Loader
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - ramadas

#81
ขอบคุณน้องหยวนนะครับ สำหรับกำหนดการแห่พระปีนี้ ตรงกับวันอาทิตย์เสียด้วย คงได้มีโอกาสร่วมกับพรรคพวกเพื่อนฝูง ตั้งโต๊ะรับพระเพื่อเป็นสิริมงคลสำหรับชีวิตอีกครั้ง 
โต๊รับพระของผมและเพื่อนๆ เมื่อปี 2551 ครับ


#82
ขอบคุณมากครับ  ผมโหลดเพลงที่คุณอักษรชนนีได้กรุณาโพสไว้แล้วครับ เผื่อได้มีโอกาสนำไปใช้ในงานนวราตรีปีนี้ด้วยครับ และก็ขอขอบคุณท่านอื่นๆด้วยนะครับ ได้รับความรู้มากเลยครับ ขอโพสพิธีแห่พระวิษณุที่วัดในสิงคโปร์มาให้ชมกันอีกแห่งนะครับ
http://www.youtube.com/v/M7y9YNCzYiE
#83
เห็นในยูทูปก็เลยสงสัยว่า วัดในอินเดียใต้จะมีการแห่ลักษณะนี้ คือว่า แบบโยกไปโยกมาเดินหน้า ถอยหลังกลับไปๆมาๆ โยกยิ่งแรงยิ่งดี ก็อยากทราบครับว่าทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยครับ แต่วัดแขกของเราก็อินเดียใต้เหมือนกัน ไม่เห็นแห่แบบนี้เลยครับ  อ้อ เพลงที่ใช้ประโคมเวลาแห่นี้ เห็นใช้กันทุกวัดเลย อยากทราบว่ามีชื่อว่าอะไรครับไพเราะมาก มีข้อห้ามในการประโคมหรือเปิดฟังในที่อื่นนอกจากเทวสถานหรือไม่ครับ   ต้องรบกวนปรมาจารย์ในบอร์ดนี้ขอความรู้ประดับสมองหน่อยละครับ ขอบคุณครับ
[/FLASH]http://www.youtube.com/v/E3vg0uzbv9E
#84
ผมว่าลองช่วยกัน search ใน wiki ดูดีกว่า ผมก็อยากรู้เหมือนกัน ถ้าเป็นเรื่องที่ศาสนาฮินดู กล่าวถึงจริง ก็ต้องปรากฏข้อมูล ที่เป็นสากล เน้นว่าสากลบ้างไม่มากก็น้อยละครับ เพราะคนนับถือศาสนาฮินดูในอินเดียก็กว่า 900 ล้านคน ไม่นับในนานาประเทศอีก ตีซะว่าอีก 100 ล้านคน รวมเป็น 1000 ล้านคน คงไม่มีแต่กลุ่มคนในเมืองไทยละกระมังที่รู้จักตำนานนี้ ครับ
ลองสะกดเป็นภาษาอังกฤษดูครับ ผิดพลาดแนะนำด้วยครับ

1.พระแม่มหากาลี(อุมา) - mahakali
2. พระแม่ไวษณริกาลี(ลักษมี) - vishnarikali
3.พระแม่กายาอัมมาซักกาลี(กายาตรี)   - gayammachakali
4.พระแม่สรัสกาลี(สุรัสวดี) - saraskali
5.พระแม่ตัสสิรัสวรัมกาลี(ตุลสี) - tulsiraswaramkali
#85
มาต่อด้วยภาพของคณะพราหมณ์และพิธีกรรมของวัดนี้กันครับ (ใครพอทราบว่าเป็นพิธีใดบ้าง ช่วยชี้แนะด้วยครับ เพราะรูปเหล่านี้อยู่ในเวปไซด์ของทางวัดแต่มิได้ระบุรายละเอียดครับ)

















#86
ลองค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับวัดพระแม่มีนาคชีที่เมืองมาดูไร มาแบ่งปันกันครับ แปลโดยสรุปจาก wikiแล้วก็  http://www.maduraimeenakshi.org   ครับ ส่วนพระประวัติองค์พระแม่มีนาคชีนั้น จำได้ว่าท่านหริทาสเคยนำเสนอโดยละเอียดแล้วครับ



วัดพระแม่มีนาคชิ สุนทเรศวร  เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ของศาสนาฮินดู ตั้งอยู่ ณ เมืองมาดูไร อันศักดิ์สิทธิ์แห่งรัฐทมิฬนาดู สาธารณรัฐอินเดีย  ศาสนสถานแห่งนี้สร้างอุทิศให้แก่พระศิวะ
(ในรูปของพระสุนทเรศวร ) และองค์พระแม่ปราวตี (ในรูปของพระแม่มีนาคชิ) 





