Loader

ใครพอจะทราบบ้างภาพนี้เป็นพระองค์ไหนคะ

Started by เทวาเหนือเกล้า, December 17, 2009, 23:53:18

Previous topic - Next topic

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

พี่น้องค๊า!!!  พอจะทราบไหมคะ ว่าภาพนี้คือพระองค์ไหนคะ หรือว่าใคร ตอบหน่อย เถ๊อะ อยากรู้มากมายค่ะ

สุ จิ ปุ ลิ  ขาด สักข้อ ก็ไม่ครบการเป็นปราชญ์

ปราชญ์ที่ดีต้องเป็นผู้ฟังมากกว่า พูด พูดในสิ่งที่สมควรพูด

ผู้ที่ฉลาดแท้จริง ฟัง มากกว่าพูด เพราะถ้าเรารู้ไม่จริง หรือไม่หมดก็จงอย่าพูด

เพราะเมื่อเปิดปากออกมา เมื่อนั้นได้แสดงความโง่ออกมาโดยไม่รู้ตัว

คนเก่งจริง ต้องเรียนรู้เสมอว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือตัวเรายังมีคนที่เก่งกว่า จงถ่อมตนเสมอ จงเป็นผู้ให้เสมอ


ในเบื่องต้นผมคิดว่าน่าจะเป็น ทศกัณฐ์นะครับ  ข้างล่างว่าไงครับ????
                                 
                                       

ผมไม่รู้น่ะครับแต่อยากรู้ อยากรู้จักเพื่อนๆด้วยขอโพสหน่อยนะครับ

เจมส์ซิโน  nattawut_ch1@hotmail.com
เจมส์ซิโน 

อื่ม อยากรู้ เหมือน กัน คร้าฟ ไม่ค่อยได้เห็น ใครรุ้ ช่วยรีบ บอกกันด้วยคร้าฟผ้ม ..

เป็นภาพของ "ราวัณ" ในรามายณะของอินเดีย  หรือก็คือ "ทศกัณฐ์" ในรามเกียรติ์ของไทยครับผม ^_^
.
.


ขอโทษนะครับถามหน่อย ผมนับได้ 9 หน้าเองน่ะครับ
เจมส์ซิโน 

อ่ะ  เข้าใจร่ะ  ขอบคุณมากคร้าฟ ผ้ม

ยืนยันนั่งยันนอนยันอีกคนครับ เป็น ราวณะ หรือ ราวัณ หรือ ทศกัณฐ์ บ้านเรานี่แหละครับ

แต่บางทีคนวาดหรือผู้สร้างผลงาน ก็วาดเป็นเก้าเศียรก็มี สิบก็มี บางที สิบเอ็ดยังมีเลยครับ



นับดีๆ ครับภาพด้านบนมีตั้งสิบเอ็ดเศียร



ภาพนี้ สิบเศียรครับ




ทศกัณฐ์ศิลปะเขมร ที่ปราสาทบันทายสรี


เป็นเรื่องรามายณะตอน ทศกัณฐ์ขย่มไกรลาศ

ทศกัณฐ์เหิมเกริม ขึ้นไปป่วนเขาไกรลาศ แล้วเจอนนทิ แล้วทศกัณฐ์หัวเราะว่ารูปร่างเหมือนลิง นนทิเลยแช่งว่าต่อไปนี้ขอให้ตายด้วยฝีมือลิง แล้วทศกัณฐ์มันขย่มเขาไกรลาศ แล้วพระศิวะตกใต พวกเทพแถวๆนั้นเลยทูลว่าทศกัณฐ์มันขย่มเขาไกรลาศ พระศิวะเลยเอาพระบาทกดภูเขาไว้ แล้วทศกัณฐ์ติดอยู่อย่างนั้น ออกไม่ได้ และร้องด้วยความเจ็บปวด เลยได้ชื่อว่า"ราวณะ"หมายถึง ร้อง เลยสวดบูชาพระศิวะให้หายพระกริ้ว จนท่านใจอ่อน ยอมประทานพรให้มัน

http://en.wikipedia.org/wiki/Ravana
ที่มาของชื่อราวณะ

Following his conquest of Lanka, Ravana encountered Shiva at his abode in Kailash. Here Ravana attempted to uproot and move the mountain on a whim. Shiva, annoyed by Ravana's arrogance, pressed his littlest Toe on Kailash, pinning him firmly and painfully under it. His ganas informed Ravana of whom he had crossed, upon which Ravana became penitent. He composed and sang songs praising Shiva, and is said to have done so for years until Shiva released him from his bondage.
Pleased with his resilience and devotion, Shiva gave to him the divine sword Chandrahas ("Moon-blade"). It was during this incident that he acquired the name 'Ravana', meaning "(He) Of the terrifying roar", given to him by Shiva - the earth is said to have quaked at Ravana's cry of pain when the mountain was pinned on him. Ravana in turn became a lifelong devotee of Lord Shiva and is said to have composed the hymn known as Shiva Tandava Stotra.

