน่ชัดนะครับ แต่พระแม่อธิปราศักติผมพอจะเล่าได้


พระแม่อธิปราศักติหรือพระแม่ศักติ ตำนานของทางทมิฬบอกไว้ว่า ทรงกำเนิดจากอักษรโอม หรือง่ายๆกำเนิดขึ้นเองนั้นแหละครับ เมื่อถือกำเนิดแล้วได้ทรงสร้างสรรค์จักรวาล และยังทรงสร้างพระตรีมูรติทั้งสาม คือ พระพรหม พระวิษณุ และพระศิวะ เพื่อช่วยในการดูแลความเป็นไปในจักรวาลอีกด้วย ในนิกายศักติยกย่องให้พระแม่ศักติเป็นพระเป็นเจ้าสูงสุด


ส่วนของทางอินเดียภาคเหนือกล่าวกันว่า พระแม่ศักติทรงกำเนิดจากการแบ่งภาคขององค์พระสดาศิวะ(พระศิวะปางห้าเศียรสิบกร) เพื่อช่วยกันสร้างสรรค์จักรวาล และพระแม่ศักติยังได้ทรงแบ่งภาคเป็นพระแม่สตี(ชาติก่อนของพระแม่ปารวตีหรืออุมาเทวี) พระแม่ลักษมี พระแม่สรัสวตี ให้มาเป็นชายาคู่บุญของพระศิวะ(อวตารของพระสดาศิวะ) พระวิษณุ และพระพรหมอีกด้วย

รูปลักษณ์ทางศิลปะ
ส่วนใหญ่ไม่ค่อยปรากฏ แต่มีเทวลักษณะเหมือนกับพระแม่ปารวตี หรือพระแม่ทุรคาเทวี ซึ่งส่วนใหญ่นับถือกันว่า พระแม่ปารวตีทรงเป็นพระแม่ศักติอวตาร นั่นเอง   


ปล.ถ้าข้อมูลผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้้ด้วยนะครับ ^^

โอม ศรีเคารีปุตรายะ นะมะ
#58
ขอบคุณนะครับพี่กาลิทัสที่มาไขความให้กระจ่าง อิอิ ผมเองก็เอาเทวปกรณ์ไปเทียบดูแลคล้ายกับพระทุรคาคณปติมากเลย ขอบคุณมากๆครับ ^^
#59
พระคเณศปาง ทุรคา คณปติครับ
#60
.....ดิถีอันมงคลนั้นมาถึง.....
.....เป็นวันซึ่งชาวไทยทั่วแหล่งหล้า.....
.....ต่างแซ้ซ้องสรรเสริญเปรมปรีดา.....
.....องค์นาถาภูมิพลวันชนมวาร.....
.....ขอพระพรจากองค์เทพเทวัญ.....
.....ทั่วทั้งแดนสวรรค์ทุกสถาน.....
.....ขอโปรดจงอำนวยอวยประทาน.....
.....พรแด่องค์พระภูบาลทรงพระเจริญ.....
..........ศรีเคารีปุตรายะ ผู้ประพันธ์.......
.........ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ......
ข้าพระพุทธเจ้า...ศรีเคารีปุตรายะ และเพื่อนๆพี่ๆน้องๆชาว Hindumeeting.com....
[HIGHLIGHT=#ffffff]
   
