Loader
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - ศรีเคารีปุตรายะ

#1
ช่วงนี้ยุ่งๆวุ่นวายกับชีวิต เลยไม่ได้แวะเวียนมาเยี่ยมบอร์ดเลย ไหนๆวันนี้ก็มาละ

เลยมาทักทายเพื่อนๆพี่ๆน้องๆกันสักหน่อยละกัน ไงก็ยังไม่ทิ้งไปไหนนะ ว่างเมื่อไหร่ก็จะมาตอบให้ตามกำลังความรู้ที่มีครับผม

คิดถึงครอบครัว HM ทุกคนนะครับ
#2
ตามแถลงการณ์ของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย ในภาพ ประกาศว่า พระองค์ท่านสิ้นพระชนม์แล้ว เมื่อเวลา 19.30 น.ของวันนี้ (24 ต.ค. 2556)
.
.
.
.
.
.
.
.
ขอน้อมอาลัยและส่งเสด็จให้พระองค์ไปสู่แดนสวรรค์พระนิพพานเทอญ
.
.
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ข้าพเจ้า...ศรีเคารีปุตรายะ...
#3
ขอเชิญทุกท่านร่วมงานเสวนากับกลุ่มปินากิน ในหัวข้อ
"นานาสาระกับกลุ่มปินากิน ครั้งที่ 4 คเณศจตุรถี"
รายละเอียดอ่านได้จากเฟซกลุ่มปินากินนะครับ
#4
[HIGHLIGHT=#ffffff]วันนี้อารมณ์ดี อยากวาดพระคเณศขึ้นมา เลยสรรค์สร้างพระองค์ขึ้นมา[/HIGHLIGHT][HIGHLIGHT=#ffffff]ซะหน่อย ยังไงช่วยติชมด้วยนะครับ จะได้พัฒนาฝีมือต่อไป[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffffff]...โอม ศรีเคารีปุตรายะ นะมะ...[/HIGHLIGHT]
#5
ขอให้มีความสุขสวัสดีในเทศกาลโฮลีนะครับ ^^


#6
เมื่อคืนกระทำพิธีบูชาพระศิวะ เนื่องในวันมหาศิวะราตรี เลยนำภาพบรรยากาศเล็กๆน้อยๆมาฝากให้เพื่อนๆได้ชมกันครับ
เทวรูปทั้งสามพระองค์ที่ใช้ในพิธีบูชาครับ โดยทุกครั้งจะบูชาพระคเณศก่อนเสมอ
ตามหลักของพิธีกรรมครับ เพื่อให้พิธีสมบูรณ์ต้องบูชาพระคเณศก่อน

บูชาพระคเณศเสร็จก็สรงน้ำและนมสดถวายพระองค์ครับ
หลังบูชาเสร็จแล้ว
เชิญพระศิวลึงค์กลับคืนแท่นบูชา
เนื่องในโอกาสมหาศิวะราตรีที่ผ่านมา ขอให้พรแห่งพระศิวะเจ้าโปรดอวยพรให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ และสมาชิกชาว Hindumeeting.com ทุกท่าน
มีแต่ความสุขตลอดไปครับ
...โอม นมะ ศิวายะ...
#7
วันนี้วันดี 9/9/55 เลยทำพิธีสถาปนาพระคเณศองค์ใหม่ขึ้นหิ้ง ทำแบบเรียบง่าย พอดีแม่ผมไปบูชามาจากมูลนิธิศรีอริยประทีป เค้ารอให้ผมมาเชิญท่านขึ้นหิ้ง องค์ท่านงามมากๆเลยครับผม เลยนำมาแบ่งปันให้ชมกันคับ ^^



องค์พระคเณศองค์นี้งามจริงๆคับ ยิ่งได้เห็นจริงๆแล้วงดงามมากๆคับผม ^^







ของที่ใช้ประกอบพิธีคับผม

ภาพภายหลังประกอบพิธีเสร็จแล้ว
ขอให้ทุกคนมีแต่ความสุขนะคับ โอม ศรีคเณศายะ นะมะ
#8


         
         ศาลท่านท้าวมหาพรหม โรงแรมเอราวัณ เป็นศาลศาสนาฮินดูตั้งอยู่หน้าโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่เคารพนับถือจากทั้งชาวไทยและต่างประเทศ โดยมีการจัดคณะทัวร์จากต่างประเทศเพื่อเข้ามาสักการะท้าวมหาพรหมโดยเฉพาะ
         เมื่อ พ.ศ. 2494 พลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ กำหนดให้มีการก่อสร้างโรงแรมเอราวัณ ขึ้นบริเวณสี่แยกราชประสงค์ เพื่อรองรับแขกต่างประเทศ ว่ากันว่าในช่วงแรกของการก่อสร้างเกิดอุบัติเหตุขึ้นมากมาย เมื่อการก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จ ปลายปี พ.ศ. 2499 ทาง บริษัท สหโรงแรมไทยและการท่องเที่ยว จำกัด ผู้บริหารโรงแรมได้ติดต่อ พลเรือตรีหลวงสุวิชานแพทย์ ร.น. นายแพทย์ใหญ่ กองทัพเรือ ผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องการนั่งทางใน เข้าดำเนินการหาฤกษ์วันเปิดโรงแรม
         พลเรือตรีหลวงสุวิชานแพทย์ได้ท้วงติงว่า ในการก่อสร้างโรงแรมไม่ได้มีการทำพิธีบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบริเวณนั้นก่อน ฤกษ์ในการวางศิลาฤกษ์ของโรงแรมก็ไม่ถูกต้อง อีกทั้งชื่อของโรงแรม "เอราวัณ" นั้น เป็นชื่อของช้างทรงของพระอินทร์ ถือเป็นชื่อที่ศักดิ์สิทธิ์ จำเป็นต้องมีการบวงสรวงที่เหมาะสม วิธีการแก้ไขจะต้องขอพรจากพระพรหมเพื่อช่วยให้อุปสรรคหมดไป และจะต้องสร้างศาลพระพรหมขึ้นทันทีหลังจากการก่อสร้างโรงแรมแล้วเสร็จ และสร้างศาลพระภูมิขึ้นไว้ในโรงแรม
          จึงได้มีการตั้งศาลพระพรหม ออกแบบตัวศาลโดยนายระวี ชมเสรี และ ม.ล.ปุ่ม มาลากุล องค์ท้าวมหาพรหมปั้นด้วยปูนพลาสเตอร์ปิดทอง ออกแบบและปั้นโดยนายจิตร พิมพ์โกวิท ช่างกองหัตถศิลป์ กรมศิลปากร และอัญเชิญพระพรหมมาประดิษฐานที่หน้าโรงแรมเอราวัณเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499
          ตามแผนงานครั้งแรก องค์ท้าวมหาพรหมจะเป็นโลหะหล่อสีทอง แต่เนื่องจากระยะเวลาจำกัดด้วยฤกษ์การเปิดโรงแรม จึงได้เปลี่ยนวัสดุเป็นปูนปั้นปิดทองแทน
          ศาลท่านท้าวมหาพรหม โรงแรมเอราวัณ ถือเป็นศาลพระพรหมศาลแรกที่มีขนาดใหญ่ ในเวลาต่อมาเมื่อมีการสร้างศาลพระพรหมไว้บูชาในอาคารหรือสถานที่ขนาดใหญ่ จะยึดแบบการสร้างจากศาลท้าวมหาพรหมที่โรงแรมเอราวัณ เนื่องจากความเชื่อว่าจะช่วยปัดเป่าความขัดข้อง อุปสรรค และส่งเสริมโชคและความสำเร็จนั่นเอง ซึ่งปัจจุบัน ศาลท่านท้าวมหาพรหม โรงแรมเอราวัณ อยู่ในความดูแลของ "มูลนิธิทุนท่านท้าวมหาพรหม"
          ต่อมาท่านท้าวมหาพรหมถูกชายที่ไม่สมประกอบทุบในวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2549 ซึ่งทำให้ตัวองค์แตก ดังนั้นจึงมีกำหนดการที่จะบูรณะพระองค์ขึ้นมาใหม่ พร้อมกับสร้างองค์ใหม่ด้วย แล้วเสร็จในปลายเดือนพฤษภาคม ปีเดียวกัน ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์จากกรมศิลปากรในการบูรณะซ่อมแซมองค์เดิม และหล่อองค์ใหม่ขึ้นมา และเมื่อบูรณะเสร็จ มูลนิธิทุนท่านท้าวมหาพรหม โรงแรมเอราวัณ ได้ทำพิธีอัญเชิญองค์ท่านท้าวมหาพรหมองค์ใหม่ ที่บูรณะเสร็จแล้วกลับมาประดิษฐานที่เทวาลัย ในวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 เวลา 11.39 น. ซึ่งเป็นเวลาที่องศาของดวงอาทิตย์ส่องตรงศาลพอดี โดยอัญเชิญเป็นขบวนจากกรมศิลปากรมาจนถึงศาลท้าวมหาพรหม ส่วนองค์เก่าได้เก็บรักษาเอาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร

ที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/
#9
Quote from: Jeff08 on April 23, 2012, 20:02:02
^
^
^
นมัสเตครับพี่เอ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ขอบคุณมากๆครับ ผมจะแวะเวียนมาที่นี่บ่อยๆ ที่นี่อบอุ่นดีครับ
ผมมีข้อสงสัยเรื่องวันสำคัญทางศาสนาฮินดูอยู่ครับ ว่าแต่ละวันเขายึดตามปฎิทินจันทรคติของไทยรึเปล่า หรือว่ายึดตามปฎิทินจันทรคติของอินเดียครับ?

คับผม ส่วนใหญ่จะถือเอาตามปฏิทินทางจันทรคติคับ และปฏิทินจันทรคติก็ตรงกันทั้งของไทยและอินเดียคับ เช่นวันคล้ายวันประสูติพระคเณศ ก็ถือเอาวันขึ้น 4 ค่ำ เดือน 10 ของทุกๆปีด้วยคับ และยังมีวันสำคัญอื่นๆอีก ไว้พี่จะหามาลงให้ได้อ่านนะคับ ^^

ปล.รอผู้รู้มาเพิ่มเติมด้วยนะคับ ^^
#10
เนื่องในวันมหาศิวะราตรีที่ผ่านมาเมื่อคืน ผมเองก็ได้กระทำพิธีบูชาเหมือนกัน แต่เป็นพิธีเล็กๆเรียบง่ายเพราะที่บ้านกำลังสร้างใหม่ เลยไม่สะดวกเท่าไหร่ แต่อยากแบ่งปันเลยเอาภาพหลังจากประกอบพิธีเสร็จแล้วมาให้ชมคับ
เทวรูปพระศิวะ, เทวรูปพระคเณศ, ศืวลึงค์
เทวรูปพระคเณศนั้นเป็นเทวรูปพระคเณศองค์แรงของผมเลย
อายุประมาณ10กว่าปี ผมนำท่านมาร่วมในพิธีด้วย
เพราะตามบัญญัติต้องบูชาพระคเณศก่อนกระทำพิธีใดๆเสมอ
ศิวลึงค์คับผมปั้นเองกับมือเลย
แต่เดิมเป็นดินจากริมแม่น้ำ แต่อยู่ไปนานเข้าท่านเริ่มแตกร้าว
เลยเอาดินน้ำมันสีดำปั้นครอบองค์เก่าเอาไว้คับ
ศิวลึงค์องค์นี้อายุประมาณ 5 ปีแล้วคับ
เทวรูปพระศิวะคับ
ภาพโดยรวมหลังจากทำพิธีเสร็จแล้วคับ
เนื่องในโอกาสวันมหาศิวะราตรีที่ผ่านมานี้ ผมก้ขอให้พระพรขององค์พระศิวะมหาเทพ
โปรดอวยพรให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆชาว Hindumeeitng ทุกคน
มีแต่ความสุขสวัสดิ์ตลอดไป
โอม นมัส ศิวายะ
#11
สีของชื่อแต่ละคนนี่ พี่ทีมงานเปลี่ยนให้หรอคับ