แต่ในรามเกียรติ์บอกว่า ยักษ์วิรูปักษ์ขึ้นไปนมัสการพระศิวะบนเขา แล้วกราบบันไดทีละขั้น ตุ๊กกี้เห็น เลยร้องด้วยความตลก ยักษ์โมโหเลยปาสังวาลใส่ตุ๊กกี้ ตั้งแต่นั้น ตุ๊กกี้เลยหน้าหักๆ ไม่สมส่วน อิอิ

ล้อเล่นนะครับ

ระหว่างทาง ตุ๊กแกมันร้องด้วยความตลก ยักษ์เลยเอาสังวาลปาตุ๊กแกที่เกาะที่เขาไกรลาศ ผลคือปาแล้วเขาไกรลาศมันเอียง เลยวุ่นทั้งบริวารแถวนั้น ให้เทพมาจัดเขาเหมือนเดิมแต่ทำไม่ได้ และทศกัณฐ์อาสาทำภูเขาให้ตรง และทำได้ครับ

พระศิวะปางนี้เรียกว่า ราวณานุเคราะห์

จริงๆ แล้วราวัณนี่บูชาพระศิวะมากมายครับ

บ้างก็ว่าตอนเกิดมาแรกเนี่ย ราวัณไม่ได้มีสิบเศียรมาตั้งแต่เกิดนะครับ

แต่ว่าราวัณอยากมีอำนาจ มีพลัง และเป็นอมตะ จึงบูชาต่อพระศิวะ จนกระทั่งบูชาไปตัดหัวตัวเองไปสิบครั้ง

พระศิวะจึงปรากฎพระวรกายครับ เพื่อประทานพรครับ

ทั้งนี้ทั้งนั้นยังได้บูชาศิวลึงค์ จนไม่สามารถมีผู้ใดทำร้ายทำลายราวัณได้ครับ

ด้วยเหตุนี้ จึงเชื่อกันว่าใครบูชาศิวลึงค์หรือพระศิวะจะพ้นจากทุกข์และโพยภัยทั้งปวงครับ

จนกระทั่งพระเคนชแปลงร่างเป็นกุมารน้อย ไปหลอกให้ทศกัณฑ์ทำลายศิวลึงค์ครับ

จนสุดท้ายราวัณสิ้นใจตายครับ ด้วยฝีมือของพระรามครับ

***********************************************
ปุราณะช่างผูกๆๆๆ เรื่องราวได้ยิ่งใหญ่และอลังการมากครับผม เพราะเยอะมากมาย
และสอดคล้องต้องกันในทุกเรื่องราวครับ

เอ พี่ยีนส์คะ  ใช่ตำนานที่ว่า พระศิวะทรงคลายความพิโรธจากการที่ทศกัณฐ์ได้มาลองดีพรของพระองค์โดยการยุยงของมหามุนีเทพนารัทมุนี

โดยแนะนำให้ยกเขาไกรลาศแล้ว จึงได้ทรงอนุญาตให้ทศกัณฐ์นำศิวะลึงค์ของพระองค์ไปบูชาที่กรุงลงกา เนื่องจากทศกัณฐ์ทูลเชิญเสด็จพระองค์แต่

ด้วยพระแม่มหาอุมาเทวีได้ทรงห้ามไว้จึงได้ให้ศิวะลึงค์ไปแทน แต่มีข้อแม้ว่าก่อนกลับไปถึงกรุงลงกาห้ามให้ศิวะลึงค์อยู่บนผืนดินโดยเด็ดขาด แต่เหล่า

เทพเล็งเห็นความเดือดร้อนที่จะเกิด จึงได้ไปกราบทูลพระคเณศเพื่อขอความช่วยเหลือ พระคเณศทรงแปลงเป็นเด็กเลี้ยงวัวและบันดาลให้ทศกัณฐ์ปวด

ท้องหนัก ทศกัณฐ์พยายามจะหาที่ปลดทุกข์ เมื่อได้พบกับเด็กเลี้ยงวัวจึงได้ฝากศิวะลึงค์ไว้กับเด็กเลี้ยงวัวโดยกำชับมิให้ วางลงบนพื้นดิน