[/HIGHLIGHT][/SIZE][/FONT][/COLOR]
#61
ผมเองก็เพิ่งเข้ามาไม่นานหรอกครับ เห็นความเป็นไปในบอร์ดแล้ว ก็ต้องทำใจว่า บางทีรุ่นเก่าๆก็อาจจะหลีกให้คนรุ่นใหม่มาแชร์ความรู้กันบ้าง ซึ่งผมเชื่อว่าพี่ๆหลายๆคนยังไม่ได้ทิ้งบอร์ดนี้ไปไหน ผมเองช่วงหลังๆมานี้ก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสเข้ามาซักเท่าไหร่ แต่ถ้าพอมีเวลาก็จะแวะเวียนมาดูบ้าง ใจจริงผมเองก็อยากให้ขุดกระทู้เก่าๆที่เป็นความรู้สำคัญขึ้นมาด้วยเหมือนกันครับ เพราะกระทู้เก่าๆบางอันมีประโยชน์และความรู้มาก แต่คนรุ่นใหม่อาจไม่มีโอกาสได้เห็นกระทู้เก่าๆเหล่านี้ เป็นไปได้อยากจะฝากให้พี่ๆเว็บมาสเตอร์ ช่วยเรียบเรียงกระทู้เก่าๆที่พอเป็นองค์ความรู้ในด้านต่างๆที่สำคัญๆมารวมเอาไว้ในห้องๆหนึ่งไปเลยก็ดีครับ จะได้เป็นคลังความรู้ให้กับคนรุ่นใหม่ที่สนใจในศาสนาฮินดู และพิธีกรรมบูชา ได้ศึกษาเพิ่มเติมได้มากขึ้น


ผมรักเว็บบอร์ดนี้ และเพื่อนๆพี่ๆน้องๆชาว Hindumeeting ทุกๆคนนะครับ ยังไงผมสัญญาว่า ผมไม่ทิ้งเว็บนี้ไปแน่นอนครับ ^^
#62
อ่อ ผมวาดเองครับ เคยเอามาลงในบอร์ดนี้นานแล้วเหมือนกัน

ขอบคุณนะครับสำหรับคำติชม ^^
#63
ความศรัทธา และภักติย่อมมีในตัวของผู้ศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า ยังไงพระองค์ย่อมไม่ทอดทิ้งสาวกของพระองค์ไปหรอกครับ ขอให้เจ้าของกระทู้อย่ากังวลใจไปเลย ยังไงซักวันหนึ่งคุณแม่ของคุณก็คงเข้าใจและยอมรับได้เอง สมัยก่อนผมบูชามาแต่เล็ก ตอนแรกๆพ่อแม่ผมก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่ผมบูชาด้วยใจศรัทธา และพระองค์ก็แสดงปาฏิหาริย์ให้เห็นประจักษ์ ท่านทั้งสองเลยยอมรับและศรัทธาในพระเป็นเจ้ามาตลอดจนบัดนี้เลยครับ ผมขอเป็นกำลังใจให้นะครับ

ปล.ศาสนาพุทธนั้นไม่ได้กีดกันให้พุทธศาสนิกชนในการนับถือเทพเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆนอกศาสนา ดังนั้นทุกคนที่นับถือศาสนาพุทธย่อมสามารถนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนศรัทธาได้ครับ 
#64
Quote from: Darin on November 21, 2012, 00:07:48
พระแม่ปารวตี ปกติแล้วเขามักจะทำ 2 กร




ลักษณะเหมือนเทวีวิสาลัชชีของทางทมิฬเลยนะครับรูปนี้
#65
ขอบพระคุณสำหรับบทความดีๆที่นำมาให้เราได้อ่านนะครับ
#66
น่าจะเป็นเนื้อเรซิ่น แต่ทาองค์ด้วยสีอะคริลิคสีทองหน่ะครับ ^^
#67
งดงามมากๆเลยครับ ขอพรจากพระแม่ลักษมีอวยพรให้เจ้าของกระทู้มีความสุขมากๆนะครับ
#68
ศิวลึงค์แห่งที่ 5 กาศี วิศวนาถ ที่เมืองพาราณสีครับ