แถมยังจัดชั้นไว้ด้วย เหมือนเราเป็นพรหมไงก็ไม่รู้ ^^

สีของแต่ละชื่อบ่งบอกอะไรบ้างหรอคับ

แต่ก็ดีคับ ขอบคุณพี่ๆทีมงานด้วยนะคับ
#12
..................ขอพรพระคเณศเทพแห่งศิลป์.........อีกเทวินทร์พระศิวะผู้เป็นใหญ่................
.......ทั้งพระพรหมและหริวิษณุไท้.....................ประทานพรให้ทุกคนสมดังถวิล...............
.......รวมถึงขอพระพรองค์เทวี..........................องค์ลักษมีและวาณีผู้่ศักดิ์สิทธิ์...............
.......และพระแม่ปารวตีผู้ทรงฤทธิ์.....................โปรดประสิทธิ์ประสาทพรโดยถ้วนกัน.......
.......ในวันดิถีขึ้นปีใหม่...................................ขออวยชัยด้วยพระพรแด่ทุกท่าน............
.......โอ้พระเป็นเจ้าทั้งเจ็ดในสวรรค์....................มอบพรอันสุขีมีัชัยเทอญ.....................
เนื่องในวันปีใหม่ครับ ผมก็นำพระพรจากพระเป็นเจ้าทั้ง7อันมี พระคเณศ พระศิวะ พระพรหม
พระวิษณุ พระแม่ปารวตี พระลักษมี และพระวาณีเทวี(พระสรัสวตี)มาอวยพรแก่ทุกท่านครับ
ขอใหุ้ทุกคนมีความสุขในปี 2555 นี้ และตลอดไปครับ
#13
เหอะๆ เสียดายจังเลยไม่ได้อยู่ทำพิธีบูชาพระคเณศเลย ก็พอดีทางวิทยาลัยจัดไปอบรมธรรมะในวันคเณศจตุรถีพอดี แต่ก็ไม่เป็นไร ไม่ได้บูชาพระคเณศในวันสำคัญของพระองค์ แต่ก็ได้ปฏิบัติธรรมถวายความดีแก่พระองค์ท่านก็พอใจและ ไงก็ยินดีกับความศรัทธาที่ทุกท่านได้นำเอารูปบรรยากาศพิธีบูชาพระคเณศที่บ้านมาให้ได้ชมกัน ขอบคุณทุกท่านนะคับ ขอให้พรแห่งพระคเณศจงอยู่คู่กับสานุศิษย์ทุกท่านตลอดไปคับ

โอม ศรีเคารีปุตรายะ นะมะ

คณปติ ปับปา โมรยา มังคัลมูรติ โมรยา
#14
ผมขอเล่าเรื่องต่อจากพี่กาลิทัสนะคับ

   เมื่อพระนรสิงหาวตารสังหารหิรัณยกศิปุตายไปแล้ว พระนารายณ์จึงทรงสถาปนาให้ประหลาทขึ้นเป็นกษัตริย์แทน ต่อมาประหลาทมีโอรสนามว่า วิโรจัน ซึ่งวิโรจันเองก็มีความศรัทธาในองค์พระนารายณ์เหมือนกับบิดา ถึงกับออกบำเพ็ญตบะ จนได้บารมีแก่กล้า ร้อนถึงพระอินทร์เห็นเหตุการณแล้วเกรงว่าจะเป็นภัยแก่ตน จึงสังหารวิโรจันด้วยวัชระตายไปเสีย แต่วิโรจันมีโอรสองค์หนึ่ง นามว่า พลี ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์แทนบิดาที่สิ้นไป ฝ่ายฤาษีศุกระจารยะคิดแค้นที่ศิษย์ของตนโดนพระนารายณ์สังหาร ทั้งหิรัณยากษะและหิรัณยกศิปุซึ่งเป็นศิษย์ของตนก็โดนสังหาร จึงยุยงให้ท้าวพลีทำพิธีกรรมเสริมอำนาจ จนได้บารมีมากมาย ท้าวพลีจึงยกทัพขึ้นไปบนสรรค์ทำสงครามกับพระอินทร์จนได้ชัยชนะ
   
   ฝ่ายพระอินทร์และเหล่าเทวดาเมื่อพ่ายแพ้แก่ท้าวพลีจึงไปขอความช่วยเหลือจากพระนารายณ์ พระนารายณ์ทรงรับปากว่าจะช่วยเหล่าเทวดา จึงแบ่งภาคลงมาเกิดเป็นโอรสของพระกัศยปเทพบิดรกับนางอทิติเทพมารดา มีนามว่า วามน เพราะมีกายเตี้ยแคระ
   วันหนึ่ง ท้าวพลีได้กระทำพิธียัญญกรรมอย่างหนึ่ง โดนมีการแจกทานด้วย พราหมณ์น้อยวามนจึงไปร่วมพิธีด้วย แล้วเอ่ยขอเพียงที่ดินสามก้าวย่าง ท้าวพลีนั้นก็จะให้ดังประสงค์ แต่ฤาษีศุกระจารยะนั้นรู้ด้วยญาณว่า วามนพราหมณ์นั้นไม่ใช่พราหมณ์ธรรมดา แต่เป็นพระนารายณ์อวตารมา จึงแปลงกายไปขวางทางน้ำไหล ไม่ให้น้ำไหลจากเต้าน้ำทักษิโณทกที่จะเทยกแผ่นดินสามก้าวย่างให้แก่วามนพราหมณ์
   ฝ่ายวามนพราหมณ์ เมื่อเห็นเช่นนั้น จึงนำเอาก้านหญ้าคาแทงเข้าไปในรูเต้าน้ำ โดนตาของฤาษีศุกระจารยะๆทนไม่ไหวจึงหลบออกมา ฤาษีศุกระจารยะจึงบอดไปข้างหนึ่งนับแต่นั้น เมื่อท้าวพลีเทน้ำทักษิโณทกแล้ว พราหมณ์วามนจึงกลับคืนเป็นพระนารายณ์ดังเดิม แล้วกระทำ "ตรีวิกรม" หรือ "ย่างสามขุม" โดยทรงขยายร่างให้ใหญ่เท่าจักรวาล แล้วย่างก้าวแรกเหยียบหมดทั้งผืนโลก ก้าวที่สองย่างเหยียบสวรรค์ เพียงสองก้าวของพระองค์ก็ทรงได้ทั้งสวรรค์ทั้งโลกมนุษย์กลับคืนมา
   จากนั้นพระนารายณ์จึงถามว่า จะให้พระองค์วางพระบาทอีกก้าวที่ใด ท้าวพลีจึงขอให้พระนารายณ์วางพระบาทบนศีรษะของตน พระนารายณ์ทรงชื่มชมในความศรัทธาของท้าวพลี จึงให้พรว่า เมื่อทรงวางพระบาทบนศีรษะของท้าวพลีแล้ว ให้ท้าวพลีนั้นมีอายุยืน และไปอยู่ในแดนบาดาล รวมถึงทรงสรรเสริญว่า ท้าวพลีนั้นเป็นสาวกของพระองค์อีกด้วย และเมื่อถึงวันหนึ่งท้าวพลีจะได้มาเป็นใหญ่ ปกครองทั้งสวรรค์และโลกอีกครั้งหนึ่ง
   เรื่องก็จบลงด้วยประการฉะนี้

   ผิดถูกอย่างไรก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคับ ^^

   โอม นะโม ภควะเต วาสุเทวายะ
#15
สวัสดีคับ เป็นครั้งแรกนะเนี่ยที่มาโพสที่ห้องนี้ อิอิ