แต่พอทศกัณฐ์คล้อยหลัง เด็กเลี้ยงวัวก็ได้ วางศิวะลึงค์ลงกับพื้นดิน เมื่อทศกัณฐ์กลับมาก็โมโหโกรธาหนักหนา ได้ว่ากล่าวเด็กเลี้ยงวัว

และพลางพยายามที่จะยกศิวะลึงค์ขึ้นแต่ทำอย่างไรศิวะลึงค์ก็ยกจากพื้นดินไม่ได้ จึงต้องกลับกรุงลงกาไปแบบมือเปล่า แต่ต่อมาก็ยังได้สร้าง

รูปปั้นองค์พระศิวะมหาเทพ ไว้ในท้องพระโรงและทำการบูชามิได้ขาดแทน  ถูกผิดประการใดขออภัยด้วยนะคะ รู้สึกว่าแก่แล้วชักลืมแระ อิอิ

โอม ชัยยะ รามา
สุ จิ ปุ ลิ  ขาด สักข้อ ก็ไม่ครบการเป็นปราชญ์

ปราชญ์ที่ดีต้องเป็นผู้ฟังมากกว่า พูด พูดในสิ่งที่สมควรพูด

ผู้ที่ฉลาดแท้จริง ฟัง มากกว่าพูด เพราะถ้าเรารู้ไม่จริง หรือไม่หมดก็จงอย่าพูด

เพราะเมื่อเปิดปากออกมา เมื่อนั้นได้แสดงความโง่ออกมาโดยไม่รู้ตัว

คนเก่งจริง ต้องเรียนรู้เสมอว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือตัวเรายังมีคนที่เก่งกว่า จงถ่อมตนเสมอ จงเป็นผู้ให้เสมอ



ทศกัณฐ์เคยรบกับท้าวอรชุนตั้งแต่ปรศุรามาวตาร และท้าวอรชุนเคยจับทศกัณฐ์ได้ ท้าวอรชุนมี1000มืออะ ทศกัณฐ์มันมีแค่20มือ จนท้าวจตุรพักตร์ต้องไปหาท้าวอรชุน แกเลยปล่อยตัวทศกัณฐ์เพราะเกรงใจท้าวจตุรพักตร์

ในมหาภารตะ ทศกัณฐ์มาเกิดเป็น"ศิศุปาล"

ตอนแรกทศกัณฐ์บูชายัญ10000ปี เพื่อขอพรพระพรหม และทุกๆ1000ปีตัดหัวสังเวย1หัว จนเหลือหัวสุดท้าย พระพรหมปรากฏตัว และให้ขอพร มันขอว่าไม่ว่าเทพ อสูร สัตว์ ก็ฆ่าไม่ตาย พระพรหมประทานพรให้

แต่ทศกัณฐ์ไม่ได้ขอว่าไม่ให้ตายด้วยมนุษย์ เพราะมันคิดว่ามนุษย์ทำไรมันไม่ได้

และสุดท้าย คือหัว9หัวที่เผาลงกองไปคืนให้ทศัณฐ์

........

ตอนนั้นคนที่ทำพิธีบูชายัญ มีทศกัณฐ์ พิเภก กุมภกรรณ

และพระพรหมให้พรพิเภกให้เป็นอมตะด้วยครับ

ถ้าตามวิษณุปุราณะ จะเป็นอย่างที่ท่านปลาวาฬกล่าวครับ

แต่บางตำนานกล่าวว่า ราวัณบูชาต่อองค์พระศิวะมามากกว่าพันๆ ปี แต่พระศิวะกลับไม่มาปรากฎพระวรกายต่อหน้า
เลยลงมือตัดหัวตัวเองออกครับ จนถึงหัวที่ 10 จึงพระศิวะจึงได้ปรากฎพระองค์ขึ้น ราวัณขอพลังอำนาจ และศิลปะวิทยาด้าน
อาวุธให้ไม่เป็นลองใครในสามโลกครับ

จากนั้นจึงบูชาต่อพระพรหมเทพอีกหมื่นปีครับ จากนั้นก็เป็นไปอย่างที่ท่านปลาวาฬกล่าวครับ

สรุปได้สิบหัวมาจากพระพรหม
แต่หัวสิบหัวหายพระบูชาต่อพระศิวะ

กว่าจะประทานพร เล่นเอาหัวขาดไปเก้าหัว หุๆๆๆๆ

ผมสังเกตว่า อสูรและยักษ์ตัวไหนที่มันตายยากตายเย็น เกือบจะเป็นอมตะ พระพรหมเป็นผู้ประทานพร
เพราะพระพรหมเป็นผู้ลิขิต ว่าจะตายด้วยมือใคร และโดนฆ่าตายด้วยอะไร