มีตำนานเล่าว่า ครั้งหนึ่งสมัยกำเนิดจักรวาล พระศิวะและพระแม่ศักติทรงปรากฏในรูป พระอรรธนารีศวร (ครึ่งชายครึ่งหญิง) และได้ทรงแบ่งภาคออกเป็นชายและหญิงคู่หนึ่ง จากนั้นทรงมีบัญชาให้ทั้งสองไปบำเพ็ญตบะ ซึ่งพระศิวะได้ทรงสร้างนครกาศีขึ้นมา ชายหญิงคู่นั้นจึงลงไปบำเพ็ญตบะจนสำเร็จ เมือ่พระอรรธนารีศวรทรงปรากฏให้ทั้งสองได้เห็น จึงประทานพรให้ว่า "แต่นี้ไปดินแดนแห่งนี้จงเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเรา เราจะมาเยี่ยมเยียนพวกเธออยู่เสมอๆ และในดินแดนนี้จงปรากฏเราในรูปของ กาศีวิศวนาถ อันเป็นศิวลึงค์สัญลักษณ์แห่งเรา ใครก็ตามที่มาบูชาจงพบแต่ความสุขสถาพรตลอดไป"

ด้วยเหตุนี้ชาวฮินดูจึงเชื่อกันว่า ดินแดนพาราณสีเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เพราะนอกจากจะมีกาศีวิศวนาถศิวลึงค์แล้ว ยังมีแม่น้ำคงคาอันเป็นสายน้ำศักดิ์สิทธิ์ไหลผ่านอีกด้วย
#69
ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆนะครับ ^^
#70
น่ายินดีอย่างมากเลยครับ ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ ^^
#71
ขอบคุณมากครับอาจารย์หริทาส ที่กลับมาให้ความรู้แก่พวกเรา ^^
#72
ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัว HM นะครับ ^^
#73
อ่อ เป็นตำนานของพระเวงกเฏศวรน่ะครับ ฉากนี้เป็นตอนที่มหาฤาษีทธีจิ ไปทำการทดสอบพระเป็นเจ้าทั้งสามว่าใครมีความน่านับถือมากกว่ากัน สาเหตุมาจาก คราวหนึ่งเหล่าฤาษีทั้งหลายกระทำพิธีกรรมอย่างหนึ่ง แต่หาเทพที่เหมาะสมในการเชิญมาเป็นประธานในพิธีไม่ได้ ฤาษีนารัทเลยลงมาแนะนำให้มหาฤาษีทธีจิไปทดสอบพระเป็นเจ้าทั้งสาม คือ พระพรหม พระวิษณุ และพระศิวะ ซึ่งพอมหาฤาษีทธีจิเดินทางไปหาพระพรหม แต่ในเวลานั้นพระพรหมทรงฟังดนตรีที่พระสรัสวดีเล่นถวายไม่ได้สนใจมหาฤาษีทธีจี มหาฤาษีทธีจิโกรธจึงสาปพระพรหม และจากไป เมื่อเดินทางมาถึงเขาไกรลาส ในเวลานั้นพระศิวะกับพระแม่ปารวตีกำลังทรงเต้นระบำอยู่ จึงไม่ได้สนใจมหาฤาษี มหาฤาษีทธีจิโกรธจึงกล่าวสาปพระศิวะว่า แต่นี้ไปจะไม่มีใครศรัทธาในรูปที่เป็นอยู่อีกต่อไป และจากนั้น มหาฤาษีทธีจิจึงเดินทางไปยังไวกูณฐ์ ในเวลานั้นพระวิษณุกับพระลักษมีทรงบรรทมอยู่ มหาฤาษีเรียกอยู่นานแต่ไม่มีใครตอบ จึงโกรธเลยยกเท้าถีบที่อกของพระวิษณุ ทำให้พระวิษณุกับพระลักษมีสะดุ้งตกใจตื่น แทนที่พระวิษณุจะพิโรธ กลับทรงต้อนรับมหาฤาษีและปรนนิบัติอย่างดี มหาฤาษีจึงพอใจและขออภัยที่ตนได้ล่วงเกิน เมื่อมหาฤาษีทธีจิกลับไปแล้ว พระลักษมีไม่ทรงพอพระทัยที่พระวิษณุไม่ลงโทษมหาฤาษีตนนั้น แถมยังต้อนรับปรนนิบัติอย่างดีอีกด้วย และเนื่องจากมหาฤาษีทธีจิถีบอกพระวิษณุ ซึ่งกลางอกหรือกลางใจพระวิษณุนั้น พระลักษมีทรงสถิตอยู่ เมื่อโดนถีบเช่นนั้น ทำให้พระลักษมีมิอาจจะดำรงอยู่ได้อีก จึงทรงหนีจากพระวิษณุไป