วันนี้ขอเล่าเรื่องที่มาของการห้ามมองพระจันทร์ในวันคเณศจตุรถีึคับ ซึ่งที่มาก็มีดังนี้


วันหนึ่ง พระพิฆเนศทรงหนูพาหนะกลับจากงานฉลองคเณศจตุรถี ระหว่างทางนั้น เกิดมางูตัวหนึ่งเลื้อยผ่านหน้า ทำให้หนูตกใจ หยุดกระทันหัน ทำให้พระคเณศทรงตกจากหลังหนู ขนมที่พระองค์เสวยเข้าไปมากมายทะลักออกมาจากท้องของพระองค์ พระองค์นึกเสียดายขนมเหล่านั้นจึงโกยเอาขนมนั้นใส่ไว้ในท้องดังเดิม และเอางูนั้นมารัดแทนเข็มขัดนับแต่นั้น เหตุการณ์นั้น พระจันทร์ผ่านมาเห็นเข้าพอดี เลยหัวเราะเยาะพระคเณศดังสนั่นไปทั่ว พระคเณศทรงเห็นเข้าก็พิโรธ จึงสาปพระจันทร์ว่า ให้พระจันทร์หมดรัศมี กลายเป็นสิ่งอัปมงคลต่อผู้ที่มองพระจันทร์ หากมองพระจันทร์ในวันบูชาของพระองค์ ผู้นั้นจะต้องคำสาปพระองค์ให้่เกิดแต่อุปสรรค ไม่สำเร็จในสิ่งที่หวัง และกลายเป็นจัณฑาล พระจันทร์ตกใจกลัวคำสาปของพระคเณศ จึงอ้อนวอนขอให้พระคเณศอภัยให้ พระคเณศสงสาร จึงให้พรว่า ให้พระจันทร์นั้นมีรัศมีค่อยๆสว่าง จนเต็มดวง และค่อยๆมืดลงจนไม่เห็นพระจันทร์ เป็นเช่นนี้ตลอดไป



ซึ่งการมองพระจันทร์ในวันคเณศจตุรถีนั้น เป็นสิ่งอัปมงคล ใครมองเข้าด้วยความบังเอิญก็ตามแต่ ผู้นั้นจะต้องคำสาปของพระคเณศดังที่ได้กล่าวไปแล้วในเรื่อง ซึ่งก็มีวิธีที่แสนง่ายในการแก้คำสาป ก็คือ ให้ผู้คนในครอบครัว รุมด่าประจานต่างๆนานา จึงจะพ้นคำสาปพระคเณศได้่


#16
พอดีพี่อักษรชนนีเปลี่ยนชื่อเป็นภาษาไทยให้ ก็เลยมาขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยคับผม ผมเองก็อยากจะแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องเทววิทยา กับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ชาว HM ทุกคนคับ ผมคิดว่าพอจะตอบได้ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคับ

ปล.พอเปลี่ยนชื่อเหมือนเราเกิดใหม่ในเว็บนี้เป็นครั้งที่สองเลย อิอิ

โอม ศรีเคารีปุตรายะ นะมะ  (พระผู้เป็นโอรสของพระเคารีเทวีจงเจริญ)
#17
พอดีมีรูปที่วาดเอาไว้ อยากแบ่งปันให้เพื่อนๆได้ชมกันบ้าง เลยเอามาลงให้ชมกันคับผม

















เป็นไงบ้างคับผม ส่วน 5 รูปสุดท้ายผมวาดเองเมื่อวาน ก็ได้ต้นแบบจากพระคเณศปางมยุเรศวรที่บ้านผมเองคับ

หวังว่าคงได้รับคำแนะนำจากเพื่อนๆ กันบ้างนะคับ
#18
เนื่องจากพี่ได้ปิดระบบ PM ไปแล้ว แล้วผมก็เพิ่งเข้ามาอ่านกระทู้ที่ผมโพสแจ้งปัญหาด้วย ยังไงพี่กาลิทัสช่วยเปลี่ยนชื่อที่ใช้ในห้องให้ผมทีคับ

จาก rama19920 เป็น ศรีเคารีปุตรายะ ให้ผมทีคับ ขอบพระคุณล่วงหน้าคับผม
#19
พอดีผมไปโพสไว้ที่ห้องแห่งตำนานนิทานภารตะ แต่ไม่รู้จะมีใครได้อ่านบ้างหรือป่าว ผมเลยเอามาโพสใหม่ เผื่อจะมีคนสนใจอ่านกันบ้างคับ
มหาสตรีสาวิตรี เทวีผู้นำสามีพ้นจากความตาย
      

   กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีกษัตริย์พระองค์หนึ่ง นามว่า อัชวาปตี กับพระชายาคือ พระนางมัลลาวี ทั้งสองไม่มีโอรสธิดา จึงทรงทำพิธีบูชาพระแม่มาเตศวรี(กายาตรี) ขอพรให้มีบุตร ทั้งสองทำพิธีอยู่ถึง19ปีจึงสัมฤทธิ์ผล พระแม่มาเตศวรีทรงปรากฏและได้ให้คำมั่นว่า ทั้งสองจะให้กำเนิดพระธิดาที่ทรงสติปัญญา และกล้าหาญ รวมถึงจะทำให้ชื่อของธิดาองค์นี้ปรากฏอยู่ในโลกชั่วกาลนาน
      