ส่วนพระศิวะ จะให้พรเรื่องอิทธิฤทธิ์มากกว่า และอสูร ยักษื ตนไหนที่มันมีฤทธิ์มาก พระศิวะประทานพรให้

แล้วพวกอสูร ยักษ์ ส่วนมากบูชาพระศิวะ ถ้าทีถ้ามันขอพรให้อายุยืน ตายยาก ท่านจะบอกให้บำเพ็ญต่อพระพรหม

พี่ยีนส์จ๋าพี่ชาย แนทว่าแนทไปหา รามาวตาร มาอ่านเลยดีกว่าเน๊อะง่ายดีอ่ะ พี่ยีนส์พอจะมีลิ้งค์ไหมคะ รบกวนพี่ยีนส์หน่อยค่ะ
สุ จิ ปุ ลิ  ขาด สักข้อ ก็ไม่ครบการเป็นปราชญ์

ปราชญ์ที่ดีต้องเป็นผู้ฟังมากกว่า พูด พูดในสิ่งที่สมควรพูด

ผู้ที่ฉลาดแท้จริง ฟัง มากกว่าพูด เพราะถ้าเรารู้ไม่จริง หรือไม่หมดก็จงอย่าพูด

เพราะเมื่อเปิดปากออกมา เมื่อนั้นได้แสดงความโง่ออกมาโดยไม่รู้ตัว

คนเก่งจริง ต้องเรียนรู้เสมอว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือตัวเรายังมีคนที่เก่งกว่า จงถ่อมตนเสมอ จงเป็นผู้ให้เสมอ


รามาวตาร เนื้อเรื่องคือ รามเกียรติ์ นะครับ ไม่ใช่รามายณะ

ขอโทษนะครับ คุณปลาวาฬ คนละเรื่องเหรอครับ ผมยังไม่ค่อยจะรู้เรื่องนัก เพิ่งจะมาศึกษา เข้าใจว่าเป็นรื่องเดียวกัน
ขอบคุณมากนะครับ
เจมส์ซิโน 

รามเกียรติ์ เป็นของแต่งใหม่ เอาเค้าโครงจากรามายณะ

แล้วรามายณะ เขารจนาไว้เพื่อสวดและเทศนาในงานต่างๆ แม่แต่พิธีศพก็มีการเอ่ยนามพระรามไปตลาดทางไปแม่น้ำคงคา และมันเป็นเหมือน"คัมภีร์พระเวท"เล่มๆหนึ่ง ชาวบ้านไม่ได้อ่านพระเวทหรอก ก็เทศนาเรื่องรามายณะให้ชาวบ้านฟัง เพราะเชื่อว่าฟังแล้วร่ำรวย ยิ่งใหญ่ ได้บุญ

แต่รามเกียรติ์ คือเอารามายณะเวอร์ชั่นต่างๆ เวอร์ชั่นสันสกฤต ฮินดี เบงกอล และเวอร์ชั่นอินเดียใต้ มายำรวมกัน แล้วเอามาเรียบเรียงใหม่ และแต่งตอนอื่นๆเพิ่มเติมลงไป

อย่างชื่อสหัสเดชะในรามเกียรติ์ ของเราเป็นชื่อยักษ์ แต่อ.เสถียรโกเศศให้ความเห็นว่าเป็นชื่อกองทัพของทศกัณฐ์

ลูกทศกัณฐ์ชื่อ ทศคีรีวัน แต่ดูจากศัพท์มันเป็นชื่อทศกัณฐ์มากกว่าชื่อลูก เพราะ ทศคีรีวัน คือ ทศครีวะ หรือไม่ก็ ทศครีวัน

และรามเกียรติ์ แต่งไว้เล่นละครเล่นโขนครับ เนื้อเรื่องส่วนใหญ่ จะออกแนวออกอภินิหาร ในขณะที่รามายณะ ตัวละครมันน่าศรัทธาในพฤติกรรม เช่น หนุมาน มีความจงรักภักดีต่อพระรามอย่างสุดใจ

เอาง่ายๆ ครับว่า แยกให้ออกก่อนครับ คือ

รามเกียรติ์ ของไทย
รามายณะ ของศาสนาฮินดู

โดยรามเกียรติ์เอาเค้าโครงมาจากรามายณะ แม้เนื้อหาและการดำเนินเรื่องบางส่วนจะคล้ายกัน แต่ว่าถือว่าไม่ใช่เล่มเดียวกันครับ