ศาสนสถานแห่งนี้เปรียบเสมือนหัวใจและชีวิตชีวาของเมืองมาดูไรที่มีอายุยาวนานกว่า 2500 ปื   ด้านในของศาสนสถานแห่งนี้ประกอบไปด้วยโคปุรัมที่สำคัญจำนวน  14 หลัง ซึ่งรวมถึงโคปุรัมทองคำ 2 หลัง อันเป็นสถานที่ประดิษฐานองค์เทวรูป  ซึ่งได้รับการตกแต่งและลงสีอย่างงดงาม





สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับชาวทมิฬ และปรากฏหลักฐานที่กล่าวขานถึงสถานที่แห่งนี้อยู่ในวรรณกรรมโบราณของทมิฬอีกด้วย แม้ว่าโครงสร้างปัจจุบันจะน่าเชื่อว่าเป็นอาคารที่ก่อสร้างภายหลังในช่วงปี ค.ศ. 1600 ก็ตาม ศาสนสถานแห่งนี้ตั้งอยู่ในกลางเมืองมาดูไร ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงและหอคอย มีพื้นที่เป็นรูปสี่เหลี่ยม และเป็นวัดเพียงไม่กี่วัดในรัฐทมิฬนาดู
ที่มีประตูทางเข้าทั้ง 4 ด้าน   












ศาสนสถานแห่งนี้มีพื้นที่ประมาณ 45  เอเคอร์ เอเคอร์ (180,000 ตารางเมตร) ตัวอาคารอันมหึมามี ขนาดกว้าง 237 เมตร   ความยาว 254 เมตร ล้อมรอบด้วยหอคอย 12 หอ ซึ่งหอคอยด้านใต้เป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุด มีความสูงถึง 52 เมตรภายในศาสนสถานแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานเทวรูปจำนวนหลายพระองค์   สถานพระศิวะนั้นตั้งอยู่ ณ ใจกลางวัด   ส่วนด้านนอกเป็นที่ประดิษฐานเทวรูปพระคเนชขนาดใหญ่ แกะสลักจากหินก้อนเดียว และยังมีวิหารของพระคเนศขนาดมหึมาทรงพระนามว่า พระมุขุรุณีวินายัก  ซึ่งเชื่อกันว่าได้ขุดค้นพบในขณะที่มีการก่อสร้างสระน้ำในบริเวณพื้นที่ของวัด   
ส่วนที่ประดิษฐานพระแม่มีนาคชีนั้นตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของสถานพระศิวะ (มีต่อครับ)


#87
ขอบคุณครับสำหรับคำติชม เนื่องจากวันนั้นยุ่งทั้งวัน ไม่ได้มีโอกาสออกไปซื้อดอกไม้เลย  ก็เลยเดินๆหาดอกไม้ในบริเวณบ้าน ได้ดอกชวนชม ดอกพุธและดอกโมกนิดหน่อย แต่โชคดีที่ต้นมะตูมที่ปลูกไว้แตกใบอ่อนทั้งต้น ก็เลยเน้นที่ใบมะตูมแทนครับ องค์พระนี้ได้มาแต่อินเดียตั้งแต่เรียนมัธยมต้น ประมาณปี 2530 โน่น  นึกๆไปแล้วเราก็แก่แล้วนี่หว่า 555
#89
บูชาพระศิวะคืนนี้จัดเล็กๆที่ระเบียงห้องครับ โอม นมัช ฉิวายะ  ความสันติจงมีแด่ทุกท่านนะครับ



#91
ขอนำรูปขั้นตอนพิธีของมหาวิหารแห่งนี้มาให้ชมครับ






พิธีวางศิลาฤกษ์


หินศิลาฤกษ์ที่ใช้วางก้นหลุม


สรงอภิเษกกาลัศ สำหรับประดิษฐานบนยอดวิหาร


การเคลื่อนย้าวมุรติ


บรรจุสิ่งศักดิ์สิทธืใต้ฐานมูรติ


ประดิษฐานมูรติ



สรงน้ำอภิเษกมูรติ










มูรติพระเป็นเจ้าทั้ง 8 องค์ที่คุณ shakthi_avataram ได้กรุณาโพสไว้ให้ชมนั้น ล้วนประดิษฐานในมหาวิหารแห่งนี้ครับ