      จากนั้นไม่นาน ทั้งสองก็ให้กำเนิดพระธิดาองค์หนึ่ง โดยเทวฤาษีนารัท มาตั้งนามให้ ชื่อว่า สาวิตรี เจ้าหญิงสาวิตรีได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากพระบิดาและพระมารดา จนวันหนึ่งมาถึง เมื่อเจ้าหญิงสาวิตรีมีอายุได้ 19ปี ราชาอัชวาปตีกับพระชายาทรงกังวลว่าจะหาคู่ครองให้พระธิดาได้ยังไรดี จึงไปปรึกษากับเทวฤาษีนารัท จึงตกลงกันว่า ให้เจ้าหญิงสาวิตรีไปหาคู่ครองด้วยตนเอง
      เมื่อเจ้าหญิงทราบความประสงค์ของพระบิดาและพระมารดาแล้ว ก็ทรงเสด็จไปหาคู่ครองตามแว่นแคว้นต่างๆ จนได้เจอกับชายคนหนึ่งนามว่า สัตยวาน เป็นโอรสของกษัตริย์เมืองหนึ่ง แต่โดนแย่งบัลลังก์ไป และบิดามารดาของสัตยวานทั้งสองก็ตาบอดด้วย เวลานั้นทั้งสามพ่อแม่ลูกอาศัยอยู่ในกระท่อมกลางป่า สาเหตุที่ได้เจอกันสัตยวานนั้นก็เนื่องมาจาก เจ้าหญิงสาวิตรี ทรงออกล่าสัตว์ แต่กลับโดนเสือโคร่งไล่หมายจะเอาชีวิต สัตยวานไปพบโดยบังเอิญ จึงช่วยเจ้าหญิงให้พ้นจากอันตราย และเหตุการณ์นี้เองทำให้เจ้าหญิงหลงรักสัตยวานอย่างจิงใจ เพราะเนื่องจากจะช่วยนางให้พ้นจากเสือแล้ว สัตยวานยังมีความเป็นสุภาพบุรุษ และมีธรรมะเป็นอย่างมากด้วยนั่นเอง  เจ้าหญิงสาวิตรีจึงทรงกลับไปกราบทูลพระบิดาและพระมารดาให้ทราบว่า จะทรงเข้าพิธีแต่งงานกับสัตยวาน
      เมื่อกษัตริย์อัชวาปตี และพระชายาทราบเรื่อง กลับไม่พอใจที่เจ้าหญิงสาวิตรีทรงเลือกคู่ครองที่ไม่มีอนาคต จะพาเจ้าหญิงไปตกระกำลำบากในพงไพร แต่เจ้าหญิงทรงตั้งพระทัยแน่วแน่แล้วว่า จะทรงแต่งงานกับสัตยวาน จึงทรงดื้อดึงไม่ยอมท่าเดียว จนเทวฤาษีนารัททรงมาช่วยพูด และพยากรณ์ว่า จากนี้ไปอีก 1 ปี สัตยวานจะถึงแต่ความตาย นั่นหมายความว่า สาวิตรีจะมีความสุขกับสัตยวานได้เพียงปีเดียวเท่านั้น แต่เจ้าหญิงสาวิตรีทรงมีพระทัยมั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลง จึงได้เข้าพิธีแต่งงานกับสัตยวาน ทั้งสองได้ใช้ชีวิตคู่อย่างมีความสุขในพงไพร ในระหว่างที่อยู่ด้วยกัน สาวิตรีได้ทำพิธีอาคานโซบาวตี(พิธีประกอบบุญอันยิ่งใหญ่) ตลอดทุกวัน มาจนกระทั่ง.........
      เหลือเวลาอีก 4 วัน ก็จะถึงวันที่สัตยวานต้องจากโลกนี้ไป สาวิตรีรู้เรื่องนี้ดี แต่ไม่รู้จะทำประการใดได้ จึงบูชาพระแม่มาเตศวรีให้ช่วยชี้แนะ พระแม่ทรงพอพระทัยและมาปรากฏ พระแม่ได้ทรงแนะนำว่า ให้สาวิตรีทำพิธีบูชากูณฑ์เป็นเวลาสามวัน ในสามวันนั้นต้องไม่ทานอะไรเลย หากทำได้สัตยวานจะสามารถกลับฟื้นคืนได้ สาวิตรีได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของพระแม่ทุกประการ จนถึงวันสุดท้ายของสัตยวาน ในเย็นวันนั้น ทุกๆวันสัตยวานจะต้องไปตัดฟืนในป่า แต่วันนี้มีแต่ลางร้าย สาวิตรีจึงขอตามสามีของนางไปด้วย จนกระทั่งกลางป่าในเวลาพลบค่ำ สัตยวานโดนงูกัดจนตาย สาวิตรีเห็นสามีตายไปต่อหน้าต่อตาก็เสียใจ นางเอาศีรษะของสัตยวานมาหนุนตักของนางไว้ เมื่อพระธรรมราช(ยม)จะมาเอาวิญญาณของสัตยวาน ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะนางมีอำนาจตบะจากการที่นางได้สั่งสมบุญไว้ตลอดเวลาที่อยู่กับสามีของนาง จึงไม่สามารถทำอะไรนางได้ พระธรรมราชจึงบันดาลให้สัตยวานรู้สึกตัวและกระหายน้ำ สาวิตรีหลงกลเลยไปหาน้ำมาให้ พระธรรมราชจึงเอาวิญญาณของสัตยวานไปได้
      พอสาวิตรีกลับมา เธอรู้ว่าโดนหลอกเสียแล้ว และนางเห็นพระธรรมราชกำลังนำดวงวิญญาณของสามีนางไป นางจึงอ้อนวอนด้วยถ้อยคำที่ไพเราะและมีความหมายสรรเสริญพระธรรมราช จนพระองค์พอใจ และให้นางขอพรได้ข้อหนึ่ง เว้นแต่อย่าขอชีวิตของสัตยวาน นางจึงขอให้บิดาของสัตยวานได้บัลลังก์คืน เมื่อพระธรรมราชจะทรงกลับยมโลก สาวิตรีก็ได้ตามพระธรรมราชและกล่าวสรรเสริญพระองค์ไปตลอดทาง จนพระธรรมราชพอพระทัย และให้พรนางอีกสามข้อ นางขอว่า ให้บิดามารดาของสัตยวานได้กลับมามีดวงตามองเห็นได้อีกครั้งหนึ่ง , ขอให้พระบิดามารดาของนางมีโอรส100คนเพื่อสืบสันตติวงศ์ และขอให้นางมีบุตร 100 คน พระธรรมราชก็ได้ให้พรตามนั้น แต่สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนต่อนาง เพราะพรข้อสุดท้ายจะเป็นผลไปไม่ได้ถ้านางไม่ได้สามีนางกลับคืนไป พระธรรมราชจึงให้สัตยวานฟื้นคืนชีวิตอีกครั้ง นางจึงกลับไปอยู่กับสัตยวานอย่างมีความสุขอีกครั้ง
      ด้วยเหตุนี้ ผู้คนทั่วไปจึงขนานนามให้นางว่า

มหาสตรีสาวิตรี
[/FONT][/COLOR]
#20
พอดีดูหนังเรื่อง Jai Chakumbari maa แล้วเกิดแรงบันดาลใจอยากวาด

เลยวาดออกมาเป็นอย่างที่เ่ห็นคับ



เป็นพระแม่ในอิริยาบถยืนคับ มี 6 กร ถือของในมือแตกต่างกันออกไป


ผมวาดในอุดมคติของผมเองคับ ออกมาแล้วเป็นไงสวยไม่สวยก็ช่วยติชมด้วยคับผม

โอม ศรี ศากุมภรี มาตา กี นะมะ

โอม ศรีเคารีปุตรายะ นะมะ


#21
ผมยังสงสัยว่าทำไมคนไทยชอบเข้าใจผิดพระแม่ซันโตชิว่าเป็นพระแม่อุมาเทวีอยู่เรื่อยเลย 