ถ้าจำไม่ผิดถูกพระราชนิพนธ์โดยพระเจ้ากรุงธนบุรีครับ

ร.1ท่านรวบรวมที่เหลือมาตั้งแต่สมัยอยุธยา

พระเจ้ากรุงธนบุรี ท่านไม่ได้นิพนธ์รามเกียรติ์ครับ

มันมีหลายฉบับนะครับ

จริงอยู่ว่ามีปรากฎตั้งแต่สมัยอยุธยา แต่เป็นรามเกียรติ์บทพากษ์ครับ

แต่ที่เห็นๆ กันเป็นฉบับ ก็คือตั้งแต่ สมัยกรุงธนบุรี "พระราชนิพนธ์พระเจ้ากรุงธนบุรี"
โดยพระราชนิพนธ์ไว้แล้วเสร็จ 4 ตอน

  • ตอน 1 ตอนพระมงกุฎ
  • ตอน 2 ตอนหนุมานเกี้ยวนางวานริน
  • ตอน 3 ตอนท้าวมาลีวราชว่าความ จนทศกัณฐ์เข้าเมือง
  • ตอน 4 ตอนทศกัณฐ์ตั้งพิธีกรวดทราย พระลักษณ์ต้องหอกกบิลพัท จนถึงผูกผมทศกัณฐ์กับนางมณโฑ

    พอมาถึงกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกได้รวบรวมของเก่า และพระราชนิพนธ์เติมในเนื้อเรื่องบางส่วนที่ขาดหายไปตั้งแต่ต้นจนจบครับ

หรอครับ???
ขอบคุณคับ เพิ่งทราบว่าพระเจ้าตากท่านแต่งรามเกียรติ์

ที่ทราบ มีร.1และร.2 ที่นิพนธ์


เรื่องรามเกียรติ์ฉบับของไทยนั้น เท่าที่มีการค้นพบประกอบด้วย 4 ฉบับสำคัญ ได้แก่

1. ฉบับพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ทั้งสิ้น 4 ตอน (ดังที่คุณกาลิทัสนำมากล่าวไว้แล้ว) โดยในบานแผนกของบทพระราชนิพนธ์รามเกียรติ์ฉบับสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้ระบุถึงวันและเวลาที่พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์เรื่องนี้ไว้เมื่อวันอาทิตย์ เดือน 6 ขึ้น 1 ค่ำ ปีฉลู จุลศักราช 1132 ตรงกับปี พ.ศ.2313 เป็นปีที่ 3 แห่งรัชกาลของพระองค์
2. ฉบับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระราชนิพนธ์ตั้งแต่ต้นจนจบ กล่าวได้ว่าเป็นฉบับที่สมบูรณ์ที่สุด
3. ฉบับพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
4. ฉบับพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์เพื่อใช้สำหรับแสดงโขนบางตอน โดยทรงนำฉบับพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยมาปรับปรุงใหม่

รามายณะ.....แต่งไว้สวด เทศนา สั่งสอน สวดให้ชาวบ้านฟัง

รามเกียรติ์......แต่งไว้เล่นโขน ละครใน ละครรำ เล่นกันในรั้วในวัง เนื้อหาที่เล่นเพื่อความบันเทิง อวดอิทธิฤทธิ์หลายตอน

แหม พี่เราความรู้แน่นปึ๊กจริง ๆ เลยค่ะ  ยังงี้ต้องขอฝากตัวเป็นศิษย์ท่านคุรุกาลิทัส ซะแล้ว อิอิ

พี่ยีนส์คะ ยังไงถ้าหากเจอลิ้งค์ของคัมภีร์ รามายณะ รบกวนพี่ยีนส์โพสต์ให้แนทอ่านหน่อยนะคะ

จะเป็นพระคุณเชียวค่ะพี่ยีนส์ 

ชัยยะ รามา
สุ จิ ปุ ลิ  ขาด สักข้อ ก็ไม่ครบการเป็นปราชญ์

ปราชญ์ที่ดีต้องเป็นผู้ฟังมากกว่า พูด พูดในสิ่งที่สมควรพูด

ผู้ที่ฉลาดแท้จริง ฟัง มากกว่าพูด เพราะถ้าเรารู้ไม่จริง หรือไม่หมดก็จงอย่าพูด

เพราะเมื่อเปิดปากออกมา เมื่อนั้นได้แสดงความโง่ออกมาโดยไม่รู้ตัว

คนเก่งจริง ต้องเรียนรู้เสมอว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือตัวเรายังมีคนที่เก่งกว่า จงถ่อมตนเสมอ จงเป็นผู้ให้เสมอ


ตำนานการกำเนิดของทศกัณฐ์นั้น กล่าวกันว่า เดิมทศกัณฐ์ (ราวณะ) นั้นเป็น ทวารบาลนามว่า "ชัย" กับ "วิชัย" ของพระมหาวิษณุ