ผิดพลาดประการใดโปรดแนะนำด้วยนะครับ
#92

ขออนุญาตนำข้อมูลมาเสริมด้วยคนนะครับ  มูรติเหล่านี้ประดิษฐานอยู่ในมหาวิหาร อรรคฌาฎฑาม (Akshardham) (ไม่ทราบว่าออกเสียงถูกต้องหรือเปล่านะครับ)  ณ ริมฝั่งแม่น้ำยมุนา กรุงนิวเดลฮี  สาธารณรัฐอินเดีย มหาวิหารแห่งนี้เป็นที่กล่าวขวัญกันมากถึงความงดงามและยิ่งใหญ่ ด้วยความสูง 141.3 ฟุต  กว้าง 316 ฟุต ความยาว 356 ฟุต  ทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 2005  วัสดุที่นำมาใช้ในการก่อสร้างเป็นหินสีชมพูและหินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์  หินสีชมพูหมายถึง การภักดีในความงามอันเป็นนิรันดร์ ส่วนหินอ่อนสีขาวหมายถึงความบริสุทธิ์ และความสงบอันนิรันดร 
มหาวิหารสร้างขึ้นโดย ท่านประมุข สวามี มหาราช เพื่อเป็นไปตามเจตนารมณ์ของคุรุของท่าน คือ ท่านพรัมมาสวาราพ โยคิจี มหาราช (Brahmaswarup Yogiji Maharaj)  ซึ่งเป็นผู้สืบทอดทางจิตวิญญาณลำดับที่ 4 ของท่าน ภควาน สวามีนารายัน  มหาวิหารแห่งนี้ใช้เวลาก่อสร้างเพียง 5 ปี โดยใช้แรงงานกว่า 11,000 คน   แปลคร่าวๆจาก www.akshardham.com ครับ

#93

ไม่ค่อยได้โพสต์ แต่ติดตามข่าวคราวมาตลอดครับ
ขอพระเป็นเจ้าโปรดประทานความเมตตาและปกปักษ์รักษาสมาชิกในบอร์ดนี้ทุกๆท่านด้วยครับ
#94

วัดวิษณุบาท เมืองพุทธคยา ครับ  (ภาพจาก www.liveindia.com/ganga/patna.html)
#95
ในเวป http://www.mahashivratri.org/when-is-shivaratri.html
เขาบอกว่าเป็นวันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2010 นี่ครับ ลองดูนะครับผม
#96
บรรยากาศรอบๆๆ ที่สำหรับพระสวดพระปริตร
#97
สายสิญจน์ที่แจกในงานครับ
#99
ด้านล่างสำหรับประชาชนนั่งฟังพระปริตร
#101
วันนี้ได้โอกาสไปช่วยงานสมโภชพระมณฑปที่สร้างสำหรับประดิษฐานพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร ซึ่งทำจากทองคำแท้ หนักถึง 5 ตัน (5000 กิโล) สร้างตั้งแต่สมัยสุโขทัย แต่ได้พอกปูนหุ้มไว้ จนมาประมาณ พ.ศ. 2500 ปูนได้กระเทาะออก จึงได้ทราบว่าทำด้วยทองคำเนื้อเจ็ด ซึ่งถือว่าบริสุทธิ์มาก พระองค์นี้ มีกล่าวไว้ในศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงว่า "ในพิหารมีพระทอง " แต่ไม่เคยมีใครทราบว่าอยู่ที่ไหน สันนิษฐานว่าเมื่อคราวอยุธยาแตก พระองค์นี้ยังคงพอกปูนอยู่ที่สุโขทัย ต่อเมื่อรัชกาลที่ 1  ได้ทรงกอบกู้บ้านเมืองแล้ว ได้โปรดเกล้าให้อัญเชิญพระพุทธรูปตามหัวเมืองเข้ามายังกรุงเทพ เพื่อให้ราษฎรได้มีพระได้กราบไหว้บูชา เนื่องจากตอนบ้านเมืองแตกนั้นพระพุทธรูปต่างๆในพระนครถูกข้าศึกทำลายเสียจนสิ้น จึงคาดว่า หลวงพ่อทองคำ คงได้เข้ามายังกรุงเทพ คราวที่รัชกาลที่ 1 ได้รวบรวมพระพุทธรูปตามหัวเมืองมา นั่นเอง
ต่อมาประมาณปี 2500 ได้เกิดปูนกะเทาะออกเนื่องจากการเคลื่อนย้าย จึงทราบว่า องค์พระด้านในเป็นทองคำบริสุทธิ์  และพระทองคำก็ได้ประดิษฐานที่วัดไตรมิตรเรื่อยมา  ต่อมารัฐบาลได้จัดสร้างพระมณฑปเพื่อประดิษฐานองค์พระทองคำขึ้น เเล้วเสร็จจึงจัดงานฉลองขึ้น ตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม จนถึงคืนวันที่ 31 ธันวาคมนี้ ในทุกคืนจะมีการสวดพระปริตร 12 ตำนาน โดยพระสงฆ์ 1,250 รูป  โดยเฉพาะในคืนวันสิ้นปี 31 ธันวานี้ จะมีสวดข้ามคืน ถึง ตี 1 และสวดนพเคราะห์ด้วยครับ
เอ้า เชิญชมรูป ต่อไปครับ
#102
ขอบคุณมากครับ ได้ความรู้มากมาย
#103