ผมเคยไปที่ร้านๆหนึ่งแถวราชนัดดาอ่ะคับ  ผมบอกอยากได้เทวรูปพระแม่อุมาเทวีสักองค์ เขาดันเอาเทวรูปองค์พระแม่ซํนโตชิมาให้เฉยๆ

ไม่เข้าใจเหมือนกัน ผมก็บอกว่าไม่ใช่แม่อุมา แม่ซันโตชิต่างหาก ผมเลยต้องนั่งอธิบายให้เจ้าของร้านฟังและเอาหนังสือที่ผมติดตัวไปด้วย

เป็นหนังสือเกี่ยวกับตำนานเทพอ่ะัคับให้เขาดูเป็นการยืนยัน จนเขาเื่ชื่ออะคับ ส่วนมากคนไทยเราเข้าใจผิดกันเยอะเรื่องเทวรูปพระแม่ซันโตชิกับเทวรูป


พระแม่อุมา จนบางคนเชื่อว่า พระแม่ซันโตชิกับพระแม่อุมาเป็นองค์เดียวกับด้วยซ้ำไป ผมก็รู้ว่าทุกพระองค์นั้นก็คือองค์เดียวกัน แต่ในการบูชาก็บูชาใน

แบบที่ต่างกันตามแต่ละองค์ ผมอยากจะให้ผู้ที่ได้อ่านกระทู้นี้ ช่วยแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ทีคับ ว่ามีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง ผมไม่อยากให้คนไทย

เข้าใจผิดเรื่องพระแม่ซันโตชิเป็นพระแม่อุมาอ่ะคับ


พระแม่ซันโตชิ (ซึ่งคนไทยเข้าใจผิดว่าเป็นพระแม่อุมาเทวี)


พระแม่อุมาเทวี (เคารีมาตา)

ปล.โปรดพิจารณาและแสดงความคิดเห็นด้วยคับ หากเป็นการดูหมิ่นหรือทำให้ใครเสียหายก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยคับ

โอม ศรี ซันโตชิ มาตา นะมะ
#22
พอดีไปเจอในยูทู๊บมาอันนึง น่าสนใจดีเลยเอามาลงให้คับผม

มาจากหนังเรื่องพระศิวะ (Om Namah Shivay)

เป็นพระแม่กาลราตรี(มหากาลี)เต้น ทานตวะ (Taandeva) หรือเต้นเพื่อทำลาย หลังจากปราบอสูรมหิษาสูร

นั่นเอง 

http://www.youtube.com/v/LID9-8YGdaw&feature=related
#23
ขุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ห้องนิทานตำนานภารตะ ทำไมเงียบหายไปเลยเนี่ยคับ

ไม่มีใครสนใจกันเลยหรอ ช่วยกันขุดหน่อยคับ

นิทานจะได้ไม่สูญไปคับ ขุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
#24
ผมเพิ่งลองวาดแรเงาดูอ่ะคับ

ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ แต่อยากให้พี่ๆได้ติชมกัน เลยเอามาลงไว้คับผม 







ไงช่วยติชมทีคับ ไว้จะเอามาลงให้ดูกันอีกคับผม

โอม ศรี เคารีปุตรายะ นะมะ

ขอบุตรแห่งพระเคารีจงเจริญ
#25
พระแม่ศักติ หรือชื่อเต็มๆว่า พระแม่ศักติศิวา หรือ พระแม่อธิปราศักติของชาวทมิฬ มีที่มาจากตำนานหลายๆตำนานว่า 

              เมื่อครั้งปฐมกัลป์ ในเวลานั้นมีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีสิ่งใดเลย ทุกหนแห่งอยู่ในความมืดมนอนธกาล พลันท่ามกลางความเงียบสงัดนั้นก็บังเกิดเสียงหนึ่งขึ้น เสียงนั้นเปล่งเป็นคำว่า โอม ดังก้องไปทั่ว และก็บังเกิดเป็นเทพองค์หนึ่ง แต่งกายเป็นฤาษี มี 5 พักตร์ 10 กร นามว่า พระสดาศิวะ และในเวลานั้นเอง พระสดาศิวะก็ทรงเปล่งถ้อยคำว่า ตรีภูอัมภวะ ภูชัม ก็บังเกิดพระแม่ศักติศิวาขึ้นจากกลางพระหทัยของพระสดาศิวะ และปรากฏเป็นพระเทวี มี 8 กร ทรงสิงโตเป็นพาหนะ ทั้งสองพระองค์ต่างสนทนากัน และก็เริ่มวางแผนสร้างสรรค์จักรวาลในเวลาต่อมา

              *ที่มาจากคัมภีร์ ศิวะมหาปุราณะ

รูปลักษณ์ของพระสดาศิวะ





รูปลักษณ์ของพระแม่ศักติศิวา










หวังว่าผู้อ่านคงจะทราบและเข้าใจถึงที่มาของพระแม่ศักติศิวาแล้วนะคับ 

ขอพระพรแห่งพระสดาศิวะและพระแม่ศักติศิวาจงสถิตกับสานุศิษย์ของพระองค์ตลอดไป

โอม นมัช ศิวายฺ

โอม อริม ฮีม กลีม จามุณฑายฺ วิชเจย์ นะมะ
#26
พอดีผมเห็นองค์ท่านแล้วอยากนำมาให้คนอื่นได้ชมบารมีท่านบ้าง เลยนำมาให้ดูกันคับ เป็นพระคเณศองค์แรกในชีวิตผมเลยคับ











บูชาตั้งกะผมอยู่ป.5 จนถึงบัดนี้ก็ประมาณ 8 ปีแล้วคับ
#27
ตามที่คุณ mandm ขอรูปพระแม่ปารวตีทรงสิงโตกับผมนั้น ผมได้รับข้อความแล้วคับ ลองดูนะคับว่าจะถูกใจคนที่ขอมาหรือป่าว





















รูปสุดท้ายนี้ ผมวาดลงสีเองคับ เป็นสีไม้ สวยไม่สวยก็ช่วยๆกันติชมด้วยนะคับ  ขอให้พระพรของพระแม่ปารวตีจงมีแด่ผู้เข้ามาชมทุกท่านคับ