แล้ววันหนึ่งขณะที่พระวิษณุกลับมาจากการอวตารเป็นเต่าทองคำเพื่อทำพิธีกวนเกษียรสมทร เมื่อเสร็จสิ้นพิธีก็ทรงรู้สึกเพลียจึงเข้าบรรทมในไวกูณฑ์




ในเวลาที่พระวิษณุบรรทมอยู่ได้มี จตุรกุมาร หรือ สี่พรหมบุตร (สนะกะ, สนันทนะ, สนาตนะ และ สนัตกุมาร) ได้เดินทางมาเยี่ยม และ ขอเข้าเฝ้าพระวิษณุ แต่นายทวารบาลชัยกับวิชัยที่เฝ้าอยู่หน้าประตูทางเข้าไวกูณฑ์ โดยกล่าวว่า พระวิษณุขณะนี้กำลังบรรทมอยู่จึงไม่ให้ใครเข้ารบกวน

ฝ่ายพรหมบุตรทั้งสี่ก็อ้างว่าตนนั้นได้เดินทางไกลจากพรหมโลก มาเพื่อขอเข้าเฝ้าพระวิษณุที่วิษณุโลก อีกอย่างพระวิษณุก็ได้เคยประทานพรไว้แล้วว่าพวกตนทั้งสี่ สามารถเข้าเฝ้าได้ทุกเมื่อทุกเวลาที่ต้องการ

ชัยกะวิชัยได้ยินดังนั้นก็หัวเราะเยาะ แล้วกล่าวว่า นี่เจ้าพวกเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมทั้งสี่ พวกเจ้าเอาอะไรมาอ้าง เราเฝ้าที่ทวารบาลนี้มาช้านานหลายร้อยปีแล้ว ก็ไม่เคยเห็นพวกเจ้าสักครั้ง อีกทั้งพวกเจ้าทั้งสี่อายุยังน้อยทำไมเราจึงไม่เคยเห็นพวกเจ้าเลย แต่พวกเจ้ากับมากล่าวว่าเคยมาเข้าเฝ้าและได้รับเทวานุญาตให้เข้าเฝ้าได้ตลอด

พรหมบุตรทั้งสี่ได้ฟังดังนั้นก็โกรธที่ชัยกับวิชัยมาดูถูกพวกตน ก็ไม่สนใจเดินตรงฝ่าจะเข้าประตูไป ชัยกับวิชัยเห็นดังนั้นก็ตรงเข้าขัดขวางทำร้ายพรหมบุตรทั้งสี่ในทันใด แต่ก็ไม่สามารถทำร้ายพรหมบุตรทั้งสี่ได้



เมื่อพรหมบุตรเห็นดังนั้นจึงได้สาปชัยกับวิชัยว่า "ดีแหละเจ้าทวารบาลทั้งสอง เจ้าดูถูกว่าเราเป็นเด็ก ที่ร่างของเราเป็นเด้กอยู่นั้นใช่ว่าอายุของเราจะน้อยตามร่าง แต่ความจริงเรามีอายุมากกว่าเจ้าหลายล้านปี เรานั้นเป็นโอรสของพระพรหมเจ้า เป็นผู้จาริกบุญออกสอนธรรมะไปทั้งสามโลก การที่พวกเจ้ากล่าวดูถูกเราซึ่งเป็นวรรณะพราหมณ์เช่นนี้ก็ถือว่าเป็นความผิด และด้วยพวกเจ้าใช้อาวุธทำร้ายพราหมณ์นั้นก็ถือว่าเป็นความผิดยิ่งกว่า การทำร้ายพราหมณ์ผู้ทรงศีลนั้นในธรรมศาสตร์กล่าวว่าเป็นบาปอย่างมหันต์"

"เราขอสาปให้เจ้าทั้งสองลงไปรับกรรมในโลกมนุษย์ โดยถือกำเนิดเป็นมาร 3 ชาตินับแต่นี้ไป" สาปเสร็จเหล่าพรหมบุตรทั้ง 4 ก็จากไป

ชัยกับวิชัยเมื่อโดนสาปเช่นนี้ก็ตกใจกลัว รีบเข้าไปทูลเรื่องให้พระวิษณุทรงทราบ พระวิษณุเมื่อได้ทรงทราบแล้วก็ทรงตรัสว่า