ผมก็เล่าได้ประมาณนี้ครับ ส่วนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพระเวงกเฏศวรนั้น ลองตามไปอ่านในลิ้งนี้เลยละกันครับ

http://www.hindumeeting.com/forum/index.php?topic=86.0

ปล.รอผู้รู้มาเพิ่มเติมนะคับ ^^
#74
Quote from: กาลิทัส on September 20, 2012, 15:02:34
เรื่่องพระโพธิสัตว์กับเทพ เป็นข้อถกเถียงมานาน ครึ่งกวนอิมมั้งครึ่งอุมามั่ง แต่อ่านทีไรปวดใจทุกที

ผมว่ายึดตามหลักศาสนาของแต่ละศาสนาเถอะครับ

ไม่งั้น พระรามท่านจะกลายเป็นพระสังธัมจั๋ง เพราะหนุมานทหารคู่ในเป็นซุนหงอคง


เอาเป็นว่าผมบูชาพระโพธิสัตว์กวนอิมในฐานะพระโพธิสัตว์ทางพุทธ และ บูชาพระอุมา และ พระกาลี ในฐานะเทวีทางศาสนาฮินดู
และผมเองแยกบูชาอย่างชัดเจนครับ
Quote from: Amrit_Phakti on September 20, 2012, 11:33:41
ิสิ่งใดที่ไม่มีอยู่ในพระเวท  สิ่งนั้นไม่จริง    พระเวทไม่เคยกล่าวว่าโพธิสัตว์กวนอิม เป็นหนึ่งเดียวกับ พระอุมา ลักษมี หรือกาลี
สั้นๆเลยครับ  

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับผม
#75
สำหรับเทวดานพเคราะห์ของไทยกับฮินดูตรงกันครับ แต่มีบางองค์ที่พระนามเรียกต่างกัน ประมาณนี้
1.พระอาทิตย์ = สูรยะเทพ
2.พระจันทร์   = จันทรเทพ
3.พระอังคาร  = มังกัลเทพ
4.พระพุธ   
5.พระพฤหัสบดี
6.พระศุกร์ = ศุกระจาระยะ
7.พระเสาร์ = ศนิเทพ
8.พระราหู
9.พระเกตุ

ส่วนเทพจตุโลกบาลของไทยกับฮินดูต่างกันนะ เท่าที่ผมเคยอ่านหนังสือมาหลายๆเล่ม ของฮินดูจะเป็นแบบนี้

ทิศเหนือ = พระกุเวร (อันนี้ตรง)
ทิศใต้ = พระธรรมราช (พระยม)
ทิศประจิม = พระวรุณ
ทิศบูรพา = พระอินทร์
ทิศอาคเนย์ = พระอัคนี
ทิศอิสาน = พระอิสาน(อาจจะเป็นพระศิวะ)
ทิศหรดี = พระเนรติ
ทิศพายัพ = พระพาย

แต่สำหรับเทวนพเคราะห์กับเทพโลกบาล ผมว่าน่าจะไม่สูงหรือต่ำกว่ากัน เพราะแต่ละพระองค์ก็มีหน้าที่ของพระองค์ต่างกันออกไป

ประมาณนี้ครับ รอผู้รู้มาเพิ่มเติมละกันนะ
#76
เรียบง่ายแต่งดงามจริงๆครับ ขอพรพระแม่จงอยู่กับเจ้าของกระทู้ด้วยนะครับ ^^
#77
งดงามมากๆเลยครับ
#79
งามจริงๆครับผม

ปล.พี่กาลิทัส หน้ากากพระแม่แบบนี้มีให้บูชาเยอะนะครับ ^^
#80
ดูวีีดีโอขบวนแห่พระคเณศแล้ว ขนลุกไปทั้งตัวเลย ^^ บารมีพระคเณศท่านศักดิ์สิทธิ์จริงๆ