โอม ศรี เคารีศักติ ปารวตี มาตา นะมะ
#28
ผมหาหนังสือเล่มนี้ไม่ได้ซักที เป็นหนังสือเกี่ยวกับเทวีของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู รบกวนพี่ๆน้องๆที่พอจะหาเจอช่วยลงให้ทีคับ ขอบพระคุณอย่างสูงคับ
#29
อยากได้รูปพระศิวะที่เป็นปางเสาไฟใหญ่ ตอนที่พระพรหมแปลงเป็นหงส์และพระวิษณุแปลงเป็นหมู่ป่าประลองฤทธิ์กันว่าใครเป็นพระผู้สร้าง อ่ะคับ  รบกวนช่วยลงให้ทีคับ ขอบพระคุณมากคับผม
#30
ศุภวารดิถีวันดีปาวลีมาถึง ผมก็เลยจัดหิ้งบูชาพระแม่ลักษมีใหม่ดูอ่ะคับ ไม่รู้เป็นไงบ้าง ถ้าไงพี่ๆน้องๆช่วยแนะนำด้วยนะคับ






พระนารายณ์ พระแม่ลักษมีคับ องค์ประธานบนหิ้งนี้คับ ด้านหลังจะมีรูปพระแม่ลักษมีคับ รูปนี้ผมบูชามาได้12ปีกว่าๆแล้วคับ






พระแม่สุรัสวดีคับ งามจริงๆเลย



พระแม่ลักษมี พระคเณศปางมยุเรศวรคับ


หม้อกลัศคับผม



หิ้งโดยรวมคับผม








ผมยังแต่งไม่ค่อยเก่งอ่ะคับ แต่ได้แค่นี้เอง ไงก็ช่วยติชมแนะนำกันด้วยนะคับ

สุขสันต์วันดีปาวลีคับผม  พระแม่ลักษมี จงเจริญ
#31
ผมงงอ่ะคับพี่ ผมอยากเปลี่ยนชื่อที่ใช้ในห้องเป็นภาษาไทย แต่เปลี่ยนไม่ได้อ่ะ 

ไม่รู้จะทำไงดี ไงพี่ๆช่วยชี้แนะผมทีคับ ขอบคุณล่วงหน้าคับผม
#32
ผมอยากได้รูปพระแม่ปารวตี พระแม่ลักษมี พระแม่สุรัสวดี แบบทั้งของทมิฬและก็แบบของอินเดียเหนือด้วยนะคับ

ช่วยลองให้ดูหน่อย ขอเยอะๆได้ก็ดีคับ ชอบคุณล่วงหน้าคับ
#34
พอดีผมไปเจอมาจากเว็บนึงคับ เลยเอามาฝากให้กับสาวกของพระแม่ลักษมีคับ เป็นพระนามทั้ง 108 พระนาม พร้อมความหมายของแต่ละพระนามด้วยคับ


มีพระนามและความหมายดังนี้

1.ปรากรุตี                      เทวีผู้เป็นธรรมชาติ
2.
วิกรุตี                        เทวีผู้งามดังรัตนชาติ

3.
วิทยา                       เทวีผู้ทรงภูมิปัญญา

4.
สรวาภูทาหิตาประดา          เทวีผู้ไม่ได้กำเนิดจากบิดามารดา

5.
ศรัทธา                     เทวีแห่งความภักดี

6.
วิภูติ                         เทวีแห่งความมั่งคั่ง

7.
สุรภี                         เทวีผู้เป็นท้องฟ้า

8.
ปรมัตมิกา                   เทวีผู้อยู่ในทุกหนทุกแห่ง

9.
วาจี                        เทวีผู้มีวาทะดังน้ำอมฤต                        

10.
ปัทมาลา                   เทวีผู้สถิตบนดอกบัว

11.
ปัทมา                     เทวีแห่งดอกบัว

12.
ศูชิ                         เทวีผู้บริสุทธิ์

13.
สวาหะ                     เทวีผู้มีรูปร่างอันเป็นมงคล

14.
สวาทา                             "

15.
สุตา                       เทวีผู้เป็นดังน้ำทิพย์

16.
ธัญญา                     เทวีแห่งความกตัญญู

17.
หิรัญมายี                  เทวีผู้บันดาลให้ปรากฏแห่งทอง

18.
ลักษมี                      เทวีแห่งความมั่งคั่ง

19.
นิตยาพูศตา                เทวีผู้ทรงกำลัง

20.
วิภา                       เทวีผู้งดงาม

21.
กัณฑา                     เทวีผู้เป็นชายาของพระวิษณุ

22.
กามัคชี                     เทวีผู้มีดวงตาอันงดงาม

23.
กมลาสัมภวา               เทวีผู้สถิตอยู่ในทุกอนูของดอกบัว

24.อนุกราประฑา               เทวีผู้ปรารถนาดีต่อปวงชน

25.
พุทธิ                      เทวีผู้ทรงปัญญา

26.
อนากา                     เทวีผู้ไร้มลทินทั้งปวง

27.
นวทุรกา                    เทวีผู้เป็นนวทุรกา (รูปศักติทั้งเก้า)

28.
หริวัลลาภี                   เทวีผู้เป็นชายาของพระหริ (วิษณุ)

29.
อโศกา                      เทวีผู้ไร้ซึ่งความโศกเศร้า

30.
อมฤตา                     เทวีผู้เป็นอมตะ

31.
ทีปา                       เทวีแห่งประทีป

32.
ลากาโศกาวินาสินี            เทวีผู้ทำลายความทุกข์โศก

33.
ธมานิลายา                 เทวีผู้เป็นนิรันดร์

34.
กรุณา                     เทวีผู้ทรงไว้ซึ่งความกรุณา

35.
โลกามาตรี                  เทวีแห่งจักรวาล

36.
ปัทมาปรียา                 เทวีผู้เป็นที่รักแห่งดอกบัวทั้งหลาย

37.
ปัทมาหัสตรา               เทวีผู้มีหัตถ์(มือ)เหมือนดอกบัว

38.
ปัทมาสยา                   เทวีผู้มีตางดงามเหมือนดอกบัว

39.
ปัทมาสุนทรี                เทวีผู้งดงามเหมือนดอกบัว

40.
ปัทโมภวา                   เทวีผู้เกิดจากดอกบัว

41.
ปัทมามุขี                  เทวีผู้ผุดขึ้นจากดอกบัวกลางพิธีเกษียรสมุทร

42.
ปัทมานาภาปรียา             เทวีผู้เป็นที่รักของ ปัทมานาภา(พระวิษณุ)

43.
รามา                      เทวีแห่งพระราม
44.
ปัทมามาลาธรา             เทวีผู้สวมมาลัยดอกบัว