"ชัย วิชัย เธอทั้งสองได้ก่อบาปมหันต์ไว้ ด้วยการทำร้ายพราหมณ์ผู้ทรงศีลจนโดนสาป อีกทั้งพรหมบุตรทั้งสี่นี้ถือว่าเป็นสาวกผู้ภักดีในเราการจะทำให้คำสาปนั้นไม่เป็นผลเราไม่สามารถกระทำได้ เธอทั้งสองต้องลงไปกำเนิดในโลกมนุษย์เพื่อชดใช้กรรมตามที่พรหมบุตรทั้งสี่ได้กล่าวสาปไว้ให้คำสาปของพรหมบุตรนั้นเป็นจริง เมื่อนั้นเราจะลงไปสังหารพวกเธอทั้ง 3 ครั้ง 3 คราวที่พวกเธอไปถือกำเนิดเป็นมารเอง เพื่อให้พวกเธอได้กลับมายังวิษณุโลกเหมือนเดิมอีกครั้ง"


เมื่อพระวิษณุให้คำมั่นสัญญากับชัยและวิชัยเช่นนี้แล้ว ทั้งสองจึงค่อยโล่งใจ แล้วสำนึกในบาปที่ได้กระทำไว้ โดยยอมลงมาเกิดในโลกมนุษย์ 3 ชาติ โดยแต่ละชาติจะกำเนิดเป็นมารดังนี้

ชาติที่ 1 ถือกำเนิดในตระกูลไทตยะ หรือ แทตย์ (บรรพบุรุษแห่งอสูร)

ชัย ได้ถือกำเนิดเป็น หิรัณยากษะ ผู้ลักพาพระแม่ภูมเทวีไปซ่อน พระวิษณุจึงอวตารลงมาเป็น หมูป่า (วะราฮาวะทาระ) มาปราบ และ เพื่อยุติการประลองกำลังอำนาจระหว่างพระศิวะกับพระพรหม

วิชัย ได้ถือกำเนิดมาเป็น หิรัณยกศิยปุ (ไทยเรียก หิรัณยักศิปุ) ผู้เป็นน้องชายของหิรัณยากษะ และ ผู้ทำการข่มเหงสรรพสัตว์ เทวดา พระวิษณุจึงอวตารลงมาเป็น นรสิงห์ (นะระสิมฮาวะทาระ)

ชาติที่ 2 ถือกำเนิดในตระกูลรากษส (ตระกูลของไทตยะ สายพันธุ์ใหม่)

ชัย ได้ถือกำเนิดเป็น ราวณะ หรือ ทศกัณฐ์

วิชัย ได้ถือกำเนิดเป็น กุมภกรรณ
แล้วพระวิษณุกับเศษนาคได้อวตารลงมาปราบ ในการอวตารลงมาเป็นพระรามกับพระลักษมณ์ (รามาวตาร)

ชาติที่ 3 ถือกำเนิดในตระกูลลูกครึ่งระหว่าอสูรกับมนุษย์ ตระกูลนี้เรียกว่า มาร

ชัย ถือกำเนิดเป็นพญากงส์ หรือ คัมสะ

วิชัย ถือกำเนิดเป็น ศิศุปาล หรือ ชิชุพาละ
แล้วพระวิษณุได้อวตารลงมาปราบ โดยอวตารเป็นพระกฤษณะ (กฤษณาวตาร)

ส่วนเรื่องชาติพันธุ์อสูรนั้น เดี๋ยวผมจะโพส ตั้งกระทู้ให้ใหม่แยกไว้เพื่อสะดวกในการค้นหานะครับ จะได้แยกกันถูกว่าสายพันธุ์ไหนเรียกว่าอ่ะไรกันบ้าง ลองอ่านดูเอาก็แล้วกัน
[HIGHLIGHT=#ffff00]
[HIGHLIGHT=#ffff00]อันจิตมนุษย์นั้นชอบวิ่งออกไปแสวงหาพระเจ้าจากวัตถุภายนอก[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]จนลืมย้อนมองดูพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริง อันสถิตอยู่ในใจเรา[/HIGHLIGHT]
[/COLOR][/HIGHLIGHT][/FONT]

ขอบคุณมากครับ

เรื่องพระกฤษณะปราบกังสะผมสงสัยว่า ทุกปุราณะบอกว่าฆ่าด้วยมือเปล่าทั้งหมดรึเปล่า
ในศิลปะเขมร พระกฤษณะถือพระขรรค์แทบทุกรูป จิกผมพญากังสะ แล้วเงื้อมมือจะตัดหัว???