ห้องพระที่บ้านคับ


พระคะเนชครับ


หิ้งพระมหากษัตริย์ครับ



#104
วันนี้ได้ไปไหว้พระที่วัดแขกมาครับ รู้สึกว่าอยากจะชาร์ตแบตให้กับตัวเองนิดหน่อย แวะไปหลังเลิกงาน ได้มีโอกาสนั่งในวัดนานกว่า 2 ชั่วโมง รู้สึกดีมากขึ้นจริงๆ ในระหว่างนั้นก็ได้สังเกตุสิ่งต่างๆรอบตัวที่เกิดขึ้นได้หลายอย่างครับ

- ในการบูชาพระเป็นเจ้านั้น พราหมณ์จะวางกำยานบนถ่านไม้ที่ติดไฟ (แบบถ่านหุงข้าว) ไม่ใช้การจุดไฟที่กำยาน

- อาหารที่ถวายพระเป็นเจ้าวันนี้เป็นโรตี องค์ละ 2 แผ่น ก็เลยนึกเอาเล่นๆว่าถ้าเราเอาข้าวหุงสุกถวายบ้างก็น่าจะได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นขนมหวานเสมอไปมั้ง 

- อาหารที่ถวายจะวางบนใบตองเสมอ และต้องปิดไว้จนกว่าจะถึงเวลาถวาย การถวายนั้น พราหมณ์ จะเริ่มจากถวายกำยาน ถวายไฟ ถวายอาหารโดยการพรมน้ำบนอาหาร แล้วถวายกล้วยโดยการพรมน้ำและโยนดอกกุหลาบอีก 1 ดอกถวาย จบท้ายด้วยการถวายไฟอีกครั้ง

- วันนี้เป็นวันพุธ  ที่ซุ้มพระประจำวันมีของดำ(ขนมเปียกปูน)หนึ่งพานถวายพระราหูด้วย

- ที่บนหน้าบันเทวาลัยด้านใน เหนือประตูคูหาพระศรีอุมาเทวี ประดิษฐานรูปปั้นพระลักษมี ปางคชลักษมีที่มีช้าง 2 ตัว ขนาบข้าง ก็เลยสงสัยว่าทำไมถึงเป็นพระลักษมีครับ

- ตอนพราหมณ์เริ่มบูชาพระคะเนช พราหมณ์ยกมือ 2 ข้างเคาะด้านข้างศรีษะหลายครั้ง ทำไมอะครับ

- เวลาคนอินเดียจะรับการเจิมหน้าผาก เขาจะเอามือข้างนึงจับท้ายทอยไว้ด้วย

- ขณะเดินประทักษิณ เห็นรถแห่คันใหญ่จอดในโรงด้านหลัง แล้วคันอื่นๆละครับ (อีก 4 คันมั้ง) ไว้ที่ไหนหรอ

- รอบอาคารเทวาลัย มีเทวรูปหินดำขนาดเล็กประดิษฐานเป็นระยะ รอบทิศ คงไม่ใช่เพื่อความสวยงาม แต่คงมีคติอะไรบางอย่างมั้งครับ


ก็แค่สงสัยตามประสาคนอยากรู้อะครับ
#105
ผมเคยเห็นที่วัดแขกสีลม มีเทวรูปพระคะเนชหินดำองค์เล็ก (หน้าตักประมาณ 3 นิ้ว) ให้เช่าบูชาด้วยอะครับ ราคา 1,000 กว่าบาท   ก็เลยสงสัยครับว่าถ้าการนำเทวรูปหินดำเข้าบ้านเป็นสิ่งต้องห้ามแล้ว ทำไมที่วัดแขกซึ่งเป็นวัดของทมิฬถึงมีให้เช่าบูชาด้วยอะครับ  หรือว่าถ้าเป็นขนาดเล็กแล้วไม่เป็นไรครับ

เพียงแค่สงสัยครับผม ขอบพระคุณครับ
#107
เป็นกิจกรรมน่าสนใจมากครับ ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลดีๆ เช่นนี้
แหม จัดที่ทำงานเก่าของผมพอดี จะได้ถือโอกาสไปเยี่ยมเยียนด้วยเลย
ไว้เจอกันนะครับ


#110
ได้ความรู้มากครับ ขอบคุณครับ น่าจะมีบริษัททัวร์จัดไปแสวงบุญนะครับ น่าสนใจมาก
โอมนมัชฉิวายะ..
#111
แล้วเทวรูปโลหะละครับ
#114
อ้าว นั่นมันรูปผมนี่ ครับ
ใครหว่า ...?
#116
แต่งองค์พระงามมากคับ ถ้าไม่รบกวนเกินไป อยากให้ช่วยแต่งองค์พระแม่ทีละสเตปให้ชมหน่อยอะคับ  ขอบคุนครับ