45.
เทวี                        เทวีของปวงเทพ

46.
ปัทมินี                      เทวีแห่งดอกบัว

47.
ปัทมากันธินี                เทวีผู้มีกลิ่นกายหอมเหมือนดอกบัว

48.
ปัญญกัณฑา               เทวีผู้มีกลิ่นกายหอมของปัญญา

49.
สุปราสันนา                 เทวีผู้ร่าเริงและสดใสเสมอ

50.
ปราสดาภิมุขี               เทวีผู้ให้กำเนิดใหม่

51.
ประภา                     เทวีผู้มีรัศมีดังดวงอาทิตย์

52.
จันทราวทนา               เทวีผู้มีใบหน้ากลมงามดังดวงจันทร์

53.
จันทรา                     เทวีผู้งามดังดวงจันทร์

54.
จันทราสโฮดารี              เทวีผู้เป็นพี่สาวของพระจันทร์

55.
จตุรภุช                     เทวีผู้มี 4 กร

56.
จันทรรูป                   เทวีผู้มีรูปดังพระจันทร์

57.
อินทิรา                     เทวีผู้งดงาม

58.
อินทุศีตาลา                เทวีผู้มีพระทัยเย็นดุจดวงจันทร์

59.
อลาทาชนนี                 เทวีผู้เป็นมารดาแห่งความสุข

60.
พุทธิ                      เทวีแห่งสุขภาพ

61.
ศิวา                       เทวีแห่งความเป็นมงคล

62.
ศิวาการี                    เทวีแห่งสิ่งมงคลทั้งหลาย

63.
สัตยา                     เทวีแห่งความสัตย์จริง

64.
วิมาลา                     เทวีผู้มีวรกายงดงาม

65.
วิศวาชนนี                   เทวีผู้เป็นมารดาของจักรวาล

66.
พุทธิ                      เทวีผู้เป็นอำนาจของพุทธิ(สุขภาพ)

67.
ธาริทิยานาสินี               เทวีผู้ขจัดความยากจน

68.
ปรีตา ภุชการินี               เทวีแห่งความรื่นรมย์

69.
สัณฑา                     เทวีแห่งความสงบสุข

70.สุกลามาลามพรา             เทวีผู้แต่งกายและสวมมาลัยสีขาว

71.
ภาสการี                    เทวีแห่งแสงอาทิตย์

72.
พิลวานิลายา               เทวีผู้อยู่ภายในจิตใจของปวงชน

73.
วารารูฮา                   เทวีผู้ประทานพร

74.
วาสาสวินี                   เทวีแห่งชื่อเสียงเกียรติยศ

75.
วสุนทรา                   เทวีผู้เป็นบุตรีของพระแม่ธรณี (คราวที่ทรงอวตารเป็นสีดา)

76.
อุทารังกา                  เทวีผู้มีวรกายงดงาม

77.
ฮารินี                      เทวีผู้เยื้องกรายงดงามดังกวาง

78.
เฮมามาลินี                  เทวีผู้มีมาลัยดอกไม้สีทองอยู่บนพระศอ

79.
ธนาธัญญากี               เทวีผู้ประทานความั่งคั่ง

80.
สิทธิ                       เทวีแห่งความสำเร็จ

81.
โสมยา                      เทวีแห่งการสรงสนาน

82.
สุภาประทา                 เทวีผู้ประทานสิ่งมงคลทั้งหลาย

83.
นรุปาเวศวากาธันญา          เทวีผู้สถิตอยู่ในพระราชวัง

84.
วราลักษมี                   เทวีผู้โปรดปรานความมั่งคั่ง

85.
วาสุประทา                  เทวีผู้ประทานปัญญา

86.
สุภา                       เทวีผู้เป็นมงคล

87.
หิรัญญาประกา              เทวีผู้มีรัศมีเป็นทอง

88.
สมุทราธันญา               เทวีผู้เป็นธิดาของพระสมุทร (คราวที่กำเนิดจากพิธีกวนเกษียรสมุทร)

89.
ชยา                       เทวีแห่งชัยชนะ

90.
มังคลา                     เทวีแห่งความเป็นมหามงคล

91.
เทวี                        เทวีแห่งปวงเทพ

92.
วิษณุวาคสา                เทวีผู้สถิตในพระทัยของพระวิษณุ

93.
วิษณุปัตนี                   เทวีผู้เป็นชายาของพระวิษณุ

94.
ปราสันนากษี               เทวีผู้มีดวงตางดงาม

95.
นารายณา สามัสริตา          เทวีผู้สถิตอยู่ในพระนารายณ์ (วิษณุ)

96.
ทาริทตียา                   เทวีผู้ทำลายความยากจน

97.
เทวี                        เทวีแห่งปวงเทพ

98.
สรวาปาทราวานิวารีนี         เทวีผู้สถิตในสรวงสวรรค์

99.
มหากาลี                   เทวีผู้ปราบอสูรในรูปดุร้าย

100.
พรัหมา วิษณุ ศิวัตมิกา       เทวีผู้เป็นที่รักของพระพรัหมา พระวิษณุ พระศิวะ
101.
ตรีกาลา                  เทวีผู้อยู่ในภพทั้งสาม

102.
ภูวเนศวรา                 เทวีผู้เป็นใหญ่ในจักรวาล
103.โลกมาตา                  เทวีผู้เป็นมารดาของโลก
104.กษิราธิธัญญา             เทวีผู้เป็นธิดาของพระสมุทร
105.ปัทมาวตี                   เทวีผู้ทรงไว้ซึ่งดอกบัว
106.เคารี                     เทวีผู้มีกายสีทอง
107.วิษณุปรียา                เทวีผู้เป็นที่รักของพระวิษณ
108.ศังกรีลักษมี               เทวีผู้ประทานโชคลาภอันยิ่งใหญ่
ถ้ามีข้อผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคับ หวังว่าคงจะถูกใจสาวกของพระแม่ทุกคนนะคับ

ขอให้มีความสุข ให้พรของพระแม่อยู่กับสาวกของท่านตลอดไปคับ

โอม ศรี มหาลักษมี กีเจ นะมะ

#35
รูปพระแม่ศักติศิวา ผมวาดและลงสีเอง เป็นไงบ้างคับ ไงช่วยติชมกันด้วยนะคับ ผมจะได้เอาไปปรับปรุง และคราวหน้าจะเอารูปมาลงให้ได้ดูกันอีกคับ
ผม



โอม อริม ฮรีม ครีม ดูรกา วิชเจย์ นะมะ
พระแม่ศักติศิวา จงเจริญ