เขาไม่ได้บอกว่า ฆ่าด้วยมือเปล่า หรือ ฆ่าด้วยอาวุธ

เขาเพียงกล่าวว่า คริชณะได้สังหารคัมสะ เท่านั้นเอง

ที่เหลือ เราก็มาจิตนาการเอาทั้งนั้น
[HIGHLIGHT=#ffff00]
[HIGHLIGHT=#ffff00]อันจิตมนุษย์นั้นชอบวิ่งออกไปแสวงหาพระเจ้าจากวัตถุภายนอก[/HIGHLIGHT]
[HIGHLIGHT=#ffff00]จนลืมย้อนมองดูพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริง อันสถิตอยู่ในใจเรา[/HIGHLIGHT]
[/COLOR][/HIGHLIGHT][/FONT]


ขอขอบพระคุณ ท่านกาลปุตรามาก ๆ ค่ะ ได้ความรู้ดี แท้ ๆ ทั้งยังมีภาพสวยๆ ประกอบด้วย สุโค่ย ค่ะ
สุ จิ ปุ ลิ  ขาด สักข้อ ก็ไม่ครบการเป็นปราชญ์

ปราชญ์ที่ดีต้องเป็นผู้ฟังมากกว่า พูด พูดในสิ่งที่สมควรพูด

ผู้ที่ฉลาดแท้จริง ฟัง มากกว่าพูด เพราะถ้าเรารู้ไม่จริง หรือไม่หมดก็จงอย่าพูด

เพราะเมื่อเปิดปากออกมา เมื่อนั้นได้แสดงความโง่ออกมาโดยไม่รู้ตัว

คนเก่งจริง ต้องเรียนรู้เสมอว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือตัวเรายังมีคนที่เก่งกว่า จงถ่อมตนเสมอ จงเป็นผู้ให้เสมอ


นับถือๆครับคุณกาลปุตรา
WELCOME TO HINDUMEETING

เรียน สมาชิกเก่าและสมาชิกใหม่ของเว็บ HinduMeeting
ขอความกรุณาทุกท่านศึกษากฎ กติกา มารยาทของเว็บด้วยนะครับ

http://www.hindumeeting.com/forum/index.php?topic=1423.0

ขอแสดงการยอมรับ ในความรู้ ของ คุณ กาลปุตรา

ได้ไปอ่าน ที่ คุณ กาลปุตรา ที่ เขียนใน HM.  มา รู้สึกว่า เป็นคนที่ศึกษา แน่น มากกกกกก อิอิ โดยเฉพาะ ในเรื่อง ทฤษฎี ขอย้ำอีกครั้งค่ะ ว่า แน่น ค่ะ



GOOD GOOD GOOD

[HIGHLIGHT=#ffffff]
ภควาน จักรวาลชนนี
[/HIGHLIGHT]

เพราะ..สังคม ประเมิณค่า ที่จนรวย คนจึงสร้าง..เปลือกสวย ไว้สวมใส่

หากสังคม..วัดค่า ที่ภายใน  คนจะสร้าง..จิตใจ ที่ '' ใฝ่ดี''





ขอบพระคุณ คุณกาลปุตรามากค่ะ
นับเป็นมณีเม็ดงามอีกเม็ดประดับเว็บบอร์ดเลยค่ะ
   ขอพาหาพลรามอันงามขาว    ดังจันทร์คราวเริ่มแรกอุทัยไข
ทรงกำลังสามารถฉกาจไกร       ดังว่าได้ดื่มซึ่งอาสวรส
เต็มด้วยอวตารแห่งปัทมา        ลักษมีกันยาสุภาสด
น่าใคร่ราววสันต์อันงามงด       จงคุ้มท่านทั้งหมดในที่นี้


(คัดจากเทวีวาสวทัตตา ของภาสะ แปลโดย ท่านผู้หญิงดุษฎีมาลา มาลากุล)

ขอบคุณทุกท่าน
สำหรับความรู้ดีๆนะครับ
ขอให้สิ่งดีๆ
ย้อนกลับเข้าตัว"ผู้ให้"เป็นล้านเท่า
~สาธุๆ
Yes, I  Love  HM...       

ปลื้มอะ
คุคุ
ข้าแต่พระวาคีศวรีเจ้า พระมารดาแห่งพระเวทย์ พระมารดาแห่งศฤงคาร พระมารดาแห่งขุนเขา 
ในนามของ พระปารวตี  ลักษมี  สรัสวตี  สาวิตรี  คายตรี พระองค์คือปรมาตมัน 
พระผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งพระพรหม วิษณุ รุทระ
ด้วยพระกรุณาแห่งพระองค์ จักทำให้โลกที่มืดด้วยอวิทยาสว่างขึ้นโดยพุทธิปัญญา

โอม ตัต สัต

สุดยอดกันทุกคน ... ขอปรบมือให้ดังๆเลย.......+++
[HIGHLIGHT=#ffff00]ผู้ที่ได้ชื่อว่าบุตรแห่งเทวะ  ย่อมมีหัวใจของเทวะ    [/HIGHLIGHT]